มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2821 มึงล่ากูหนี
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2821 มึงล่ากูหนี
เพียงพริบตาเดียว หลัวซิวก็หลบหนีมาหลายวัน บัดนี้เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่กำลังไล่ล่าเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว ตัวสำนึกของเขาสามารถแผ่ขยายจนครอบคลุมพื้นที่สามล้านกว่าไมล์ ภายในเขตพื้นที่ที่ตัวสำนึกของเขาสามารถสัมผัสได้นั้น ไม่มีพลังออร่าของอสูรจิตใด ๆ คงอยู่เลย
ตัวสำนึกของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ต้องถูกกดอัดด้วยแน่นอน เพราะตนมีข้อได้เปรียบด้านการวิวัฒนาการของวิถีไร้ลักษณ์ ดังนั้นหลัวซิวสันนิษฐานว่าพื้นที่ที่ตัวสำนึกของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนสามารถครอบคลุมได้ ก็น่าจะไม่ค่อยต่างอะไรจากตัวเองมากเท่าไหร่
ถ้าเกิดเขาถูกตัวสำนึกของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนสัมผัสได้ นั่นก็หมายความว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนได้ปรากฏในขอบข่ายที่ห่างจากตน ณ ปัจจุบันสามล้านไมล์ ซึ่งระยะห่างนี้เพียงพอที่จะสามารถทำให้เขามีเวลาตอบสนองกลับมาได้แล้วหลบหนีไป
ทว่าสิ่งที่หลัวซิวต้องทำ ณ วินาทีนี้ก็คือตระหนักรู้เกณฑ์ทวยเทพธรรมที่เคยถูกปรับปรุงแก้ไขของพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ ทันทีที่ศักยภาพของเขาสามารถฟื้นฟูกลับไปถึงระดับขั้นอย่างโลกาภายนอก เช่นนั้นเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องหลบหน้าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนนั่นแล้ว
……
สถานแหล่งเต๋าปิดไปแล้ว แต่สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในสถานแหล่งเต๋ากลับไม่เคยสงบลงเลย
ร่างของไท่ซ่างฉิงที่กลับชาติมาเกิดปรากฏตัวที่นี่ ซึ่งใช้ชื่อปลอมว่าเหวิ้นเต้า ทำการสังหารอัจฉริยะแห่งเผ่าฟ้าไปเยอะจนนับไม่ถ้วน ยิ่งทำให้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในหมู่วัยรุ่นยุคใหม่ของเผ่าฟ้าอย่างสิงซาหนีหัวซุกหัวซุน
ตั้งแต่โบราณกาลมา ในดาราจักรวาลของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเคยมีผู้สูงส่งอุบัติขึ้นมาเยอะมาก และถึงแม้ชื่อเสียงของไท่ซ่างฉิงจะโด่งดังมากก็ตาม ทว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิ เมื่อพูดตามหลักแล้ว ร่างที่ผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งกลับชาติมาเกิดน่าจะไม่ได้รับความสนใจมากเช่นนี้
แต่ว่าทันทีที่มีข่าวคราวหนึ่งแพร่งพรายออกไป ทุกคนก็ล้วนตามหาหลัวซิว เพราะข่าวคราวที่ถูกแพร่พรายออกไป ก็คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหอคอยฮวง
มีข่าวลือเล่ากันว่าครั้นเมื่อหอคอยฮวงเปิดออก หลัวซิวร่างที่ไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิดก็ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวงแล้ว!
หลังจากข่าวคราวเช่นนี้แพร่งพรายออกไป แม้แต่เฒ่าประหลาดระดับผู้สูงส่งจำนวนมากก็ล้วนตื่นตกใจไปด้วย อย่างไรเสียหอคอยฮวงก็มีความหมายที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เมื่อได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง ขอแค่ไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ ทันทีที่บรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง ก็จะสามารถควบคุมหอคอยฮวงได้อย่างแท้จริง แค่อาศัยพลานุภาพของอัญสมบัติอย่างหอคอยฮวง เขายิ่งสามารถขึ้นมาทดแทนผู้สูงส่งโลกร้างในยุคปัจจุบัน กลายเป็นผู้แกร่งเลิศรุ่นใหม่ของโลกร้าง
แต่ทว่าเมื่อข่าวคราวแพร่งพรายออกไป หลัวซิวก็หายตัวไปแล้ว ผู้ที่หายไปพร้อมกับเขายังมีเจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งวังสิงเทียนด้วย นี่จึงทำให้ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากล้วนสันนิษฐานว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทราบข่าวคราวดังกล่าวเร็วกว่าพวกเขา ซึ่งได้เป็นฝ่ายชิ่งลงมือก่อนแล้ว
หลังจากผ่านไปไม่นานนัก วังสิงเทียนก็มีการตอบสนอง สำหรับเรื่องราวที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์มุ่งหน้าไปไล่ล่าหลัวซิวนั้น ระดับสูงของวังสิงเทียนให้การยอมรับโดยตรงเลย เพราะจากตำแหน่งอำนาจของวังสิงเทียน พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องโกหกในเรื่องทำนองนี้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกแปลกใจคือ จากคำตอบของวังสิงเทียน กลับบอกว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ของพวกเขาได้เข้าไปในพสุดารานอกนภาขณะไล่ล่าหลัวซิว!
เมื่อได้ยินพสุดารานอกนภา สีหน้าของผู้แข็งแกร่งจำนวนมากก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะมาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่ง หากเข้าไปในพสุดารานอกนภาแล้ว ผลการฝึกตนทั้งหมดก็จะหายไปภายในพริบตาเช่นกัน ไม่สามารถสัมผัสและโคจรเกณฑ์พลังเต๋าใด ๆ อีกทั้งสถานที่อย่างพสุดารานอกนภาเข้าไปง่าย แต่หากต้องการออกมานั้นกลับทำได้ยากมาก อดีตก็เคยมีผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเข้าไปเช่นกัน ทว่าหลังจากเข้าไปแล้วก็ไม่เคยกลับออกมาอีกเลย
ในมุมมองของคนจำนวนมาก อย่าว่าแต่หลัวซิวเลย ต่อให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า เมื่อบุกเข้าไปในพสุดารานอกนภาอย่างมุทะลุแล้ว ก็มีแนวโน้มไปทางร้ายมากกว่าดีสูงมาก มาตรแม้นว่าโอกาสในการถูกหอคอยฮวงยอมรับจะดีมากเพียงใดก็ตาม หากทิ้งชีวิตตัวเองอยู่บนนั้นละก็ เช่นนั้นทั้งหมดทั้งมวลก็จะเป็นเพียงการคุยฟุ้งและเพ้อฝัน
……
ณ หุบเข่าสยบปีศาจแห่งโลกร้าง เนื่องจากหุบเขาสยบปีศาจซ่อนเร้นอยู่ในอนัตตา นอกเสียจากมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานทำการค้นหาเป็นวงกว้าง มิเช่นนั้นต่อให้จะตั้งใจหามากเพียงใด ก็ตามหาตำแหน่งที่ตั้งที่แท้จริงของหุบเขาสยบปีศาจได้ยากมาก
ดังนั้นตลอดช่วงเวลาที่หลัวซิวจากมานี้ สถานการณ์ในหุบเขาสยบปีศาจก็ค่อนข้างสงบสุข
แต่เมื่อใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานเกินไป ไม่ว่ายังไงจิตใจก็ต้องมีความรู้สึกเหมือนล้อมคอกก่อนวัวหายเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นคนในเผ่าจี้หรือภูเขาว่านเริ่น ต่างก็เข้าใจดีมาก ๆ ว่าสาเหตุที่พวกเขาได้รับชีวิตที่สงบสุขเช่นนี้นั้น ล้วนเป็นเพราะหลัวซิววิ่งเต้นบากบั่นและสู้อยู่ด้านนอกคนเดียว
ทั้งหมดที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่จ้าวหุบเขาประทานให้
บนพระราชวังที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่อยู่ใจกลางหุบเขาสยบปีศาจ ถูกหลัวซิวตั้งชื่อว่าวังซิวหลัว ภายในวังซิวหลัว ณ เวลานี้ ผู้คนกำลังรวมตัวกันอยู่ในนี้โดยมีเหยียนซีโรว่และเหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นผู้นำ
ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่ติดตามหลัวซิวในภพชาตินี้ ผลการฝึกตนของเหยียนซีโรว่และเหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ถือว่าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่นัก ทว่าเนื่องจากพวกนางทั้งสองเป็นคู่ครองที่ถูกหลักทำนองคลองธรรมของหลัวซิว ดังนั้นพวกนางที่อยู่ในหุบเขาสยบปีศาจย่อมต้องมีตำแหน่งที่พิเศษอยู่แล้ว นอกเหนือจากกลุ่มคนที่พวกนางสนิทด้วย เมื่อคนอื่นพบเจอพวกนาง ล้วนต้องเรียกพวกนางว่าฮูหยินอย่างเคารพนอบน้อม
กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาที่หลัวซิวออกจากหุบเขาสยบปีศาจในครั้งนี้ยาวนานกว่าครั้งก่อนมาก ผลการฝึกตนของผู้คนในหุบเขาสยบปีศาจทยอยบรรลุถึงจุดตีบตันแล้ว การฝึกตนอยู่ในหุบเขาสยบปีศาจต่อก็เกิดการพัฒนายากมาก แต่หลัวซิวกลับไม่กลับมาสักที นี่จึงทำให้ผู้คนยากที่จะตัดสินใจ ฉะนั้นถึงได้มาปรึกษาหารือร่วมกับเหยียนซีโรว่และเหยียนเยว่เอ๋อร์
“ระยะเวลาที่ท่านสวามีจากไปในครั้งนี้ค่อนข้างยาวนานก็จริง แต่เชื่อว่าจากศักยภาพของท่าน น่าจะถูกเรื่องราวบางอย่างพันธนาการอยู่ ทุกคนไม่ต้องกังวลไป”
ในฐานะที่เหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ใหญ่ของที่นี่ แม้นภายในใจนางก็เป็นห่วงและคิดถึงหลัวซิวมากเช่นกัน ทว่ากลับไม่แสดงออกมาผ่านสีหน้าแม้แต่น้อย
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ภายใต้การจัดการของนาง กิจธุระทุกอย่างในหุบเขาสยบปีศาจล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก นางเข้าใจดีมาก ๆ ว่าผลการฝึกตนของตนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรท่านสวามีได้ สิ่งที่นางสามารถทำเพื่อท่านสวามีได้ ก็คือจัดการแนวหลังให้ดี ทำให้เขาไร้เรื่องที่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง
หลังจากผ่านการขัดเกลามาหลายปี เดิมทีเหยียนซีโรว่ที่ไม่ถนัดจัดการเรื่องราวเหล่านี้ก็มีการเจริญเติบโตเช่นกัน สตรีทั้งสองร่วมมือกัน บวกกับการช่วยเหลือสนับสนุนจากคนอื่น ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่เคยมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นมาก่อนเลย
“น้องสาวทั้งสอง จ้าวหุบเขาจากไปนานและยังไม่กลับมา จักให้ข้านำกำลังคนออกไปตามหาหรือไม่?”จู่ ๆ ลวี่โหลวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยปากสอบถาม
ภายในหุบเขาสยบปีศาจ ณ ปัจจุบัน ผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงสุดก็คือลวี่โหลว พรสวรรค์ปัญญาของตัวนางเองก็อยู่ในระดับขั้นสุดยอดเช่นกัน อยู่ในหุบเขาสยบปีศาจแล้วได้รับทรัพยากรการฝึกตนและเงื่อนไขที่ดีเลิศอย่างเต็มเปี่ยม ปัจจุบันผลการฝึกตนของนางบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าขั้นสูงแล้ว
สิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างคาดไม่ถึงคือผลการฝึกตนของเสิ่นปิงหยูที่ต่ำกว่าคนส่วนมากในตอนแรก ปัจจุบันกลับแซงหน้าผู้คนไปหมดแล้ว ซึ่งนางเป็นยอดฝีมือที่เป็นรองเพียงลวี่โหลว ผลการฝึกตนบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าช่วงปลาย ประสบความสำเร็จบนวิถิตรีภพเล็กน้อย การข้ามขั้นพัฒนาโดดเด่น
นอกจากนี้แล้วเทพธิดาหงเหยียนแห่งภูเขาว่านเริ่น นายท่านตระกูลเทพสงครามซิงเฉิน รวมไปถึงหัวหน้าเผ่าจี้คนปัจจุบันจี้หานยู่ก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าแล้วเหมือนกัน ความเร็วในการข้ามขั้นเร็วปานเทพเจ้า
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ปัญญาของคนอื่นที่เหลือก็ดูด้อยกว่าหนึ่งระดับเลย ยกตัวอย่างเช่นผลการฝึกตนของเหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่ จีเสี่ยวจื่อและฉียู่หรงต่างอยู่ที่เทพมารระดับแปดช่วงปลายและขั้นสูง
นอกวังซิวหลัว มีชายที่มีบุคลิกลักษณะเป็นวัยรุ่นคนหนึ่งนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่หนึ่งก้อน มีพลังออร่าที่เหมือนสัตว์ประหลาดแพร่กระจายออกมาจากตัวเขา
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าลาร์นั่นหนีไปที่ใดแล้ว หากมันยังอยู่ ข้าจะกระทืบมันให้หัวแตกหัวแตน หนีหัวซุกหัวซุนแน่นอน!”
