มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 373 ขัดแย้ง
ภายในพริบตาเดียว งูเหลือมพิษที่มีพละกำลังทัดเทียมกับราชายุทธ์ขั้นกลาง โดนเปลวไฟห่อหุ้มเอาไว้ ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เพียงไม่กี่อึดใจ ก็โดนไฟเผาจนไม่เหลือร่องรอย
นี่เป็นพลังอำนาจของภูตอัคคีกลืนกิน ภายใต้การเผาไหม้ของอัคคี ไม่เหลือแม้กระทั่งเถ้า โดนเผาจนเหลือเพียงความว่างเปล่า
อีกทั้งระหว่างการเผาไหม้ พลังของงูเหลือมพิษ ก็โดนภูตอัคคีกลืนกิน ดูดซับเอาไว้ด้วย ทำให้ตัวภูตอัคคีแข็งแกร่งขึ้น
ฮู๋ชิงชิงใช้มือบีบฮู้ ซบอยู่บนอกหลัวซิว ร่างบอบบางชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าเล็กดูกระอักกระอ่วน
เมื่อร่างกายสัมผัสกัน ความน่าดึงดูดของร่างอสูรฟ้าที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้เลือดลมของหลัวซิวแปรปรวนเล็กน้อย แต่เพราะตอนนี้ตัวกำลังอยู่ในอันตราย แรงกระตุ้นจากสัญชาตญาณธรรมชาตินี้ จึงถูกเขาระงับเอาไว้ได้ทันที
“อ๊าก!”
ทันใดนั้น มีเสียงร้องโอดครวญดังขึ้น หลัวซิวเห็นราชายุทธ์ขั้น 7 ซึ่งอยู่ในทีม เป็นผู้ชายชื่อว่าหวูสง โดนงูพิษกัดที่แขน แผลกลายเป็นสีดำทันที พิษแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
งูพิษบริเวณรอบๆ เยอะขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ที่ทุกคนสามารถขยับตัวได้ ก็ถูกบีบให้เล็กลงเรื่อยๆ ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป กลัวว่าทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่
แม้คนพวกนี้อาจมียันต์ขั้น6 ข้างกาย แต่ต้านทานได้ครู่เดียวเท่านั้น จะรอดออกจากงูพิษพวกนี้ได้หรือเปล่า ต้องว่ากันอีกที
หลัวซิวง้างมือฟาดกระบี่ พลังกระบี่ที่รวมตัวจากภูตอัคคีกลืนกิน ฆ่างูพิษที่อยู่เป็นเส้นตรงจนสิ้นซาก เผาจนกลายเป็นความว่างเปล่า
ตั้งแต่ได้ภูตอัคคีกลืนกิน บวกกับการยกระดับของผลการฝึกตน ภูตอัคคีก็เติบโตและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง พลานุภาพตอนนี้ เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้นปลายหวาดกลัวได้
ถึงเป็นงูเหลือมพิษที่แข็งแกร่งในบรรดางู ถ้าโดนสะเก็ดอัคคีไปเพียงเล็กน้อย จะเหมือนโดนพิษเข้าไปในกระดูก ถูกเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นความว่างเปล่าขณะที่กำลังร้องโอดครวญ
“ทุกคนมาอยู่ข้างฉัน แล้วจัดการซะ!”
หลัวซิวแผดเสียงดังออกมา ถึงการทำแบบนี้จะเผยพละกำลังของตัวเอง ในเมื่อเข้ามาในแดนแต่งตั้งราชาแล้ว จะเปิดเผยหรือไม่ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ราชายุทธ์ในทีมคนอื่นๆ กลับไม่สนใจ เพราะผู้แข็งแกร่งแดนราชายุทธ์ขั้น7ขึ้นไปอย่างพวกเขา ล้วนรู้สึกกดดันมาก นายเป็นแค่ราชายุทธ์ขั้น1 ธรรมดาๆ จะพาทุกคนออกไปสู้ได้งั้นเหรอ
แต่เมื่อพวกเขาเห็นความเร็วที่หลัวซิวฆ่างู แต่ละคนพากันอ้าปากค้าง
ทุกครั้งที่เห็นเขาง้างกระบี่ฟันลงไป ไม่ว่าจะเป็นงูพิษ งูเหลือมพิษ ล้วนโดนพลังกระบี่อัคคีอันน่ากลัว แผดเผาจนตายในพริบตา ไม่เหลือแม้แต่รอยขี้เถ้าจากการเผาไหม้
ตอนนี้ พวกทายาทผู้ยโสของเมืองฝูถู เพิ่งจะเข้าใจ ที่แท้ไอ้หมอนี่แกล้งทำเป็นอ่อนแอ อันที่จริงเป็นยอดฝีมือที่ไม่เปิดเผยตัวตน
ทุกคนไม่กล้าลังเลต่อไป รีบไปรวมกันข้างหลัวซิว กู้เผิงที่มีผลการฝึกตนสูงสุดในทีม ขมวดคิ้วเบาๆ เพราะเขาเห็นฮู๋ชิงชิง โดนไอ้ราชายุทธ์ขั้น1คนนี้กอดอยู่
กู้เผิงกัดฟัน แต่กลับอดทนเอาไว้ ไม่พูดอะไร ทุกคนในทีมรวมกันอยู่ด้านหลังหลัวซิว เริ่มพุ่งออกไปฆ่าพวกงูด้านนอก
อสูรกายขั้น5 เพียบพร้อมด้วยสติปัญญา พลานุภาพอันน่าหวาดกลัวของภูตอัคคี ทำให้พวกมันตกใจและหวาดกลัว เมื่อพวกงูรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรมนุษย์กลุ่มนี้ได้ เหล่างูพิษ งูเหลือมพิษบริเวณรอบๆ เริ่มพากันเลื้อยถอยไป
หลังผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ทุกคนผ่านช่องแคบระหว่างเขาออกมาได้ ภายใต้การนำของหลัวซิว พวกงูไม่ได้ไล่ตามมา
ทุกคนต่างรู้สึกโชคดีที่รอดมาได้
จู่ๆ ฮู๋ชิงชิงตั้งสติได้ว่าตัวเองยังโดนหลัวซิวกอดอยู่ หน้าแดงระเรื่อ “เฮียซิวหลัว ปล่อยฉันได้แล้ว”
“อ้อ”
หลัวซิวก็ตั้งสติได้ ปล่อยมืออย่างกระอักกระอ่วน
“คิดไม่ถึงว่าเฮียซิวหลัวจะมีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้ ผลการฝึกตนคงไม่ใช่แค่ราชายุทธ์ขั้น1ใช่ไหม”
เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน ฮู๋ชิงชิงหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
“เหอะๆ ฉันไม่ได้เก่งเหมือนที่เธอพูดหรอก แต่เพราะฉันฝึกวรยุทธ์ธาตุไฟที่พิเศษ ดังนั้นพลานุภาพของอัคคีจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าไม่สามารถรอดออกมาจากพวกงูนั่น ฉันต้องสูญเสียพลังจิตแท้ไปจนหมดแน่” หลัวซิวไม่ได้บอกว่าที่ตัวเองใช้คือภูตอัคคีฟ้าดินชนิดหนึ่ง
“ฉันว่าคงไม่ธรรมดาขนาดนั้นหรอกมั้ง”
ขณะนั้น กู้เผิงที่มีผลการฝึกตนสูงสุดในทีมเอ่ยขึ้น
“จากที่ฉันสังเกต พลานุภาพอัคคีที่นายใช้เมื่อกี้ เพียงพอที่จะทำให้ฉันรู้สึกถึงอันตราย นี่แสดงว่าพละกำลังของนายไม่ได้ด้อยไปกว่าฉัน แต่ฉันมีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น8 แต่นายเพิ่งจะเป็นราชายุทธ์ขั้น1”
กู้เผิงจ้องหลัวซิว แล้วพูดออกมาว่า “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าวรยุทธ์ธาตุไฟอะไรนั่น จะสามารถทำให้คนระดับราชายุทธ์ขั้น1 แสดงพละกำลังทัดเทียมกับราชายุทธ์ขั้น8 ได้”
“ศิษย์น้องชิงชิงเชิญนายเข้าร่วมทีมเมืองฝูถูของเรา เพราะเห็นใจที่นายโดนรังแก แต่อันที่จริงนายพละกำลังแข็งแกร่ง แต่กลับไม่บอกก่อน นายเข้ามาในทีมเมืองฝูถูของเรา มีเจตนาอะไรกันแน่”
เมื่อได้ยินกู้เผิงพูดเช่นนี้ นอกจากฮู๋ชิงชิง ราชายุทธ์คนอื่นของเมืองฝูถู ต่างพากันมีสีหน้าสงสัยเหมือนกัน
“ใช่ ศิษย์พี่กู้พูดถูก ในเมื่อทุกคนเป็นทีมเดียวกัน นายปกปิดพละกำลังที่แท้จริงของตัวเอง มีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
“ถ้าไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ อยู่ร่วมทีมกับคนแบบนี้ ไม่รู้จะโดนหลอกตอนไหน”
มีสองสามคนพูดเสริมคำพูดของกู้เผิง
ฮู๋ชิงชิงได้ยินคำพูดแบบนี้ ใบหน้าเย็นชาทันที “ศิษย์พี่กู้ ทำไมพี่ถึงพูดกับเฮียซิวหลัวแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เขา เราอาจตายไปในฝูงงูนั้นแล้ว”
“ศิษย์น้องชิงชิง เธอยังเด็ก เจออะไรมาน้อย ไม่รู้ความชั่วร้ายของจิตใจคน!”
กู้เผิงส่งเสียงหึ “ฉันว่าที่เขาแตะต้องเธอเมื่อกี้ ไม่แน่อาจโลภในความงามของเธอ เลยแสร้งทำเป็นอ่อนแอ เข้ามาร่วมทีมเรา”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันสงสัยว่าเขาช่วยเราออกจากพวกงูเหล่านั้น เพราะต้องการให้เราติดบุญคุณเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะได้สร้างภาพลักษณ์ว่าตัวเองเป็นฮีโร่”
กู้เผิงพรรณนาหลัวซิวจนกลายเป็นคนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ มีเจตนาไม่ดี อีกทั้งคำพูดที่เขาพูด ฟังดูมีเหตุผลอยู่ไม่น้อย ทำให้ทายาทเมืองฝูถู ค่อนข้างเชื่อ
หลัวซิวมองกู้เผิง และกวาดตามองคนอื่น อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาไม่ได้อธิบาย เพราะเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายกับคนพวกนี้ ถ้าไม่เห็นแก่ฮู๋ชิงชิง ตอนโดนฝูงงูล้อมโจมตี เขาแทบจะไม่สนใจความเป็นตายของคนพวกนี้สักนิด
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ตัวเองช่วยคนพวกนี้ พวกเขาไม่ขอบคุณตัวเองยังไม่เท่าไร กลับมาว่าเขามีเจตนาไม่ดีอีกด้วย
“เหอะๆ เส้นทางที่เลือกเดินมันไม่เหมือนกัน ก็ไม่สามารถที่จะร่วมงานกันได้ ในเมื่อทุกท่านสงสัยฉัน งั้นฉันขอลา” หลัวซิวพูดอย่างสงบนิ่ง
“เฮียซิวหลัว……” ฮู๋ชิงชิงอยากพูดรั้งเอาไว้ แต่ก่อนหน้านี้หลัวซิวเตือนเธอว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของตัวเอง เธอก็ไม่รู้จะอธิบายให้กู้เผิงกับคนพวกนี้ฟังอย่างไร