มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 30 มุ่งหน้าไปเขาปาฉี
บทที่ 30 มุ่งหน้าไปเขาปาฉี
ในเขาสุ่ยวู่จะมีอสูรกายระดับ1ปรากฏตัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น โดยมากล้วนเป็นอสูรป่า ดังนั้นโดยทั่วไปจะมีแค่นักล่าอสูรที่ความแข็งแกร่งยังอ่อนหัดไป
ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของหลัวซิวเพิ่มขึ้นสูง เขาสุ่ยวู่ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของเขาได้แล้ว
องค์กรนักล่าอสูร เป็นที่ที่ครึกครื้นที่สุดของทุกเมือง
เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดสายตา หลัวซิวสวมหมวกสาน มาถึงที่นี่
นักยุทธ์ส่วนมากล้วนมีนิสัยแปลกๆ หรืออาจจะมีเจตนาบางอย่างที่ไม่ให้คนอื่นรู้ ดังนั้นจึงต้องปิดหน้า ในโถงใหญ่ขององค์กรนักล่าอสูร คนแบบนี้มีไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นหลัวซิว
นักล่าอสูรส่วนมากล้วนอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลานาน ผ่านมาหลายวันแล้ว หลัวซิวมาที่นี่อีกครั้ง เห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาน้อยมาก
ตรงหน้าอกของเขาสวมตรานักล่าอสูรหนึ่งดาว เดินไปยังโต๊ะด้านหน้า
“สวัสดีค่ะนักล่าอสูร ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยคะ?” เจียงชานชานที่ถูกขนานนามให้เป็นหญิงงานอันดับหนึ่งขององค์กรนักล่าอสูรเมืองชิงหยุนถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ผมอยากจะถามเรื่องสถานที่ใกล้ๆในเมืองชิงหยุนที่เหมาะสมให้การกลั่นร่างขั้น9ล่าอสูร” หลัวซิวถาม
เจียงชานชานลักคิ้วหลิ่วตา ไม่รู้ว่าอะไร คนที่สวมหมวกสานคนนี้ เสียงของเขาจึงคุ้นหูมาก คล้ายว่ายังมีเสียง……ของเด็กปนอยู่ด้วย?
แต่ว่าเจียงชานชานก็ไม่ได้คิดมาก ยิ้มแล้วพูด: “ถ้าคุณอยากจะซื้อแผนที่ล่าอสูร ต้องใช้เงินหนึ่งพันตำลึง”
“เอาให้ผมอันแผ่นครับ” หลัวซิวหยิบเงินออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ
ถ้าเป็นเมื่อ่กอน เงินหนึ่งพันตำลึงสำหรับเขาแล้วเป็นตัวเลขที่มหาศาล แต่ว่าตอนนี้เป็นแค่เงินเล็กน้อยเท่านั้น
ฆ่าอสูรกายระดับ1สักตัว ก็ได้เงินหมื่นตำลึงมาง่ายๆแล้ว
แน่นอนว่าเจียงชานชานคิดไม่ถึงว่าคนสวมหมวกสานตรงหน้า จะเป็นชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้เคยจีบตน
จ่ายเงินหนึ่งพันตำลึง หลัวซิวได้รับแผนที่หนึ่งแผ่น แผนที่ครอบคลุมอณาเขตต่างๆ โดยมีเมืองชิงหยุนเป็นจุดศูนย์ พื้นที่ที่เหมาะแก่การล่าอสูร ก็ได้กำกับเอาไว้
ในแผนที่ เขตเหลืองเหมาะสำหรับต่ำกว่าการกลั่นร่างขั้นการกลั่นร่างขั้น8 เขาสุ่ยวู่คือหนึ่งในเขตเหลือง
เขตแดงเป็นเขตอันตราย โดยทั่วไปมีจอมยุทธ์เป็นคนนำทีม จึงจะกล้าเข้าไป
ส่วนที่อันตรายที่สุด คือเขตที่ถูกประทับสีดำ ต่อให้เป็นพวกจอมยุทธพรสวรรค์ที่สูงส่งของเมืองชิงหยุน ก็ไม่กล้าเข้าไปลึก
“เขาปีฉี มีอสูรกายระดับ1จำนวนมาก ลึกเข้าไปมีอสูรกายระดับ2 เขตแดง”
อย่างรวดเร็ว หลัวซิวจับจ้องไปยังเขตที่เหมาะกับตน ขอเพียงไม่ลึกเท่าไหร่ มั่นใจว่าตนปลอดภัยแน่นอน
“ชานชาน ผมขอสุราเผาไฟหกแก้ว!”
