มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 375 เหตุผลที่ความเร็วฝึกตนช้าลง
แต่ยาทิพย์ในหุบเขาที่มีจำนวนมากที่สุด คือยาทิพย์ระดับ5 ประสิทธิภาพยาระดับ5 ที่กลั่นออกมา เทียบไม่ได้กับระดับ6 แต่ถ้ามีจำนวนมาก ก็ยกระดับผลการฝึกตนได้ไม่น้อยเหมือนกัน
หลัวซิวปล่อยตัวสำนึกออกมาเป็นอันดับแรก สำรวจความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆ ขณะเดียวกันก็เปิดกระแสสัมผัสพลังชีวิต ไม่พบลมปราณของนักยุทธ์คนอื่นในบริเวณรอบๆ
เขาถูมือไปมา เหมือนนักพนันเข้าไปในบ่อน “ยาทิพย์มากมายขนาดนี้ ล้วนเป็นของฉัน ได้มาโดยไม่เสียแรงอะไรเลย!”
ในหุบเขาไม่มีค่ายกล แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นพบสถานที่แห่งนี้ หลัวซิวเอาธงขลังสรรพสิ่งออกมา วางค่ายกลขนาดใหญ่เอาไว้รอบๆ ซ่อนลมปราณของสถานที่แห่งนี้เอาไว้
“ฝึกตนสักช่วงหนึ่งก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
นอกจากในหุบเขาจะมียาทิพย์แล้ว ยังมีต้นไม้สูงใหญ่มากมาย หลัวซิวสะบัดกระบี่ฟันไปหลายต้น ไม่นานก็สร้างเป็นบ้านไม้หลังหนึ่ง
จากนั้น ยาทิพย์ในหุบเขา โดนหลัวซิวกวาดจนเกลี้ยง ปากอดพึมพำไม่ได้ว่า “หลงหมิงไม่สามารถมาได้ คงจะร้องไห้แทบตาย จากจำนวนยาทิพย์ที่นี่ ยากลั่นจิตอัคคีม่วงธรรมดาๆ ที่ติดหนี้เขาไว้ เป็นแค่อะไรเล็กน้อยเท่านั้น”
ก่อนกลั่นยา หลัวซิวสำรวจค่ายกลที่วางไว้รอบๆ หุบเขารอบหนึ่ง เขาวางค่ายกลเอาไว้ไม่มาก มีทั้งหมด 4 ประเภท ที่จำเป็นอันดับแรกก็คือค่ายกลซ่อนงำกับค่ายกลกำบัง จากนั้นคือค่ายกลเตือนภัย เมื่อมีคนเคลื่อนไหว ก็จะแจ้งเตือนมาที่เขา รองลงมาคือค่ายกลคุ้มกัน ถึงพวกราชายุทธ์หาที่นี่เจอ จะทำลายค่ายกลคุ้มกันขั้น6 ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อออกมาข้างนอก ค่ายกลเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะสามารถฝึกตนได้ทุกเมื่อ และไม่ต้องกังวลความปลอดภัยของตัวเอง
ในบ้านไม้ หลัวซิวดูหินพลังจิตในแหวนเก็บของ ของตัวเองเป็นอันดับแรก หินพลังจิตชั้นกลางมีประมาณหมื่น หินพลังจิตชั้นสูงเหลือแค่สามร้อยกว่า พอถูไถวางค่ายผนึกปราณขั้น6 ได้ อยู่ได้ประมาณสองเดือน
“จนชะมัด หลังออกจากแดนแต่งตั้งราชาครั้งนี้ ต้องย้ายของไปขาย เพื่อแลกเป็นหินพลังจิตสักหน่อย” หลัวซิวพูดพึมพำ
ถึงบอกว่าประสิทธิภาพในการใช้หินพลังจิตฝึกตน เทียบไม่ได้กับยา แต่ตัวเองกลั่นยา จะหายาทิพย์ด้วยตัวเองตลอดไม่ได้ และการฝึกตนแต่ละด้าน จำเป็นต้องใช้จ่าย ยังไงหินพลังจิตยิ่งมากก็ยิ่งดี จะขาดแคลนไม่ได้
