มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 327 ลาก่อนคนของตระกูลเหยียน
“โฮก!”
หมาป่าเงินสามตาส่งเสียงขู่คำราม เสียงคำรามที่กระเพื่อมออกมานั้น ระเบิดหญ้าในบริเวณใกล้เคียงให้เป็นผง ความเร็วของมันเร็วราวฟ้าแลบสีเงิน พุ่งเข้าหาหลัวซิว
หลัวซิวฟาดฟันดาบออกไปในทันทีโดยไม่ได้พูดอะไร เพลิงมรณะแผดเผาและบิดเบี้ยวพื้นที่โดยรอบ ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้น
ชิ้ง!
ดาบหนึ่งฟันเข้าบนร่างของหมาป่าเงินสามตา แต่กลับทำให้เกิดเสียงเหมือนทองและหินกระทบกัน หมาป่าเงินสามตาถูกกระบี่ฟันจนกระเด็นกลิ้งออกไป ไม่มีบาดแผลสักแห่งปรากฏให้เห็น
หลัวซิวรู้สึกตกใจ กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือของเขาเป็นถึงกระบี่ยุทธ์ขั้นดินล่าง อีกทั้งเมื่อตอนที่หลอมอาวุธนั้นใช้วัสดุเยอะมาก ศักยภาพของมันนั้นไร้เทียมทาน พลังเทียบได้นักยุทธ์ขั้นดินกลาง รวมเข้ากับพลังของเพลิงมรณะและร่างยุทธ์ระดับราชา กลับทำได้เพียงแค่ฟันอสูรกายให้กระเด็นออกไป โดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยงั้นหรือ?
เห็นได้ชัด ร่างเนื้อของหมาป่าเงินสามตาตัวนี้เป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง อย่างน้อย ๆ ก็ต้องบรรลุถึงร่างยุทธ์ระดับราชาช่วงหลังแล้ว
บนร่างของเหยียนเยว่เอ๋อร์ปรากฎพลังจิตแท้และความผันผวนของพลังชีวิต ร่างเนื้อของเจ้าอสูรกายตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป นางเป็นกังวลว่าหลัวซิวอาจจะได้รับบาดเจ็บ
“วิชาภูตผีเซินหลัว!”
หลัวซิวตะโกนด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก เพลิงมรณะหลอมรวมกันบนกระบี่ยุทธ์ ห้วงยุทธ์แห่งความตายที่น่ากลัวนั้นแพร่ขยายออกมา ภาพจาง ๆ ของอเวจีเซินหลัวที่มีซากศพดั่งภูเขา และเลือดที่ไหลเป็นแม่น้ำปรากฏขึ้น
ในขณะนี้เอง เปลวไฟดำกลายเป็นกะโหลกที่น่ากลัว สามารถกลืนกินหมาป่าเงินสามตาได้ในคำเดียว
ห้วงยุทธ์ชีวีของหมาป่าเงินสามตาถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าการป้องกันกายเนื้อจะแข็งแกร่งมากเพียงใด มันก็สามารถต้านทานการโจมตีได้เพียงพลังของกายภาพบริสุทธิ์เท่านั้น สำหรับวิธีการลิดรอนดูดกลืนห้วงยุทธ์ชีวี ไม่สามารถที่จะต่อต้านได้เลย
แค่สามลมหายใจสั้น ๆ ศพของหมาป่าเงินสามตาก็ถูกคายออกมาจากปากของกระโหลกนั้น ไร้ซึ่งพลังชีวิต เหลือเพียงศพที่ไม่มีร่องรอยการบุบสลาย
เหยียนเยว่เอ๋อร์มองหลัวซิวอย่างแปลกใจ “เจ้าเพิ่งจะใช้ทักษะยุทธ์ระดับ9วิชาภูตผีเซินหลัวงั้นหรือ?”
หลัวซิวเล่าประสบการณ์ในอดีตให้นางฟังว่า ที่เขาได้วิชาภูตผีเซินหลัวมานั้น นั่นก็เพราะเขาได้แย่งชิงมาจากราชวงศ์ตระกูลฝาน
เก็บเพลิงมรณะเข้าไปในร่างกาย หลัวซิวพยักหน้าพลางพูด “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าสำแดงทักษะยุทธ์แขนงนี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ทรงพลังจริง ๆ ”
ขณะพูด เขาแทบรอไม่ไหวที่จะก้าวไปข้างหน้า และเก็บเอาหญ้าทองอันแสนล้ำค่าอันล้ำค่าออกไป
ในบริเวณใกล้เคียง หลัวซิวยังเห็นร่องรอยการเติบโตของหญ้าทองอยู่บ้าง มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองครั้ง รู้สึกเป็นทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง
หมาป่าเงินสามตาตัวนี้ซุกตัวอยู่ใกล้ ๆ ร่างเนื้อแข็งแกร่ง ต้องเคยกินหญ้าทองเข้าไปแน่ ๆ มิฉะนั้นคงจะไม่เหลือเพียงเม็ดเดียว ควรจะมีประมาณสองหรือสามเม็ด
“โชคดีเหลือเกิน หญ้าทองนี้เป็นสมบัติที่หายากในสมัยโบราณ” หลงหมิงปรากฏร่างขึ้นข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงริษยา
ของวิเศษชนิดนี้ เขาก็ตาลุกวาวเหมือนกัน แต่ก็รู้ดีว่าหลัวซิวจะไม่ยอมถอยให้เขาแน่ ๆ
หลงหมิงในเวลานี้ พลังชีวิตอ่อนแออย่างมาก เพราะครั้งสุดท้ายหลังจากที่ชีวีอัคคีมังกรถูกพ่นออกไป จำเป็นต้องใช้เวลาอีกสองสามวันกว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอนี้ไปได้
ในขณะที่หลัวซิวหยิบเอาหญ้าทองขึ้นมานั้น ในขอบเขตกระแสสัมผัสพลังชีวิตของเขา พบพลังชีวิตของจอมยุทธ์มนุษย์คนอื่น
บริเวณโดยรอบมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเทียนหวู ยอดฝีมือทุกฝ่ายที่มีผลการฝึกตนระดับฝึกจิตขั้นเจ็ดขึ้นไป ส่วนใหญ่ได้เข้าสู่ถ้ำเทพสถิตคีตโลกาแล้ว
หลัวซิวไม่แปลกใจเลยที่จะเจอคนอื่น ๆ ที่นี่
ไม่นานนัก หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็ได้พบกับคนเหล่านี้ในที่โล่งท่ามกลางหญ้า มีนักยุทธ์ราว30กว่าคนมารวมตัวกัน ในนั้นคนที่สวมชุดยาวสีม่วงคือศิษย์ตำหนักจื่อ ส่วนคนที่สวมชุดสีทอง มีลายพระอาทิตย์สีทองที่หน้าอก แน่นอนว่าต้องเป็นศิษย์สำนักเสวียนหยาง ยังมีสำนักฉางเหอ และนักยุทธ์แห่งสิบตระกูลใหญ่ของประเทศเทียนหวู
หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ต่างใช้วิธีลับเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ และซ่อนผลการฝึกตนรวมทั้งพลังชีวิตของตนไว้ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่รู้จักที่มาของตนในทันทีที่พบกัน
พวกเขามีศัตรูมากมาย ในหมู่พวกเขาแค่เพียงตำหนักจื่อก็มีจักรพรรดิยุทธ์ถึงสองคนแล้ว ราชายุทธ์อีก7-8คน ยังมีผู้แข็งแกร่งแห่งราชวงศ์ตระกูลฝานอีก เมื่อตัวตนถูกเปิดเผย ทั้งสองฝ่ายมาบรรจบกัน แน่นอนว่าจะต้องเป็นสถานการณ์ที่ไม่ตายไม่เลิกแน่ ๆ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ชายชราในชุดคลุมสีแดงเพลิงเดินเข้ามา สายตาจับจ้องไปที่เหยียนเยว่เอ๋อร์
“เยว่เอ๋อร์ เจ้ารู้ผิดหรือไม่?”
ชายชราคนนี้มองปราดเดียวก็รู้ถึงตัวตนของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ดูจากคำที่ใช้เรียกเหยียนเยว่เอ๋อร์แล้ว ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งตระกูลเหยียนของนาง
หลัวซิวเหลือบมองไปรอบ ๆ ยกเว้นชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขาที่มีผลการฝึกตนแดนราชายุทธ์แล้ว ยังมีคนของตระกูลเหยียน ที่มีผลการฝึกตนตั้งแต่ฝึกจิตขั้นเจ็ดไปจนถึงขั้นเก้าเป็นอย่างต่ำ
“ข้าทำอะไรผิด?”
เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดเสียงเย็นชา แววตานั้นนิ่งเรียบเยือกเย็น สำหรับความสามารถของอีกฝ่ายในที่สามารถมองนางออก นางไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เพราะคนของตระกูลเหยียนทุกคนต่างก็มีเส้นเลือดและพลังชีวิตที่พิเศษ สามารถสัมผัสถึงกันได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ามาถึงทางตันแล้ว? ตำหนักจื่อเป็นที่ที่เจ้าจะไปขัดแย้งได้งั้นหรือ? นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเจ้าคนเดียว แต่มันหมายถึงความเป็นความตายของพวกเราตระกูลเหยียนด้วย!” ชายชราชุดสีแดงตะโกนด้วยความโกรธ
“ตระกูล? พวกเจ้าก็ดีแต่พูดถึงวงศ์ตระกูลอยู่นั่น ในตอนนั้น ภายใต้คำสั่งสอนของตระกูล บังคับท่านพ่อกับท่านแม่ให้ฆ่าตัวตาย และตอนนี้ก็ยังอ้างเรื่องทำเพื่อตระกูล ต้องการให้ข้าแต่งงานกับศัตรูตัวฉกาจอีก พวกเจ้ามีสิทธ์อะไร?”
“ก็สิทธิ์ที่เจ้าเป็นคนของตระกูลเหยียน ในตัวของเจ้ามีเลือดของตระกูลเหยียนไหลเวียนอยู่!” ชายชราชุดแดงตะโกนอย่างโกรธจัด
ถึงแม้ผลการฝึกตนของเขาไม่เท่าเหยียนเยว่เอ๋อร์ แต่อาศัยความเป็นผู้อาวุโส พูดด้วยน้ำเสียงติเตียน “ในตอนนั้น ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าตายเพื่อตระกูลเหยียน เป็นที่ตายเพื่อความอยู่รอดของตระกูล ความเป็นความตายส่วนตัว จะเทียบกับศักศรีและคำดูถูกได้อย่างไร?”
เหยียนเยว่เอ๋อร์โกรธจนตัวสั่น ถ้าชายชราตรงหน้าไม่ใช่อาของนาง นางคงอดทนที่จะไม่ลงไม้ลงมือไม่ได้
“เยว่เอ๋อร์ในตอนนี้ไม่ใช่คนของตระกูลเหยียนของพวกเจ้าอีกต่อไป” หลัวซิวก้าวขึ้นมา ยืนกั้นอยู่ระหว่างเหยียนเยว่เอ๋อร์และชายชราชุดแดง
“ท่ามกลางตระกูลเหยียนของพวกเจ้า ใครยินยอมที่จะเสียสละเพื่อวงศ์ตะกูลก็ทำไป ข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรไม่ได้ แต่ถ้าหากจะให้นางมาเสียสละ นั่นเป็นไปไม่ได้!” น้ำเสียงของหลัวซิวแจ้มแจ้งชัดเจน
“เจ้ามันตัวอะไร กล้าดียังไงยื่นจมูกมายุ่งเรื่องของพวกเราตระกูลเหยียน?” ชายชราชุดแดงใบหน้านิ่งเรียบ ไม่ลังเลที่จะหลอมรวมพลังจิตแท้และฟาดมือไปทางหลัวซิว
นักยุทธ์จากกองกำลังอื่นเห็นการเคลื่อนไหวที่นี่ ทุกคนดูเฉยเมย ยังมีคนบางกลุ่มยิ้มมุมปาก มองการแสดงด้วยความเบิกบาน ๆ ชื่นชมยินดีในความโชคร้าย
“ปัง!”
หลัวซิวก็โต้กลับ แรงกระแทกจากหมัดทั้งสอง ทำให้เขาและชายชราชุดแดงเซถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกัน
ชายชราชุดแดงเป็นผู้อาวุโสตระกูลเหยียนที่มีผลการฝึกตนแดนราชายุทธ์ขั้นสี่ พลังระดับนี้ หลัวซิวสามารถเผชิญหน้าได้อย่างเต็มที่
ณ ขณะนี้ แววตาของหลัวซิวรี่เล็กลง เพราะท่ามกลางกระแสสัมผัสพลังชีวิต ปรากฏแสงวาววับแห่งห้วงยุทธ์ชีวีขนาดใหญ่
อีกทั้ง แสงห้วงยุทธ์ชีวีชิ้นใหญ่นั้นกำลังเข้าใกล้พื้นที่เปิดโล่งที่ทุกคนอยู่อย่างรวดเร็ว
“เป็นอสูรกายที่อยู่ในคีตโลกา มีอย่างน้อยหลายร้อยตัว!” จู่ ๆ หลัวซิวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป