มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 309 ขจัดการฝึกตนของเผยหยวนชิว
ทว่าเวลานี้ไม่มีใครก้าวออกมากล่าวอะไรหรือว่าลงมือทำอะไรทั้งนั้น หลายปีมานี้ตระกูลเผยพยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในการจัดลำดับสิบตระกูลใหญ่ และแอบดำเนินการเรื่องลับต่างๆ มากมาย ทำให้กลุ่มอำนาจในหลายๆ ฝ่ายไม่พอใจอย่างมาก
สวีจิงเหนียนเองก็ไม่ได้ปล่อยพลังของตัวเองออกมา ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ หากใช้พลังของตัวเองในการต่อสู้กับราชายุทธ์แบบตัวต่อตัว นั่นกลับจะเท่ากับว่าเป็นการลดระดับของตัวเองลง
“เผยหยวนชิว ถ้าหากอยากให้ลูกสาวของแกยังมีชีวิตอยู่ต่อ แกก็ต้องพิจารณาข้อเสนอของฉัน ปล่อยผู้หญิงที่แกจับตัวไปออกมาเดี๋ยวนี้”
หลัวซิวถอนใจ เขาเริ่มออกแรงบีบคอของเผยหลัวเหลียนมากขึ้น ทำให้ใบหน้าของเธอซีดขาวขึ้นทันที
“ฉันไม่มีอารมณ์จะพูดไร้สาระกับแกนะ ผู้หญิงที่ฉันบอกให้แกปล่อยตัวออกมาคือใคร ตัวแกเองรู้อยู่แก่ใจ”
หลัวซิวกล่าวออกมาเช่นนี้มีหรือที่เผยหยวนชิวจะฟังไม่เข้าใจ ตั้งแต่เริ่มแรกที่อีกฝ่ายมาตามหาคน เขาก็แอบสงสัยมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะในช่วงเวลานี้มีเพียงคนเดียวที่ตระกูลเผยจับตัวเอาไว้ นั่นคือจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง เหยียนเยว่เอ๋อร์นั่นเอง
“ทหารตระกูลเผย ไปจับตัวสองคนนั้นมา!” สีหน้าของเผยหยวนชิวหมองคล้ำเย็นชา เขายกมือขึ้นแล้วตวาดออกคำสั่ง
“ท่านเจ้าตระกูล คุณหนูอยู่ในมือของพวกมันนะ” ผู้อาวุโสราชายุทธ์คนหนึ่งกล่าวแทรกขึ้นพลางขมวดคิ้ว
“ข้ารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร ลงมือ!” เผยหยวนชิวตวาดเสียงแข็ง
หากเทียบกับความปรารถนาที่จะได้บรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์แล้ว สำหรับเผยหยวนชิว ลูกสาวคนเดียวไม่ถือว่าสำคัญอะไร เพราะขอแค่สามารถบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์ได้ อายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เขาจะมีอายุเพิ่มไปอีกเป็นพันปี ถึงตอนนั้นเขาจะมีลูกสาวอีกกี่คนก็ยังได้
เมื่อได้ยินคำสั่งของเผยหยวนชิวแล้ว ผู้แข็งแกร่งตระกูลเผยทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นก็ส่งเสียงรับ ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 4 ขึ้นไปทั้ง 4 คนรวมตัวผนึกพลังฟ้าดินเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเรียกตัวนักยุทธ์ออกมาจากแหวนเก็บของ ตอนนี้ทุกอย่างต่างมุ่งหน้าไปยังหลัวซิวกับสวีจิงเหนียน
เมื่อผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ทั้ง 4 คนร่วมมือกันโจมตี ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น 5 และขั้น 6 ก็ยังต้องถอยหนี
ทว่าทั้งหมดนี้สำหรับจักรพรรดิยุทธ์อย่างสวีจิงเหนียนแล้ว ถือเป็นการดูถูกความสามารถเขาเกินไปหน่อย
ผู้อาวุโสคนนี้มีแสงสีเขียวปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายจนทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของเขา ตอนนี้ดูไม่มีทีท่าว่าจะหนี แถมยังมีพลังงานที่น่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากภายในร่างกายของเขา
“ตู้ม!”
ราชายุทธ์ทั้ง 4 คนที่บุกโจมตีเข้ามา ถูกพลังงานบางอย่างโจมตีจนลอยกระเด็นคว้างออกไป แสงสีเขียวสว่างวาบจนทำให้ทุกคนรู้สึกจ้าตา
“นี่คือ……ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์รึ” ในห้องโถงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งที่มาร่วมอวยพรจากหลากหลายที่ต่างพากันทำสีหน้าชะงักงัน
ในประเทศเทียนหวูแห่งนี้ จำนวนผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์มีไม่เกิน 15 คน นอกจากนี้ยังมีไม่น้อยที่ปลีกตัวไม่ข้องเกี่ยวทางโลก จักรพรรดิยุทธ์แต่ละคนมักจะนั่งบัลลังก์ปกครองอยู่ประจำกลุ่มอำนาจต่างๆ โดยไม่เปิดเผยตัวเอง
“ตระกูลเผยทำให้จักรพรรดิยุทธ์ไม่พอใจ มีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยเลย” ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละกลุ่มอำนาจต่างพากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“จักรพรรดิยุทธ์?”
สีหน้าของเผยหยวนชิวแปรเปลี่ยนไปทันที อารมณ์ปั่นป่วนแล่นไปทั่วร่างของเขา “ท่านผู้อาวุโส ตระกูลเผยของพวกเราดูเหมือนจะไม่เคยมีความแค้นใดๆ ต่อท่านกระมัง”
ทว่าสวีจิงเหนียนกลับไม่มีทีท่าสนใจคำพูดของเผยหยวนชิว เขาไม่เก็บมันมาใส่ใจและไม่ยอมเอ่ยปากอะไรออกมา
หลัวซิวก้าวอาดออกไปข้างหน้าแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระกับแกแล้ว ส่งตัวคนที่ฉันต้องการออกมาเดี๋ยวนี้ไม่เช่นนั้นแล้ว ฉันจะฆ่าตระกูลเผยของแกทั้งตระกูล”
“ฉันไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ตระกูลเผยของพวกเราไม่มีคนที่แกตามหา” เผยหยวนชิวยังคงเถียงกลับ
“ผู้อาวุโส ลงมือเถิด” หลัวซิวหันไปมองสวีจิงเหนียนที่มีแสงสีเขียวปกคลุมไปทั่วร่าง
ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์จึงก้าวออกมาข้างหน้า เพียงครู่เดียวเขาก็ปล่อยเงาเศษสีเขียวออกมา เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็เคลื่อนกายไปปรากฏอยู่ด้านหลังเผยหยวนชิวแล้ว
ในช่วงเวลานั้น เผยหยวนชิวรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของเขามีความหนาวยะเยือกถึงกระดูกปกคลุมไปทั่วร่าง ทว่าเขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้นสูงที่นั่งบัลลังก์ เขาจึงโคจรพลังจิตแท้ในร่างกายทันทีจนเกิดเป็นเปลวไฟลุกโชนทั่วร่าง แล้วมุ่งหน้าเข้าไปโจมตีสวีจิงเหนียนที่อยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นเผยหยวนชิวตอบโต้ สีหน้าของสวีจิงเหนียนที่มีแสงสีเขียวบดบังอยู่ก็แสยะยิ้มออกมา ก่อนจะยื่นฝ่ามือผลักออกไปข้างหน้า
“ปั้ง!”
