มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2825 การปะทะบนสะพานเซียน
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2825 การปะทะบนสะพานเซียน
ภายใต้การกดอัดของเกณฑ์พสุดารานอกนภา ผลการฝึกตนของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับคืนไปถึงแดนมกุฎเทพระดับเก้า
หากเป็นอดีต หลัวซิวย่อมไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนอยู่แล้ว ทว่าปัจจุบันผลการฝึกตนศักยภาพของเขาล้วนฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสิ้นเชิงแล้ว หากได้ต่อสู้กันจริง ๆ ละก็ ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจทราบล่วงหน้าได้
แต่ว่าแดนเซียนนอกนภาเปิดออกแล้ว หลัวซิวไม่อยากเข่นฆ่ากับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตอนนี้ เห็นเพียงเงาร่างเขาเคลื่อนไหวกะทันหัน พุ่งชนไปทางสีมาแสงอัสนีที่ผนึกอยู่รอบ ๆ โดยตรง
“ด้วยผลการฝึกตนแค่นั้นของเจ้า อย่าคิดว่าจะสามารถหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของจักรพรรดิอย่างข้าได้เลย!”เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยิ้มเยาะ อย่างไรก็ตามวินาทีต่อไปเสียงของเขาก็หยุดกะทันหัน
เห็นเพียงภายใต้การพุ่งชนเพียงครั้งเดียวของหลัวซิว สีมาแสงอัสนีก็ถูกพุ่งชนจนระเบิดดังปั้งแล้วแตกสลาย สีมาถูกร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่เกะกะระรานพุ่งชนจนเกิดเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน สำหรับบัญชีที่เจ้าไล่ล่าข้า อนาคตข้าค่อยตามคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!”
หลังจากพุ่งชนสีมาจนแตกสลายแล้ว หลัวซิวก็ก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นเงาร่างก็ร่วงลงบนสะพานเซียนนอกนภา
“ไอ้ชาติชั่ว!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง ยื่นมือใหญ่ข้างหนึ่งออกไปขยำไปทางหลัวซิว อย่างไรก็ตามความเร็วของหลัวซิวนั้นรวดเร็วมากเพียงใด เพียงพริบตาเดียว เขาก็หายไปจากแสงเซียนที่แย้มบานออกมาจากสะพานเซียนแล้ว
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนรีบลอยตัวขึ้นฟ้าแล้วร่วงลงบนสะพานเซียนเช่นกัน เมื่ออยู่ด้านนอกจะมองไม่เห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่บนสะพานเซียน ทว่าหลังจากขึ้นมาบนสะพานเซียนแล้ว สายตาของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ผนึกไปที่ตัวหลัวซิวทันที
บนสะพานเซียนคืออีกมิติหนึ่ง แสงเซียนตลบฟุ้งไปทั่วแล้วประกอบเป็นม่านแสงที่เป็นทำนองเดียวกันกับสีมา ซึ่งตัดขาดกับโลกาภายนอก
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น พลังงานเต๋าที่อยู่บนสะพานเซียนเข้มข้นจนน่าทึ่ง แสงเซียนทั้งหลายสั่นกระเพื่อม มีออร่าพลังเต๋าที่ล้ำลึกถึงขีดสุดไหลเวียน ทำให้จิตใจผู้คนจมดิ่งอยู่ภายในอย่างควบคุมไม่ได้ และไม่สามารถถอนตัวออกมาจากความเพลิดเพลินนี้
“กระบี่เงาอัสนีพันแปด!”
บนสะพานเซียนที่เงียบสงบ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะคอกดังลั่นขึ้นมา ถัดจากนั้นแสงอัสนีสีทองที่นับไม่ถ้วนก็แย้มบาน แสงอัสนีทั้งหลายผนึกรวมกันจนประกอบเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง ก่อนจะพุ่งสังหารเข้าไปทางเงาร่างที่อยู่ในชุดคลุมยาวดำอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน เจ้าอย่าไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี!”สีหน้าของหลัวซิวหม่นหมองลง เตากลั่นนภาจื่อเซียวปรากฏเหนือศีรษะ ฝาเตาเปิดออก อัคคีเทพลุกลามออกมา เงาอัสนีนับหมื่นดวงล้วนถูกเตาเซียนเก็บเข้าไปภายใน
“ตู้มม!”
และในเวลานี้เอง ง้าวเทวทองคำเล่มหนึ่งก็ฟาดฟันเข้ามา กระแทกลงบนเตาเซียนอย่างดุดันจนเกิดเป็นเสียงกวง เห็นเพียงเตาเซียนสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ ก่อนจะกระเด็นออกไปจากเหนือศีรษะหลัวซิว
เมื่อไม่มีการป้องกันจากเตากลั่นนภาจื่อเซียว ก็มีแสงอัสนีสีทองที่นับไม่ถ้วนตัดสลับไปมา วิวัฒนาการเป็นพลังอมตะโจมตีต่าง ๆ สยบไปทางหลัวซิวพร้อมกันจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนคือผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า แม้นจะสามารถปลดปล่อยพลังที่เทียบเท่าราชาเทพระดับเก้าออกมา แต่การยึดกุมเกณฑ์รวมไปถึงการตระหนักรู้ในแดนพลังอมตะบนวิถียุทธ์กลับเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าอย่างแท้จริง ควบคู่กับการปลุกเสกจากกงล้อเทพห้าวง ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่หลัวซิวได้แล้ว
“สรรพวิถีล้วนว้าง!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาลวงกงล้อเทพที่เลือนลางหนึ่งวงปรากฏ แสงอาทิตย์ที่งดงามตระการตาถูกสาดส่องลงมาจากกงล้อเทพวงนี้ จากหลัวซิวเป็นจุดศูนย์กลาง พื้นที่บริเวณโดยรอบนับร้อยไมล์ล้วนถูกแสงกงล้อเทพสาดส่อง
เมื่อปลดปล่อยพลังอมตะอย่างสรรพวิถีล้วนว้างออกมา เห็นเพียงภายใต้การสาดส่องจากรัศมีเทว พลังอมตะโจมตีสังหารอันสะเทือนฟ้าสะเทือนดินที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนปลดปล่อยออกมาก็พังทลายแตกสลายอย่างต่อเนื่อง ไม่มีพลังโจมตีใด ๆ ที่สามารถประชิดใกล้พื้นที่บริเวณโดยรอบหนึ่งร้อยเมตรของหลัวซิวได้เลย
“นี่คือกระบวนท่าอะไร?”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่เคยพบเห็นพลังอมตะเช่นนี้มาก่อน ต้องท้าวความก่อนว่าสิ่งที่เขาปลุกเสกลงพลังอมตะของเขาคือพลังแห่งอัสนีเทวเชียวนะ ซึ่งเป็นพลังแห่งสิงเทียนในพลังแห่งสวรรค์ทั้ง 12 การที่สามารถทำให้พลังอมตะเช่นนี้ดับสลายหายไปได้นั้น มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ถือว่ามีประสบการณ์เยอะเช่นกัน แม้แต่เขายังรู้สึกแปลกใจเช่นนี้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่บนสะพานเซียนเลย
ผู้อาวุโสผู้มีนามว่าจักรพรรดิเทพเทียนสุ่ยนั่นก็เงยหน้าแล้วมองมาทางนี้เช่นกัน ราวกับรู้สึกสนใจในพลังอมตะที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาอย่างยิ่ง
รัศมีเทวไร้ลักษณ์ของสรรพวิถีล้วนว้างแวววาวจับตา แม้นพลานุภาพของง้าวนี้จะถูกลดทอนลงไปไม่น้อย แต่มันก็ยังคงน่าทึ่งอยู่เช่นเคย ซึ่งเพียงพอที่จะสามารถสังหารราชาเทพระดับเก้าได้
“เตี๊ยงง!”
