มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 299 เศษซากตระกูลเย่
ร่างของเหลยเว่ยหลงก็ระเบิดพลังจิตแท้สายฟ้าออกมา ส่วนรัศมีสายฟ้าสีน้ำเงินล้อมรอบทั้งร่างกายและพลังก็เพิ่มขึ้น ในระยะมากกว่า 100 เมตร โดยมีเขาเป็นศูนย์กลางของพายุสายฟ้านี้
“ราชายุทธ์อัศจรรย์มากขนาดนั้นเลยหรือ?”
หลัวซิวเหลือบตามอง เผยรอยยิ้มเหยียดหยาม เห็นเพียงร่างของเขาสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นเพลิงมรณะก็ระเบิดออกมารอบ ๆ ตัวเขาเปลวไฟสีดำจำนวนมากพุ่งสูงขึ้นเกือบหนึ่งเมตร
เปลวเพลิงสีดำที่ปั่นป่วนปกคลุมร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน พื้นที่โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว แม้แต่รอยร้าวสีดำเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้น ค่อยๆ แผ่ขยายออกไป
พลังของร่างกายเพิ่มขึ้น บรรยากาศที่กดดันก็แพร่ออกมามากจากร่างของหลัวซิวไม่หยุดหย่อน
เห็นได้ชัดว่า มีเพียงผลการฝึกตนของฝึกจิตขั้นเก้า แต่พลังบนร่างของหลัวซิวในเวลานี้กลับมากขึ้นจนเกินระดับฝึกจิตขั้นเก้า สามารถทัดเทียมเสมอเหมือนราชายุทธ์ทั่วไป
เมื่อพลังบนร่างของหลัวซิวกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทัดเทียมเสมอเหมือนผู้แข็งแกร่งแห่งราชายุทธ์ขั้นสอง ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ สงบลง ร่างของเขาในเปลวไฟสีดำนั้นเกือบจะหายไปอย่างสมบูรณ์ และมองเห็นเพียงเปลวไฟสีดำเท่านั้น ที่เผาไหม้อย่างดุเดือดกลางอากาศ
ด้วยขีดจำกัดผลการฝึกตนของตัวเอง หลัวซิวได้รับความช่วยเหลือจากภูตอัคคีกลืนกิน ยกระดับพลังปราณให้อยู่ในระดับเดียวกันกับระดับตัวสำนึก นั่นก็คือแดนราชายุทธ์ขั้นสอง
ด้วยสภาพนี้ บวกกับพลังแปรเสวียนเทียน24เท่า รวมถึงดาบดับสิ้น กระบี่คร่าชีวีหวงเสวียนและวิชาภูตผีเซินหลัว สามารถมีพลังรบเทียบเท่ากับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งขั้นสี่อย่างเต็มที่!
“เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น…”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกลอยออกมาจากเพลิงมรณะที่กำลังเผาไหม้
“เหลยเว่ยหลง เจ้าจะเป็นราชายุทธ์คนที่สองที่ตายด้วยมือของข้า”
น้ำเสียงเยือกเย็นแฝงด้วยจิตสังหารอย่างไม่สิ้นสุด หลัวซิวค่อยๆ ยกฝ่าเท้าของเขาและกระทืบเท้าอย่างรุนแรงกลางอากาศ เปลวเพลิงสีดำแผดเผาและทำให้พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยว
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้น ร่างของหลัวซิวหายไปจากจุดเดิมในทันที เวลาราว ๆ เพียงสองลมหายใจ ก็ปรากฏตัวตรงหน้าเหลยเว่ยหลง
ความเร็วขนาดนี้ ทำให้สีหน้าของเหลยเว่ยหลงเปลี่ยนไปอย่างมาด หลังจากนั้นพลังราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งขั้นสี่ก็แพร่กระจายอย่างไม่ต้องสงสัย เทียบกับพลังอันแข็งแกร่งของหลัวซิวที่ทัดเทียมราชายุทธ์ขั้นสองแล้ว มันแข็งแกร่งกว่ามากทีเดียว
เหลยเว่ยหลงเป็นอีกคนที่มีห้วงยุทธ์ของราชายุทธ์ สายฟ้าหลอมรวมกันระหว่างฝ่ามือและนิ้วมือของเขา ด้วยแรงเสริมจากพลังของห้วงยุทธ์ เขายกดาบขึ้นและฟันไปทางหลัวซิวอย่างดุเดือด
ใช้ทักษะดาบเร็วเพื่อเพิ่มความเร็วและแรงในทันที วินาทีเดียวกันร่างของหลัวซิวก็เบี่ยงออก หลบการโจมตีของเหลยเว่ยหลงครั้งนี้ได้ กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือถูกยกขึ้นสูง แผดเผาด้วยเพลิงมรณะ และฟาดฟันออกไป
เหลยเว่ยหลงยังตะโกนเสียงดัง สายฟ้าฟาดรวมร่างเป็นโล่ เตรียมที่จะต้านการโจมตีของหลัวซิว
“กระบี่คร่าชีวีหวงเสวียน!”
ห้วงยุทธ์แห่งความตายแพร่กระจาย ทำให้เหลยเว่ยหลงมีความรู้สึกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอยู่ชั่ววินาที ราวกับว่าการเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของหลัวซิว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อต้าน เป็นการดีกว่าที่จะเลิกต่อต้าน และนั่งรอความตาย
ปัง!
ในวินาทีที่เหลยเว่ยหลงเหม่อลอย กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือฟาดฟันอย่างแรงบนโล่สายฟ้านั้น ตามด้วยเสียงแตกร้าว มีรอยแตกหลายจุดบนโล่สายฟ้า
เหลยเว่ยหลงก็ดึงสติกลับมาได้ในทันที กำมือขึ้นเพื่อรวมรวมสายฟ้า และฟาดฟันไปทางศีรษะของหลัวซิว
“ตายเสียเถอะ ไอ้หนุ่ม!”
พลังแห่งสวรรค์และโลกรอบตัว ถูกเหลยเว่ยหลงเรียกระดมพลเข้ามาในวินาทีนี้ รวมตัวกันราวกับคุก ขังหลัวซิวไว้กับที่ ทำให้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีจากหมัดนี้ได้
“พลัว!”
เสียงลมหายใจของหลัวซิวที่ถูกกระแทกดังขึ้น โคจรพลังแปรเสวียนเทียน24เท่า หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งพลังแห่งสวรรค์และโลก ร่างนั้นขยับไปด้านข้างอีกครั้ง ทำให้หมัดที่ดุดันนี้ของเหลยเว่ยหลงล้มเหลว
หมัดแทบพุ่งทะลุแก้มหลัวซิว เพลิงมรณะบนร่างถูกพัดด้วยลมแรงจากหมัดนั้นจนสาดกระเซ็น
“เทียบกับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งขั้นสี่แล้ว ดูเหมือนว่ายังมีช่องว่างอยู่บ้าง”
ภายใต้กสนต่อสู้เต็มกำลัง การปะทะกับหลัวซิว เหลยเว่ยหลงยังคงเสียเปรียบ สิ่งนี้ทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
“หลัวซิว แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิชาลับแบบใด ในการฝืนเพิ่มกำลังของเจ้าให้ถึงระดับระดับราชายุทธ์ แต่ความจริงตัวเจ้าเองนั้นยังไม่ถึงแดนราชายุทธ์ ไม่สามารถควบคุมพลังแห่งสวรรค์และโลกได้”
การโจมตีของเหลยเว่ยหลงยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องและรวดเร็วดุจสายฟ้า
“ไม่สามารถควบคุมพลังแห่งสวรรค์และโลกได้ด้วยตนเอง เจ้ามีเพียงพลังราชายุทธ์ แต่ก็ยังไม่ใช่ราชายุทธ์ที่แท้จริง!”
สายตาจองมองไปยังหลัวซิว ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของเขาเอง เหลยเว่ยหลงรู้สึกว่าชัยชนะนั้นอยู่ในมือแล้ว จึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“ส่องแสงให้เจ้าเพียงน้อยนิด เจ้าก็ได้ใจเสียแล้ว คิดจริง ๆ หรือว่าวิชาของข้า จะหยุดอยู่เพียงเท่านี้?”
สำหรับเสียงเสียงโห่ร้องของเหลยเว่ยหลง ในสายตาของหลัวซิวนั้นมีแต่ความดูหมิ่น
เมื่อหลินโยว่เทียนได้รับข้อมูลนี้ก็รีบวิ่งมาบอกหลัวซิวทันที แต่เขากลับสงบนิ่งและพูดมาประโยคเดียว
“เพียงเพื่อรางวัลสองแสนหินพลังจิต ก็กล้ามาฆ่าคนของข้าไม่ต้องเสียเวลาไปกังวลเรื่องนี้เลย…”
หลังจากประกาศภารกิจรางวัลนำจับ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ใกล้ ๆ หอหย่งชาง ก็มีนักยุทธ์จำนวนมากมาออกันเป็นจำนวนมาก
เพราะคนพวกนี้ต่างก็รับรู้มาจากภารกิจรางวัลนำจับ หลัวซิวในเวลานี้ กำลังอยู่ในหอหย่งชาง
รางวัลค่าหัวสองแสนหินพลังจิต มากพอที่จะทำให้นักยุทธ์ทุกคนในเขตการปกครองโตว้ไห่บ้าคลั่ง แต่คนที่มีสติดีทุกคน จะไม่ถูกภารกิจรางวัลนำจับปั่นหัวเช่นนี้
เพราะรางวัลสองแสนนั้นเป็นจำนวนที่มากอยู่ก็จริง แต่การมีอยู่ของหลัวซิวที่สามารถฆ่าเจ้าสำนักเหลยหวู่ล่ะ!
“เจ้าพวกไม่รู้จักความตายหรืออย่างไรคนตายเพราะโลภ นกตายเพราะกิน คนโบราณพูดไว้ไม่มีผิด”
ในองค์กรนักล่ายุทธ์ เสิ่นหยวนหนานที่ประจำอยู่ที่นี่ ตัวสำนึกของเขาจดจ่ออยู่ที่การเคลื่อนไหวของหอหย่งชาง
นักยุทธ์ระดับฝึกจิตหลายสิบคนวนเวียนอยู่รอบ ๆ ทั้งหมดมาเพื่อรางวัลสองแสน แม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกรวมเข้าด้วยกัน นอกจากจะมีวิชาค่ายกลระดับสูง หรือมีของวิเศษช่วย หากรุดหน้าไปฆ่าหลัวซิว ก็ไม่ต่างอะไรกับแมลงเท่าบินเข้ากองไฟ
“ทุกครั้งที่เจ้าเด็กคนนี้โพล่มา ก็ต้องทำให้วุ่นวายกันไปทั้งฟ้าดินจริง ๆ สิน่า…”
เมื่อได้รับรู้ว่า หลัวซิวได้ฆ่าเหลยเว่ยหลงตายแล้ว เสิ่นหยวนหนานก็ตกใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ณ ขณะนี้ ร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำบินออกไปจากกลางหอหย่งชาง เสียงเย็นยะเยือกลอยอยู่กลางอากาศ “ข้าคือซิวหลัว ใครจะมาฆ่าข้า?”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ หลัวซิวไม่ได้หลบอยู่ภายใต้หอหย่งชาง แต่กลับเป็นคนออกมาจากหอหย่งชางด้วยตัวเอง เพื่อยั่วยวนผู้เสนอบำเหน็จสองแสนให้ฆ่าเขา
ศักดิ์ศรีของผู้แข็งแกร่ง ต้องหล่อหลอมด้วยเลือด!