เมื่อฝ่ามือเข้าปะทะแล้ว เสียงกระอักใสกังวานก็ดังสะท้อนไปทั่ว สีหน้าของเผยหยวนชิวเปลี่ยนไปในทันที ร่างของเขากระเด็นออกไปโดยมีเลือกไหลซึมออกมาทางปาก ก่อนที่แผ่นหลังของเขาจะลอยไปกระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลัง
ต่อสู้เพียงหนึ่งยกเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ระดับสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศเทียนหวูก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับแมลงวันตัวหนึ่ง เขาถูกฝ่ามือกระแทกจนลอยคว้าง ทำเอาคนที่อยู่ในที่นั้นต่างชะงักงัน
นี่คือผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ตัวจริง ต่อให้ราชายุทธ์ระดับสูงจะมีระดับห่างจากจักรพรรดิยุทธ์เพียงขั้นเดียว ทว่าความห่างนี้กลับไม่สามารถเอาเหตุผลมาเป็นเครื่องวัดได้
สวีจิงเหนียนไม่ได้ลงมือต่อ เพราะเมื่อครู่นี้ เขาเพิ่งจะรู้ความจริงว่าวัตถุประสงค์หลักของหลัวซิวคือต้องการช่วยคนคนหนึ่ง หากเขาลงมือฆ่าเผยหยวนชิวทันที ไม่มีใครรู้ว่าคนตระกูลเผยจะทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องต้องเดือดร้อนไปด้วยหรือไม่ และอาจทำให้คนที่หลัวซิวต้องการช่วยบาดเจ็บไปด้วย
“เผยหยวนชิว ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ปล่อยตัวคนที่ฉันต้องการออกมาเดี๋ยวนี้!” สีหน้าของหลัวซิวไร้ความรู้สึกใด
“ข้าบอกไปแล้วไง ว่าตระกูลเผยไม่มีคนที่แกต้องการ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ให้ตายอย่างไรเผยหยวนชิวยังคงไม่ยอมรับ
เพราะเขารู้ดีว่า จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งเป็นความหวังที่จะทำให้เขาบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์ได้ หากยอมปล่อยตัวนางไป มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายไม่พลิกลิ้นไม่ยอมทำตาม นอกจากนี้ความหวังที่เขาจะทำตามความปรารถนาที่ตัวเองต้องการมาตลอดชีวิตจะต้องพังทลายลงไปอีกด้วย
“ขจัดการฝึกตนของเขา” หลัวซิวกล่าวกับสวีจิงเหนียนด้วยสีหน้าเย็นชา
เมื่อกล่าวออกไปเช่นนี้ สีหน้าของเผยหยวนชิวจึงซีดเผือด เพราะหากเขาถูกขจัดการฝึกตนออกไปแล้ว อย่าว่าแต่บรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์เลย เขาจะกลายเป็นคนพิการในทันทีและสูญเสียทุกอย่างไป
“อย่า ฉันจะปล่อยเดี๋ยวนี้!” เผยหยวนชิวตะโกนลั่น
“ปล่อยตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว” น้ำเสียงของหลัวซิวแข็งกระด้างหนาวสะท้าน
สวีจิงเหนียนไม่มีความลังเล เขายกมือขึ้นแล้วโจมตีไปที่จุดตันเถียนชี่ไห่ของเผยหยวนชิวทันที
“ไม่!”
เผยหยวนชิวพยายามโคจรพลังจิตแท้ของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง และรีบเคลื่อนกายถอยหลังไป ร่างของเขากลายเป็นเปลวไฟลุกโชน และพยายามที่จะหนีออกไปจากที่นี่
ทว่าในตอนนี้ เหนือศีรษะของสวีจิวเหนียนปรากฏเจดีย์สีเขียวภาพเสมือนขึ้นมา พลังงานที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดลึกลับเคลื่อนที่ไปรอบๆ จับตัวเผยหยวนชิวที่ตั้งท่าจะหนีให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้
เมื่อเขาถูกล็อกตัวเอาไว้แล้ว ร่างของเผยหยวนชิวจึงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก
“เทพจิต! เทพจิตของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์……”
หลัวซิวเห็นภาพตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปเช่นกัน เมื่อฝึกตนไปจนถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์แล้ว วิญญาณตัวสำนึกจะเปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นจนผนึกรวมกลายเป็นเทพจิต
รูปร่างของเทพจิตจะแปรเปลี่ยนไปตามระดับการฝึกวรยุทธ์ และหากห่างชั้นกันเยอะ พลังของเทพจิตจะสามารถจะสามารถล็อกวิญญาณหยั่งรู้ของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ด้วย คล้ายกับพลังอมตะของวิชาคงร่าง ทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในแดนต่ำกว่าไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
การใช้เทพจิตล็อกร่างกาย คือวิธีการของผู้ที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์
ตู้ม!
เผยหยวนชิวไม่สามารถขยับเขยื้อนและขัดขืนได้ เขาได้แต่กะพริบตาปริบๆ มองมือมือหนึ่งกดลงที่จุดตันเถียนของเขา ยาเทพจิตชีวิที่ฝึกฝนมาหลายพันปีพลันแตกสลายไปชั่วพริบตา ร่างที่ผ่านการฝึกตนมาแล้วถูกทำให้กลายเป็นผู้ไร้ความสามารถไปในทันที