หลัวซิวยกมือขึ้นมาขยำครั้งหนึ่ง กระบี่ร่องฟ้าก็ปรากฏในมือ ฟาดฟันกระบี่เทพออกมา ทำการต้านทานง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์เอาไว้ เสียงโลหะที่กระทบกันทำให้สุญญากาศแตกสลาย ควันหลงจากพลังยังไม่ทันได้แพร่กระจายออกไป ก็ถูกพลังอมตะของสรรพวิถีล้วนว้างทำให้สลายหายไปแล้ว
ง้าวเทวเล่มหนึ่งกำลังหมุนอยู่ในมือเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนอย่างไม่หยุดหย่อน ท่าทีดั่งพายุมรสุม ในเมื่อพลังอมตะที่ผนึกรวมมาจากเกณฑ์พลังเต๋าทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงต่อสู้ในระยะประชิดถึงจะสามารถสังหารหลัวซิวได้
ไม่ว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนจะจินตนาการอย่างไรก็จินตนาการไม่ได้ว่าหลัวซิวนี่ฝึกตนอย่างไรกันแน่ ต่อให้เขาเป็นร่างที่ผู้แข็งแกร่งผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิด เขาที่อยู่ในแดนเทพมารระดับแปดก็ไม่ควรมีศักยภาพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลมากเกินไป
อีกทั้งแม้แต่เขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้ายังต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะเข้ากับเกณฑ์บนพสุดารานอกนภาได้ แต่หลัวซิวกลับทำถึงขั้นนี้ได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี
กระบี่ร่องฟ้าสั่นเทิ้มคำราม ร่างกายลอยถอยหลังกลับไป สรรพวิถีล้วนว้างของเขาสามารถควบคุมพลังอมตะทั้งปวงในหมื่นจักรวาล แต่กลับไม่เป็นผลต่อการต่อสู้เข่นฆ่าด้วยแรงฮึดร่างเนื้อในระยะประชิด
ง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์คืออาวุธเทพระดับจักรวรรดิเลิศล้ำ ส่วนกระบี่ร่องฟ้ากลับเป็นเพียงภัณฑ์มกุฎเทพระดับเก้า ไม่ว่าจะเป็นด้านพลานุภาพหรือคุณภาพ อาวุธทั้งสองชิ้นก็แตกต่างกันเยอะมาก หลังจากประสานงากันนับพันครั้ง กระบี่ร่องฟ้าก็เริ่มต้านทานพลานุภาพของง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์ไม่ได้แล้ว
มือซ้ายลูบคลำกระบี่ร่องฟ้า ราวกับปลอบโยนคนรักของตัวเองอย่างอ่อนโยน กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่ที่เมิ่งเสี้ยทิ้งไว้ ส่วนเขาในอดีตชาติเป็นหนี้บุญคุณเมิ่งเสี้ยเยอะมาก เขาย่อมไม่ปล่อยให้กระบี่เล่มนี้ได้รับความเสียหายในมือเขาอยู่แล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวก็เก็บกระบี่ร่องฟ้ากลับเข้าที่ ศิลาเทวชิงเทียนที่แฝงซ่อนอยู่ในตัวหยั่งรู้ของเขาเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุกแล้ว
“ผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดกระจอก ๆ แต่กลับมีกำลังรบระดับนี้ได้ สมกับเป็นอันดับหนึ่งชั่วนิจนิรันดร์เสียจริง อัจฉริยะไร้เทียมทานที่ปราดเปรื่องเป็นหนึ่ง!”
สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนดูเข้มงวดขึ้นมา เขาเก็บจิตใจที่ดูหมิ่นฝ่ายตรงข้ามกลับมาโดยสมบูรณ์ มองหลัวซิวเป็นคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเองอย่างแท้จริง
หลัวซิวยิ่งแข็งแกร่ง ปณิธานที่เขาจะสังหารฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งแน่วแน่ เพราะทันทีที่ปล่อยให้หลัวซิวเติบโตขึ้นมาได้ละก็ เขาต้องกลายเป็นศัตรูที่น่าสยดสยองของวังนภาสิบสองแห่งเผ่าฟ้าอย่างแน่นอน
“กงล้อเทพทัณฑ์สวรรค์ปลุกเสกร่างข้า”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนตะคอกเสียงดังลั่นคำหนึ่ง กงล้อเทพทั้งห้าวงที่อยู่หลังศีรษะกลายเป็นสายฟ้าแล้วหลอมรวมเข้าไปในร่างกายเขา ถัดจากนั้นเขาก็ปล่อยฝ่ามือออกไป ฝ่ามือข้างหนึ่งแผ่คลุมฟ้าดิน จากนั้นก็มีพลังที่เผด็จการดุดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้กดอัดลงมากะทันหัน!
พลังโจมตีนี้ทำให้จิตใจหลัวซิวหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าแม้นจะเป็นพลังอมตะของสรรพวิถีล้วนว้าง ก็ต้านทานพลังโจมตีนี้ไม่ไหวแน่นอน
ถึงแม้พลังอมตะอย่างสรรพวิถีล้วนว้างจะทรงพลังประณีตสวยวิจิตร แต่กลับถูกพันธนาการโดยผลการฝึกตนของตัวเขาเอง หลังจากเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนหลอมรวมเข้ากับกงล้อเทพทั้งห้าวง กำลังรบก็อยู่เหนือราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงแล้ว ซึ่งเขาต้านทานไม่ไหวแน่นอน
“เวิ่ง!”
เตากลั่นนภาจื่อเซียวถูกเขาเรียกออกมา มีเกณฑ์อัคคีเทพทั้งหลายลุกลามลงมาจากเตาเซียน แล้วพุ่งตรงไปทางมือใหญ่ที่กดอัดลงมา
“ตั่งง!”
ฝ่ามือนี้ได้โจมตีลงบนเตากลั่นนภาจื่อเซียว เกณฑ์อัคคีเทพที่นับไม่ถ้วนแตกกระเจิง เตาเซียนสั่นสะเทือนจนเสียงดังหึ่ง ๆ จากนั้นรัศมีบนเตาเซียนก็หม่นหมองลงเช่นกัน
“แข็งแกร่งมาก!”รูม่านตาหลัวซิวหดลง พลานุภาพในฝ่ามือนี้ของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนอยู่เหนือราชาเทพระดับเก้าขั้นสูงแน่นอน ศักยภาพเช่นนี้ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งสำหรับเขา และเป็นการท้าทายครั้งหนึ่งเช่นกัน
“ทัณฑ์สวรรค์ไร้สิ้น!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนพลิกฝ่ามือทีหนึ่ง ก่อนจะมีอัสนีเทวทัณฑ์สวรรค์ที่นับไม่ถ้วนคำรามจู่โจมเข้ามาภายในพริบตา อัสนีเทวที่นับไม่ถ้วนผ่าลงบนเตากลั่นนภาจื่อเซียวอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่นานนักเตาเซียนเตานี้ก็ถูกอัสนีเทวผ่าจนกระเด็นออกไป ทำให้ร่างกายของหลัวซิวอยู่ภายใต้พลังโจมตีของเขาโดยสิ้นเชิง
“เจ้าไปลงนรกได้แล้ว!”
เพียงพริบตาเดียว เงาร่างของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็ปรากฏตรงหน้าหลัวซิว หลังจากหลอมรวมเข้ากับกงล้อเทพ ความเร็วของเขาก็เร็วมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นคือความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วมากจนตัวสำนึกยังยากที่จะสัมผัสได้
ง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์เฉือนสับเข้ามาอย่างโหดเหี้ยมดุดัน หลัวซิวจึงรีบเรียกศิลาเทวชิงเทียนออกมา แสงเขียวแย้มบานเป็นวงกว้าง ง้าวเทวฟาดฟันลงบนศิลาเทวจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“อัญชิงเทียน? ศิลาเทวนี่อยู่ในมือเจ้าอย่างนั้นหรือ?!”มีรัศมีแห่งความแปลกใจปรากฏบนใบหน้าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน อันที่จริงไม่เพียงแค่อัญแห่งสายชิงเทียนเท่านั้นที่หายไป อัญแห่งสายสิงเทียนของพวกเขาก็หายไปตั้งแต่ยุคไท่ชูแล้วเหมือนกัน เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าอัญเผ่าฟ้าของพวกเขาจะอยู่ในมือหลัวซิว
พลังแห่งชิงเทียนเวียนว่ายตายเกิด พลานุภาพของง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์จึงถูกศิลาเทวแท่นนี้ต้านทานไว้ภายในพริบตา
เห็นเพียงง้าวเทวทัณฑ์สวรรค์และศิลาเทวชิงเทียนต่างไม่ยอมอ่อนข้อต่อกัน แต่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนกลับวางมืออย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนจะง้างฝ่ามือขึ้นมาแล้วโจมตีไปทางหลัวซิว แม้นจักไม่ใช้อาวุธใด ๆ พลานุภาพของเขาก็ยังคงเกะกะระรานอย่างยิ่ง
พลังโจมตีของฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วมากเกินไป หลัวซิวก็ไม่ทันได้ปลดปล่อยพลังอมตะเช่นกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกัน ได้ยินเสียงตู้มดังลั่นขึ้น ร่างกายหลัวซิวกระเด็นออกไปทันที มีเสียงกระดูกแตกร้าวดังออกมาจากแขนทั้งสองข้าง
“ตาย!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนประชิดใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายกลายเป็นสายฟ้า กำปั้นของเขาเหมือนดั่งพายุมรสุม สายฟ้าที่รวดเร็วปานลมกรด เพียงพริบตาเดียวก็มีกำปั้นร่วงลงบนตัวหลัวซิวไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำให้เขาถูกโจมตีจนเลือดเนื้อสาดกระเด็น ร่างกายอาบท่วมเต็มไปด้วยเลือด สภาพอนาถมากจนมิอาจทนดูได้
อย่างไรก็ตามแม้นจะบาดเจ็บสาหัส แต่หลัวซิวกลับไม่มีทางตายง่ายขนาดนี้ เขาใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งกำเนิดในร่างกายมาโดยตลอด เพื่อฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บบนร่างกายอย่างไม่หยุดหย่อน
“ตราต้าฮวง!”
ในขณะที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนปล่อยหมัดทะลวงหน้าอกของเขาอยู่นั้น หลัวซิวก็หาจังหวะโต้ตอบทันที มือทั้งสองข้างประสานอินเสร็จภายในพริบตา ตราต้าฮวงหนึ่งตราทำให้แผ่นฟ้าและผืนดินแตกร้าว แล้วย่างกรายถึงเหนือศีรษะเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียน
เห็นเพียงเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะมีแสงอัสนีทั้งหลายตัดสลับกันไปมาอยู่เหนือศีรษะเขา แล้วกลายเป็นโล่หนึ่งใบ พุ่งชนเข้ากับตราต้าฮวงของหลัวซิว
“โครม!”
ตราต้าฮวงแรกถูกโล่แสงอัสนีต้านทานเอาไว้ ทว่าถัดจากนั้นตราต้าฮวงที่สองก็ร่วงลงมาต่อ แล้วตราสรรพสิทธิ์ก็ตามมาอย่างไม่ขาดสาย วิชาตราประทับหนึ่งครอบคลุมพลังอมตะนับหมื่นแสน โล่แสงอัสนีจึงถูกโจมตีจนแตกสลายภายในชั่วพริบตา
“ฟึ่บ!”
อาศัยร่างเนื้อฝืนต้านทานพลังโจมตีของตราต้าฮวงและตราสรรพสิทธิ์เอาไว้ มาตรแม้นว่าเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็จุกเช่นกัน ร่างกายกระเด็นออกไปพลางกระอักเลือด
ส่วนบริเวณหน้าอกของหลัวซิวกลับถูกโจมตีจนเกิดเป็นรูหนึ่งรู วินาทีนี้บาดแผลกำลังถูกพลังแห่งกำเนิดห่อหุ้ม เนื้องอกจึงค่อย ๆ เจริญเติบโต ฟื้นฟูตัวอย่างต่อเนื่อง
“โครมคราม……”
ทันใดนั้นเอง สะพานเซียนก็สั่นสะเทือน ถัดจากนั้นสะพานเซียนแห่งนี้ก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า แล้วหายไปในส่วนลึกของอนัตตาบนพสุดารานอกนภาอย่างรวดเร็ว
ระยะเวลาล่วงเลยไปสามวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สะพานเซียนเคลื่อนตัว ส่วนหลัวซิวและเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทั้งสองคนก็ต่อสู้อยู่บนสะพานเซียนมาสามวันสามคืน
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองคนต่างไม่ใช่จอมยุทธ์ทั่วไป เส้นลมปราณยาว ผลการฝึกตนลึกซึ้ง เข่นฆ่ากันมาสามวัน ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ แต่พละกำลังกลับยังคงคึกคักมีชีวิตชีวาอยู่เช่นเคย
ศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ถูกผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ บนสะพานเซียนพบเห็นเช่นกัน ขอแค่เป็นคนที่มีสติปัญญาความรู้ก็น่าจะดูออกอยู่ว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนนั่นน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งมาถึงพสุดารานอกนภาได้ไม่นาน แม้นจักมีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า แต่กลับได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ของพสุดารานอกนภา ผลการฝึกตนทั้งร่างกายถูกกดอัดอยู่ที่ราชาเทพระดับเก้า
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกใจมากที่สุดกลับไม่ใช่ความเป็นมาของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่เป็นผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้า แต่เป็นชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนั่น ผลการฝึกตนของชายหนุ่มคนนั้นเป็นเพียงเทพมารระดับแปด ทว่ากำลังรบทั้งร่างกลับสยดสยองจนน่ากลัว!