ซึ่งชายหนุ่มคนดังกล่าวก็คือดูดจิตนั่นเอง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้การเจริญเติบโตของเขาก็โดดเด่นมากเช่นกัน บรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้าแล้ว ต่อให้จะเป็นเพียงเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิก็ตาม ทว่าหากพูดถึงกำลังรบที่แท้จริงแล้วละก็ มาตรแม้นว่าเป็นลวี่โหลวที่มีผลการฝึกตนเป็นเทพมารระดับเก้าขั้นสูง ก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป
สายเลือดของชนเผ่าราชันย์อสูรกลืนจิตย่อมไม่ใช่เล่น ๆ อยู่แล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเงาร่างที่งดงามเดินออกมาจากวังซิวหลัว นอกจากผู้ชายล่ำบึกอย่างซิงเฉินแทรกอยู่ตรงกลางแล้ว คนอื่นที่เหลือแทบจะเป็นสตรีหมดเลย
เมื่อเห็นสตรีทั้งหลายเดินออกมา เงาร่างดูดจิตก็กระพริบแล้ววิ่งตรงไป “พระพันปีทุกท่านหารือผลลัพธ์อะไรได้แล้วหรือยัง? ผู้ใดจักออกไปตามหานายท่านพร้อมข้า?”
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าดูดจิตรู้แล้วว่าเรื่องที่สตรีทั้งหลายปรึกษาหารือร่วมกันคือเรื่องอะไร ภารกิจออกจากหุบเขาเพื่อตามหาเบาะแสของจ้าวหุบเขาในครั้งนี้ หนึ่งในโควต้าที่ต้องไปอย่างแน่นอนก็คือเขาแล้วล่ะ
สตรีทั้งหลายต่างอมยิ้ม สำหรับพฤติกรรมที่ดูดจิตเรียกพวกนางว่าพระพันปีนั้น พวกนางรู้สึกชินไปตั้งนานแล้ว แม้แต่เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ที่เป็นภรรยาของจ้าวหึบเขาที่แท้จริงก็ไม่ได้นำมาใส่ใจเช่นกัน
ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุทธ์เป็นเจ้านี้ มันไม่มีการรักหรืออยู่กินกับคนคนเดียวไปจนตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สำหรับแนวคิดหนึ่งสามีหนึ่งภรรยา แม้นจักมีคนเป็นเช่นนี้ แต่กลับไม่ได้หมายความว่าทุกคนล้วนต้องเป็นเหมือนกัน
สำหรับปัญหานี้ อันที่จริงเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ต่างปลงตกตั้งนานแล้ว พวกนางไม่สนใจเลยว่าตกลงจะมีสตรีคอยอยู่เคียงข้างกายหลัวซิวกี่คน ขอแค่ภายในใจท่านสวามีมีตำแหน่งของพวกนาง พวกนางก็จะไม่มีคำพูดที่คับแค้นใจใด ๆ อีกทั้งพวกนางก็ทราบเช่นกันว่าไม่ว่าจะเป็นฉียู่หรง หรือพวกเสิ่นปิงหยูต่างก็อยากอยู่เคียงข้างท่านสวามีถึงเลือกที่จะติดตามเขา
……
จากการที่เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ระยะเวลาที่หลัวซิวและเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเข้ามาในพสุดารานอกนภาก็ผ่านไปสามปีกว่าแล้ว
ในระหว่างนี้ หลัวซิวไม่พบจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่นี่เลย ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่เห็นอสูรจิตแม้แต่ดวงเดียว ราวกับพสุธาห้วงดาราแห่งนี้มีเพียงความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต แม้แต่หญ้าก็ไม่มีสักต้น
ตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ หลัวซิวหลบเลี่ยงการจู่โจมสังหารจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนแรกเริ่มทุกครั้งที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเข้าใกล้ขอบเขตสามล้านไมล์ เขาก็จะตื่นขึ้นมาจากสภาวะอนุมานเกณฑ์พลังเต๋า แล้วรีบหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
กระทั่งต่อมา เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ฉลาดเฉียบแหลมขึ้นมาเช่นกัน เขาใช้เคล็ดวิชาเก็บซ่อนพลังออร่า มีหลายครั้งมากที่เขาค่อย ๆ ประชิดใกล้เข้ามาแล้วจู่โจมกะทันหัน ทำให้หลัวซิวเกือบทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่
ทว่าเมื่อผ่านการไล่ล่าและหลบหนีมาสามปี สัญชาตญาณที่มีต่อความอันตรายของหลัวซิวก็ว่องไวและเฉียบแหลมมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยังไม่ทันได้ลงมือจู่โจม เขาก็สัมผัสความอันตรายได้ล่วงหน้า ก่อนจะหลบหนีออกไปไกล
ในที่สุดวันนี้ หลัวซิวก็มองเห็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง น้ำในทะเลสาบที่มีคลื่นแสงที่ใสแจ๋วใสสะอาดมาก รอบทะเลสาบมีต้นไม้สีเขียวโอบล้อม ราวกับแดนสุขาวดีที่อยู่ในทะเลสาบยังไงอย่างนั้น
“ดูท่าพสุธาห้วงดาราแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะไร้สิ่งมีชีวิตโดยสิ้นเชิงเสมอไป”หลัวซิวสัมผัสได้ถึงออร่าชีวิตที่เข้มข้น สำหรับการค้นพบนี้ เขาไม่ได้ดูแปลกใจมากเท่าไหร่นัก เพราะเขาค้นพบตั้งแต่แรกแล้วว่าเกณฑ์ฟ้าดินของที่นี่สมบูรณ์แบบมาก ในเกณฑ์ฟ้าดินที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ไม่มีทางไม่มีสิ่งมีชีวิตถูกหล่อเลี้ยงออกมาแน่นอน
หลัวซิวเพิ่งมาถึงริมฝั่งทะเลสาบ ก็มีจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันส่งตรงมาจากด้านหลัง เขาแทบจะบ่มเพาะจนกลายเป็นปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณแล้ว ก่อนที่เขาจะลอยตัวขึ้นฟ้าอย่างไม่ลังเลใจ เตรียมพร้อมที่จะหลบหนี
ตลอดช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ เขาได้ตระหนักเกณฑ์พลังเต๋าของที่นี่อย่างต่อเนื่อง ทว่าเนื่องจากเกณฑ์ฟ้าดินของที่นี่คือกฎทวยเทพธรรมที่เคยถูกปรับปรุงแก้ไข เพราะหลัวซิวคุ้นเคยกับความล้ำลึกและเกณฑ์ของกฎทวยเทพธรรมดั้งเดิมแล้ว ดังนั้นระดับความเร็วในการตระหนักรู้และอนุมานจึงช้ามาก ๆ ศักยภาพก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับไปถึงขั้นที่สามารถต่อกรกับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนได้อีกเช่นเคย
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเพิ่งบินขึ้นไปเหนือทะเลสาบ จู่ ๆ ทะเลสาบที่อยู่ด้านล่างก็ระเบิดแตก เสาน้ำที่กว้างใหญ่พุ่งทะยานขึ้นมา พุ่งขึ้นมาทางเขาโดยตรง
การปรากฏของเสาน้ำดังกล่าวกะทันหันมาก อีกทั้งความเร็วก็รวดเร็วมากด้วย จึงส่งผลให้หลัวซิวไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาด้วยซ้ำ น้ำทะเลสาบที่เย็นเยือกได้ทำการห่อหุ้มร่างกายเขาเอาไว้ จนประกอบเป็นตัวต้องห้ามที่เหมือนดังคุกวารี ทำการกักขังเขาเอาไว้