อันดับแรก หลัวซิวใช้เวลาครึ่งเดือนในการกลั่นยา ใช้ยาทิพย์ที่สามารถใช้ได้ กลั่นออกมาเป็นยาเกือบทั้งหมด
ช่วงเวลต่อมา เป็นการฝึกตนใช้ยาอย่างบ้าคลั่ง หลังฤทธิ์ยาละลายในร่างกาย วิชาวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ จะทำงานอัตโนมัติ ฤทธิ์ยาอันทรงพลัง ภายใต้การหมุนเวียนของวรยุทธ์ ทำให้กลายเป็นพลังจิตแท้ รวมตัวกันที่จุดตันเถียน และผ่านการชำระล้าง หลอมเข้าไปในยาเทพจิต
ช่วงฝึกตนเป็นสิ่งน่าเบื่อ หลัวซิวไม่รู้ว่าโลกภายนอกผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งเขายื่นมือออกมาสัมผัสอากาศ ยาที่วางไว้ข้างๆ โดนเขาใช้ไปจนหมดแล้ว
“เพิ่งจะราชายุทธ์ขั้น2 เองเหรอ”
หลัวซิวลืมตาช้าๆ และสำรวจผลการฝึกตนของตัวเองเป็นอันดับแรก พบว่าเพิ่งจะยกระดับไปแค่แดนเล็กเพียงแดนเดียว
ถ้าเป็นราชายุทธ์ทั่วไป ใช้ยาเยอะขนาดนี้ ฝึกตนถึงราชายุทธ์ขั้น9 ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
แต่เขากลับยกระดับได้เพียงแดนเล็กเพียงแดนเดียว
“หรือเป็นเพราะวรยุทธ์วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ” หลัวซิวขมวดคิ้ว เพราะเมื่อก่อนเขาฝึกตนได้รวดเร็วมาก จู่ๆ ก็ช้าลง ทำให้เขาปรับตัวยาก
เขาหลับตาลงอีกครั้ง ในหัวมีภาพของผังกฎดั้งเดิมวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ รูปที่สามลอยขึ้นมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาจึงเข้าใจว่าทำไมถึงฝึกตนช้าลง
สาเหตุแรก หลังจากทำความเข้าใจกับผังกฎดั้งเดิมภาพที่สองได้อย่างถ่องแท้ เขาตระหนักรู้ถึงทักษะการกลั่นร่าง พลังจิตแท้ที่ใช้ระหว่างฝึกตน จะมีส่วนหนึ่งที่หมุนเวียนและรวบรวมไปในร่างเนื้อ เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังจิตแท้ที่เขาใช้ยกระดับผลการฝึกตนที่แท้จริง จะลดลงเป็นอย่างมาก
สาเหตุที่สอง หลังจากที่ผลการฝึกตนถึงระดับราชายุทธ์ การยกระดับผลการฝึกตน จะยากกว่าเมื่อก่อน
สาเหตุที่สาม เพราะระดับของพลังจิตแท้สองระดับความเป็นตาย ที่เขารวบรวมฝึกฝนสูงเกินไป ต้องใช้พลังจิตเยอะมาก ยกตัวอย่างง่ายๆ พลังจิตแท้ที่ราชายุทธ์ทั่วไปรวบรวมไว้ ต้องใช้หินพลังจิตชั้นกลางสิบก้อน
แต่พลังจิตแท้สองระดับความเป็นตายที่หลัวซิวจะรวบรวม ต้องใช้หินพลังจิตชั้นกลางพันก้อน!
เมื่อคิดเช่นนี้ ห่างกันเกือบจะร้อยเท่า อีกทั้งหลัวซิวรู้สึกว่าไม่เพียงแต่จะแตกต่างเกือบร้อยเท่า แต่อาจมากกว่านั้นด้วย!