ในเวลานี้เอง ชายร่างกำยำ สวมชุดเกราะสีดำ สูงแปดฟุตเดินสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา ร้องตะโกนเสียงดัง
ด้านหลังชายร่างยักษ์ มีคนติดตามห้าคน ทุกคนล้วนฝุ่นตลบ เสื้อผ้าและชุดเกราะของพวกเขาขาดวิ้น ดูเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
อย่างรวดเร็ว สุราเผาไฟหกแก้วถูกยกมาเสิร์ฟ เหล้าชนิดนี้แรงมาก ตอนดื่มเข้าไปเหมือนถูกไฟเผา จึงได้ชื่อนี้ นักล่าอสูรมากมายที่ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่บนความเป็นความตาย ดาบได้ลิ้มรสเลือดต่างชื่นชอบเหล้าที่แรงแบบนี้
“โจวหลง ดูเหมือนจะล่าได้น้อยเลยนะคะ” เจียงชานชานยิ้มแล้วเอ่ยถาม
นักล่าอสูรกลุ่มนี้ คือโจวหลงและพวกที่หลัวซิวรู้จัก โกวอ๋างและสองฝาแฝดแซ่จี้ก็อยู่ในทีมด้วย นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกสองคนที่ไม่รู้จัก น่าจะเป็นคนใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมทีมนักล่าอสูรทีมนี้
“ฮ่าๆ แน่นอน ครั้งนี้ได้ตัวใหญ่ๆมาหนึ่งตัว!” โจวหลงหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจ ในมือของเขามีหินพลังจิตชั้นล่างหกก้อนปรากฏในทันที วางไว้บนโต๊ะ
หลัวซิวหรี่ตาลง สังเกตเห็นว่าบนข้อมือของโจวหลงมีเกราะหุ้มมือสีเงิน นี่คืออุปกรณ์ค่ายกลระดับ2ชนิดหนึ่ง เรียกว่าสนับข้อมือเก็บของ ด้านในซ่อนที่เก็บของเอาไว้ สามารถเก็บของได้
แต่ว่าอุปกรณ์ค่ายกลระดับ2นี้ราคาแพงมาก ราคาถูกสุดก็ต้องใช้หินพลังจิตชั้นล่างห้าร้อยก้อน หลัวซิวทำได้เพียงมองด้วยความอยากได้
จากบทสนทนาระหว่างโจวหลงและเจียงชานชาน หลัวซิวรู้ว่า ครั้งนี้โจวหลงพาทีมเข้าไปในเขาปาฉี ฆ่าแรดเผือกอสูรกายระดับ2ได้หนึ่งตัว อสูรกายแบบนี้เนื้อหนา ดาบและกระบี่ยากที่จะฟันแทง
ถึงแม้โจวหลงจะเป็นจอมยุทธ์ พวกเขาก็เหนื่อยไม่น้อย กว่าจะฆ่าสัตว์อสูรตัวนี้ได้
ราคาของแรดเผือก ประมาณหินพลังจิตชั้นล่างสี่ร้อยก้อน ราคานี้ ทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้น
ในเมืองชิงหยุน ของที่สามารถนำขึ้นมาแสดงได้ ล้วนไม่ใช่ของที่สามารถใช้เงินและทองในวัดค่า แต่ใช้หินพลังจิตมาวัดค่า
มีแค่ของทั่วไปเท่านั้น ที่จะใช้เงินทองมาแลกเปลี่ยน
ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวก็ได้รู้ว่า ชิ้นส่วนของอสูรกายที่นักล่าอสูรฆ่าได้สามารถนำมาขายที่องค์กรนักล่าอสูร ราคายุติธรรมอย่างมาก ไม่มีวันปล่อยให้นักล่าอสูรเสียเปรียบ ดังนั้นนักล่าอสูรมากมายจึงยินดีที่จะนำมาขายให้กับองค์กร
เก็บแผนที่ หลัวซิวไม่ได้หยุดพักที่นี่ เขาออกไปจากองค์กรนักล่าอสูร
จากสัญลักษษ์บนแผนที่ เขาปาฉีอยู่ห่างจากเมืองชิงหยุนมากกว่าเขาสุ่ยวู่ ขี่ม้าก็ต้องใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะไปถึง
เงินสามหมื่นตำลึงในตอนนั้น ซื้ออุปกรณ์ค่ายผนึกปราณ บวกกับหินพลังจิตและยาฝึกปราณ เหลือไม่มากแล้ว หลัวซิวกัดฟัน ใช้เงินอีกหนึ่งพันตำลึงซื้อม้าหนึ่งตัว กลายเป็นคนจนอีกครั้ง
“เพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการก็ต้องยอมเสียสิ่งที่หวงแหน ถึงแม้จะใช้เงินจนหมด แต่ว่าสามารถหากลับมาได้เยอะขึ้น!”
แบบนี้ คนหนึ่งคน กระบี่หนึ่งเล่ม ม้าขนสีเหลืองหนึ่งตัว หลัวซิวออกนอกเมืองชิงหยุน มุ่งหน้าไปยังเขาปาฉี
บริเวณโดยรอบเขาปาฉี มีที่พักขนาดประมาณหมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้าน เวลาที่นักยุทธ์เข้าไปล่าสัตว์และฝึกฝนต้องการพัก สามารถมาพักที่นี่ได้
ครึ่งวันหลังจากนั้น หลัวซิวมาถึงเขาปาฉี
ที่นี่คนเยอะมาก คนที่เดินไปมาล้วนเป็นคนฝึกยุทธ์ ทั้งยังมีพ่อค้าประจำอยู่ที่นี่มากมาย ซื้อวัตถุดิบ ของล้ำค่าต่างๆจากนักยุทธ์
ที่พักมีสถานที่ที่สามารถฝากม้าไว้ได้ ราคาสิบตำลึงต่อวัน
“หื้ม?”
หลัวซิวเพิ่งเอาม้าไปฝาก ทันใดนั้นเองก็เห็นร่างที่คุ้นตา ซึ่งก็คือหยวนต้าซานที่เจอตอนไปล่าอสูรเสือหางเหล็กบนเขาสุ่ยวู่
ทว่าคนที่อยู่ข้างกายหยวนต้าซานเปลี่ยนไปแล้ว น่าจะเป็นเพราะหลังจากหวางหยุนและจางหุนตาย ทีมล่าสัตว์ของเขาจึงแยกย้าย แล้วเข้าไปร่วมทีมอื่น
หยวนต้าซานไม่ทันสังเกตเห็นหลัวซิว ถึงแม้จะสังเกตเห็น แต่หลัวซิวสวมหมวกสานเอาไว้ เขาก็จำไม่ได้
ในเวลานี้เอง คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีมของหยวนต้าซาน หันมามองหลัวซิวกะทันหัน มุมปากเผยยิ้มลุ่มลึก
นี่คือชายวัยกลางคนที่รูปร่างสูงโปร่ง ด้านหลังสะพายหอกเหล็กเอาไว้ สวมเสื้อเกราะ ระหว่างคิ้วชายออร่าเหีย้มโหด
ภายใต้เงาที่บดบังด้วยหมวกสาน หลัวซิวขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จักคนคนนี้ ไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
“ทุกคน เจ้าเด็กนั่นคือเป้าหมายของเราในครั้งนี้ ตระกูลจางจ่ายหินพลังจิตห้าร้อยก้อนเพื่อเอาชีวิตมัน” ชายสวมชุดเกราะพูดเสียงเบา
“ลูกพี่ เจ้าเด็กนั่นเป็นใครมาจากไหน ถึงทำให้ตระกูลจางยอมจ่ายหินพลังจิตมากขนาดนี้เพื่อให้เราลงมือ?” หยวนต้าซานถามเสียงเบา
ชายสวมชุดเกราะเบ้ปาก “แค่ชาวบ้านคนหนึ่งเท่านั้น ว่ากันว่าเจ้าเด็กนี่ทำให้ลูกชายหัวหน้าตระกูลจางพิการ แต่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา แค่ฆ่าคนเอาเงินก็พอ!”
พูดถึงตรงนี้ ชายสวมชุดเกราะมองไปที่หยวนต้าซาน พูดเสียงทุ้มต่ำ: “เจ้าเด็กนี่คือนักเรียนในสำนักยุทธ์ ถ้าทิ้งร่องรอยเอาไว้ พวกเราจะถูกสำนักยุทธ์ตามฆ่า นายเพิ่งเข้ากลุ่ม แต่ก็เป็นคนเก่าคนแก่ของวงการนี้ ฉันคงไม่ต้องบอกระเบียบกับนายใช่ไหม?”
########################