มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 368 อสูรฟ้านอกเมือง
เขากล้าติดตามหลัวซิวไปไหนต่อไหน นั่นก็เพราะว่าใช้กลวิธีซ่อนตัวตนของตระกูลมาร
“ถึงแม้เจ้าจะเก็บซ่อนพลังชีวิตแห่งมารไว้ แต่มีพรสวรรค์ที่ยังไม่ได้ค้นพบซ่อนอยู่ในตระกูลมนุษย์ของข้า นอกจากข้าแล้ว จะไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเจ้าคือใคร”
ระหว่างที่พูดมู่จื่อซิวมองไปทองหลัวซิว “เจ้าเป็นตระกูลมนุษย์ แต่กลับรวมกลุ่มกับตระกูลมาร หากมีใครพบเข้า ย่อมมีพายุเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ท่ามกลางโลกแสงดาว มนุษย์ มาร และอสูร ทั้งสามตระกลูคงอยู่ร่วมกัน แม้จะสื่อสารถึงกัน ทว่าสงครามยังคงดำเนินต่อไป จำเป็นต้องระวังพวกตระกูลมารแฝงตัวเข้ามาในตระกูลมนุษย์ของข้า”
“การอยู่ร่วมกันของสามเผ่าพันธุ์?” หลัวซิวเป็นครั้งแรกที่ได้ยินสิ่งนี้
เขาก็รับรู้ได้ถึงหลงหมิงเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ารูปแบบของโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากสมัยโบราณ
มีเพียงวิญญาณจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่อยู่บนฝ่ามือซ้ายสั่นไหวเล็กน้อย แต่เพื่อป้องกันมกุฏยุทธ์ผู้แข็งแกร่งอย่างมู่จื่อซิวที่อยู่ตรงหน้า จึงไม่ได้ส่งตัวสำนึกเพื่อสื่อสารกับหลัวซิว
เมื่อเห็นหลัวซิวมีสีหน้าสับสน มู่จื่อซิวก็ยิ้มออกมาบาง ๆ “ผลการฝึกตนของเจ้าต่ำเกินไป ยังไม่สามารถเข้าถึงระดับนี้ เมื่อเจ้าได้สัมผัสกับมันในภายหลัง เจ้าจะเข้าใจโดยธรรมชาติ ”
หลังจากนั้น มู่จื่อซิวก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้าได้รับข้อความจากองค์กรนักล่ายุทธ์ ให้เป็นผู้แนะนำเจ้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้แต่งตั้งราชา ด้วยผลการฝึกตนของเจ้าในตอนนี้คือแดนราชายุทธ์ขั้นหนึ่ง หากไปเข้าร่วมจะต้องอันตรายอย่างมาก”
“อีกอย่าง แดนแต่งตั้งราชาจะมีเพียงเจ้าที่สามารถเข้าไปได้ ตระกูลมารเข้าไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินว่าตนไม่สามารถเข้าไปในแดนแต่งตั้งราชาได้ หลงหมิงก็ทำปากมุ้ยทันที แสดงออกว่าถึงตวามน้อยใจอย่างชัดเจน
“ข้าน้อยจะพยายามจนถึงที่สุด ขอท่านอาวุโสโปรดช่วยชี้แนะแก่ข้า” หลัวซิวกล่าวอย่างหนักแน่น
“เฮอะ ๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะเกลี้ยกล่อมเจ้าไม่ได้ผล” มู่จื่อซิวยิ้มพลางส่ายศีรษะเบา ๆ
เขาพูดเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะเขารู้นิสัยของหลัวซิว แต่เพราะได้เห็นอัจฉริยะเก่ง ๆ มามาก พอเจอโอกาสต่าง ๆ ก็มักจะสู้สุดใจ
การฝึกยุทธ์ เป็นกระบวนการที่โหดร้ายในการเอาชีวิตรอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุดและกำจัดผู้อ่อนแอ เมื่อต้องเผชิญกับโอกาส ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อมัน โดยรองรับโอกาสนับไม่ถ้วนในร่างเดียวเท่านั้น จึงสามารถสร้างผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลกยุทธ์ขั้นสูง
อัจฉริยะ ต่อให้ยอดเยี่ยมและมีความสามารถมากเพียงใด แต่ถ้าไม่มีโอกาส ก็ไม่มีค่าอะไรเลย
และแม้ว่าจะเป็นคนธรรมดา หากมีขุมทรัพย์แห่งโอกาสให้สะสมนับไม่ถ้วน ก็สามารถกลายเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของโลกได้
แดนแต่งตั้งราชา สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชายุทธ์แล้วล้วนเป็นโอกาสอันดี!
เพียงแต่ในใต้หล้านั้นมีผู้แข็งแกร่งแดนราชายุทธ์นับไม่ถ้วน มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ในมือได้จริง ๆ
นอกจากนี้ แดนแต่งตั้งราชาจะเปิดเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี บางทีบางคนอาจเต็มใจผูกมัดผลการฝึกตนของพวกเขา ในแดนราชายุทธ์แดนเป็นเวลาร้อยปี เพียงเพื่อเข้าสู่แดนแต่งตั้งราชาต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่บางคนไม่เต็มใจที่จะรอ ส่วนหลัวซิวนั้นถือเป็นอย่างหลัง
สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น ร้อยปีมันนานเกินไป เขารอไม่ไหว!
หลังจากนี้ร้อยปี ผลการฝึกตนของเขาคงจะเลยแดนราชายุทธ์ไปมากแล้ว แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าร่วมแดนแต่งตั้งราชาอีก
ส่วนระดับที่สูงขึ้นอย่างเช่น แดนปริศนาจักรพรรดิยุทธ์ จะใช้เวลาสามร้อยปีในการเปิดหนึ่งครั้ง จะเจอหรือไม่ก็อีกเรื่อง
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องปรับปรุงความแข็งแกร่งของเขาอย่างเร่งด่วน และรีบกลับมาที่ประเทศเทียนหวู และแดนแต่งตั้งราชา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นสถานที่สำหรับเขาที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างรวดเร็ว เขาจะพลาดมันไปได้อย่างไร?
“ถึงอย่างไรเจ้าก็ตัดสินใจไปแล้ว ข้าก็จะไม่เกลี้ยกล่อมเจ้า การเปิดของแดนแต่งตั้งราชายังเหลือเวลาอีกประมาณยี่สิบวัน ก่อนหน้านั้น เจ้าควรอยู่ในเมืองและเตรียมตัวมาให้ดี”
มู่จื่อซิวพูดด้วยรอยยิ้ม ลุกขึ้นทันที แล้วเดินออกจากห้อง
หลังจากมู่จื่อซิวจากไป หลัวซิวไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ใช้ตัวสำนึกเพื่อสื่อสารกับ วิญญาณจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่อยู่บนฝ่ามือซ้าย
“ตระกูลปีศาจ… ตระกูลปีศาจมันบุกรุกโลกแสงดาวของเราจริงหรือ?” วิญญาณจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำดูตื่นเต้นมาก
“ตระกูลปีศาจนี่มันเรื่องอะไรกัน?” หลัวซิวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
มู่จื่อซิวไม่ได้อธิบายให้เขาฟัง เพราะผลการฝึกตนของเขานั้นต่ำเกินไป ยังไม่เกี่ยวข้องกับระดับนั้นด้วยซ้ำ แต่หลัวซิวกลับรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก การอยู่ร่วมกันของสามเผ่าพันธุ์ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“ตระกูลปีศาจ หรือที่เรียกกันว่าอสูรฟ้านอกอาณาเขต นอกอาณาเขตหมายถึงไม่ใช่เมืองทิศเหนือใต้ออกตกของโลกแสงดาว แต่หมายถึงท้องฟ้านอกโลกแสงดาวที่เต็มไปด้วยดวงดาวไม่มีที่สิ้นสุด”
“บางทีเจ้าอาจคิดว่าโลกแสงดาวมันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน แต่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ไร้ขอบเขตนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่า ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด โลกแสงดาวเป็นเหมือนหยดน้ำในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่เท่านั้น”
“ภัยพิบัติโบราณ เกิดขึ้นเพราะอสูรฟ้านอกอาณาเขตบุกเข้ามา ข้าเองก็ตกลงมาเพราะเหตุนี้ เหลือเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณที่ยังคงอยู่!”
“ต่อไปถ้าเจ้าเจอตระกูลปีศาจต้องระมัดระวังให้มาก ภายใต้แดนเดียวกัน พลังของตระกูลปีศาจนั้นเก่งกาจกว่าตระกูลมนุษย์มากนัก ตอนแรกข้าถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์ตระกูลปีศาจโจมตีวิญญาณ เมื่อเทพจิตของข้าถูกทำลายล้าง มันยังกระทบกระเทือนของเทพจิตที่ข้าวางไว้ในตะเกียงวิญญาณ เหตุนั้นจึงกลายเป็นสภาวะอ่อนแอของจิตวิญญาณ”
อสูรฟ้านอกอาณาเขตคือความหายนะของคนโบราณ ในอารมณ์ความรู้สึกของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความแค้น
“อย่าไปพัวพันกับอดีตมากเกินไปผู้อาวุโส เหลือวิญญาณเพียงเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าการถูกทำลายเป็นผุยผง” หลัวซิวกล่าว
“เฮอะ ๆ ใช่แล้ว เมื่อเทียบกับคนส่วนใหญ่ในสมัยโบราณ ฉันโชคดีจริง ๆ อย่างน้อยก็ยังเอาตัวรอดจนเหลือเป็นเสี้ยววิญญาณ…” เสียงหัวเราะของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเต็มไปด้วยความขมขื่น
“ห้าหมื่นปีแล้ว เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์มาตลอด สามารถอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ ยังมีอะไรให้ข้าไม่พอใจอีกหรือ?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำดูเหมือนจะมองทะลุปรุโปร่งมากขึ้น
“ไอ้หนุ่ม เจ้ามีศักยภาพสูง ฝึกตนดีดี ข้าสามารถรอเจ้าได้ ในวันหน้าเมื่อเจ้าบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ช่วยข้าเอาร่างเนื้อกลับคืนมา” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำจู่ ๆ ก็หัวเราะ
“ร่างเนื้อ? ผู้อาวุโสหมายถึง…” หลัวซิวหรี่ตาลง
“เจ้าดาถูกแล้ว เทพจิตของข้าถูกทำลายล้าง แต่ร่างเนื้อยังคงอยู่ มหาจักรพรรดิยุทธ์ตระกูลปีศาจนั่นฆ่าข้า ร่างเนื้อระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์จะไม่เสียหายง่าย ๆ คุณค่านั้นไม่ธรรมดา บางทีมันอาจถูกนำกลับไปและกลั่นกลายเป็นหุ่นเชิด”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำถอนหายใจ “แน่นอน บางทีร่างเนื้อของข้าอาจจะถูกทำลายไปด้วยแล้วก็เป็นได้ แต่ข้ามีสัญชาตญาณว่า ร่างเนื้อของข้ายังคงอยู่ ตราบใดที่จิตวิญญาณของข้าเป็นอมตะ กลับเข้าไปที่ร่างเนื้อ ใช้ความพยายามเพียงร้อยปี ข้าสามารถกู้คืนผลการฝึกตน และสร้างโลกขึ้นมาใหม่!”
สงครามโบราณ เทพจิตของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่จัดเก็บไว้ในตะเกียงวิญญาณได้รับผลกระทบจากการโจมตีวิญญาณ และแตกออกกลายเป็นวิญญาณ วิญญาณเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนี้ยังขจัดความคิดเรื่องการเกิดใหม่ของเขาออกไป เขาทำได้เพียงหวังว่าร่างเนื้อของเขาจะไม่ถูกทำลาย และยังมีโอกาสที่จะเกิดใหม่อีกด้วย
“ท่านผู้อาวุโส ไม่ต้องกังวล เมื่อความแข็งแกร่งของข้าเพียงพอในอนาคต จะต้องไปที่ตระกูลปีศาจสักครั้ง และนำร่างเนื้อของท่านกลับคืนมา” หลัวซิวกล่าว
“หึหึ ดี มีคำพูดนี้ของเจ้า ข้าก็โล่งใจ! ด้วยผลการฝึกตนของเจ้าในตอนนี้ เข้าสู่แดนแต่งตั้งราชาอย่างไรก็ยังมีความอันตราย ข้าจะพยายามถ่ายทอดประสบการณ์ให้เจ้าให้มากที่สุด เท่าที่ข้าสามารถนำออกมาได้ คงจะมีเพียงวิชาค่ายกลแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ในด้านการกลั่นยา เขามีความทรงจำของปรมาจารย์กลั่นยา ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอน แต่ในด้านของค่ายกล มักจะพึ่งพาการสำรวจของตัวเองหากสามารถได้รับคำชี้แนะของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ย่อมต้องก้าวไปอย่างก้าวกระโดด
ถึงอย่างไรจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ก็เป็นผู้ชำนาญด้านค่ายกลโบราณ อีกทั้งในสำนักไท่เสวียน ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งในทางค่ายกล!