แน่นอนว่าเหตุผลเหล่านี้ จำกัดระดับความเร็วในการยกระดับผลการฝึกตนของเขา แต่พละกำลังซึ่งอยู่ในแดนเดียวกับเขา กลับห่างชั้นกับนักยุทธ์ทั่วไปอย่างมาก
อย่างเช่นตอนนี้ เขามีผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์ขั้น2 เขาคิดว่าถึงไม่ใช้ไพ่ใบสุดท้าย ตัวเองก็สามารถฆ่าราชายุทธ์ขั้น8ได้
ถ้ากระตุ้นพลังแปรเสวียนเทียน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าราชายุทธ์ขั้น9 เลย ถึงเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ขั้น1 ก็สามารถสู้กันอย่างสูสีได้
ยกระดับแดนเล็กหนึ่งแดน แต่พละกำลังของเขากลับยกระดับหลายเท่า
“ราชายุทธ์ขั้น3 และขั้น4 เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน ถ้าผลการฝึกตนของฉันถึงระดับราชายุทธ์ขั้น4 พละกำลังต้องเปลี่ยนแปลง ไม่แน่อาจต้านทานพละกำลังของจักรพรรดิยุทธ์ได้”
หลัวซิวแอบตัดสินใจ ครั้งนี้แดนแต่งตั้งราชาเป็นโอกาสหนึ่งของตัวเอง ต้องพยายามยกระดับพละกำลังของตัวเองให้เพิ่มขึ้น
……
ถ้าเทียบกับระยะเวลาหนึ่งปีของการเปิดแดนแต่งตั้งราชา ระยะเวลาเดือนกว่า ที่หลัวซิวปิดขังตัวเอง นับว่าไม่นาน
เขาพบหุบเขาที่มียาทิพย์งอกอยู่เป็นจำนวนมาก คนอื่นที่เข้ามาในแดนแต่งตั้งราชา ล้วนพบโอกาสของตัวเอง และยกระดับพละกำลังได้ไม่น้อย
วิธีการได้รับฉายา ตอนนี้ยังไม่มีใครค้นพบชั่วคราว มีสมบัติ โอกาสปรากฏออกมามากมาย ทำให้ราชายุทธ์ที่มาจากทั่วทุกสารทิศ พากันเข่นฆ่าแย่งชิง
ขณะเดียวกัน อันตรายที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นในแดนลึกลับ อันตรายใหญ่ที่สุดภายในนี้ คือพวกอสูรกาย
นี่เป็นบททดสอบของแดนแต่งตั้งราชา อยากโดดเด่นท่ามกลางผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์นับพัน จำเป็นต้องผ่านบททดสอบอันหนักหนา
ลึกลงไปในแดนลึกลับ มีแม่น้ำที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา บนแม่น้ำมีสะพานแห่งหนึ่ง พาดผ่านสองฟากฝั่ง
ตรงริมฝั่งหัวสะพาน มีผู้แข็งแกร่งผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น 9 สามคน พาคนหลายสิบคนขวางทางชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งเอาไว้
ผู้ชายเป็นราชายุทธ์ผลการฝึกตนขั้น7 ผู้หญิงเป็นราชายุทธ์ขั้น6
ส่วนพวกที่ขวางพวกเขาเอาไว้ ล้วนสวมชุดคลุมยาวสีเลือด เป็นคนที่มีใบหน้าชั่วร้าย
“ทุกท่านหมายความว่าอย่างไร ผมชื่อหลู่สุ่ยชิง เป็นลูกศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอาณาจักรใต้ ผมมีหินพลังจิตชั้นกลางแสนก้อน ทุกท่านได้โปรดเห็นแก่หน้าด้วย”
ผู้ชายที่มีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น7 เห็นหน้าคนพวกนี้มีเจตนาไม่ดี จึงประสานมือทำความเคารพ และพูดเสียงดัง
โดยทั่วไป เมื่อคนอื่นเห็นเขาน่าสนใจเช่นนี้ แถมยังเป็นทายาทแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่วนใหญ่จะไม่สร้างความลำบากให้เขา
“หินพลังจิตชั้นกลางแสนก้อนงั้นเหรอ เห็นเราเป็นขอทานแล้วจากไปงั้นเหรอ ทิ้งกระบี่ยุทธ์และแหวนเก็บของของนาย รวมถึงผู้หญิงคนนี้เอาไว้ แล้วนายก็ไสหัวไปซะ!”
คนที่พูดเป็นชายรูปร่างอ้วนเตี้ย สวมเสื้อสีเลือด มองผู้หญิงข้างกายหลู่สุ่ยชิงอย่างไม่หวาดกลัว
เมื่อหลู่สุ่ยชิงได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ทุกท่านอย่าทำเกินไปเลย รังแกแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอาณาจักรใต้ของผม เพราะเห็นว่าไม่มีความสามารถหรือไง”
“แดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินเก่งมากหรือไง แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดของพวกเรา ไม่เห็นแดนศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินอยู่ในสายตา” ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยฝั่งตรงข้าม พูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“พูดไร้สาระเยอะเกินไปละ ฆ่ามันซะ ส่วนผู้หญิงเก็บไว้ให้พวกเราเล่น” ในบรรดาพวกที่สวมชุดสีเลือด ผู้ชายที่มีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น9 คนหนึ่ง พูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย
“พวกนายเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือด อาณาจักรตะวันตก……” หลู่สุ่ยชิงพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก