มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 38 เผาทำลายเสื้อผ้า
บทที่ 38 เผาทำลายเสื้อผ้า
“ตึ้ง!”
ความแปรปรวนที่รุนแรงแผ่ออกมากะทันหัน ลมปราณที่เคล้าไปด้วยความร้อน เปลวไฟที่ฝังอยู่ในเส้นลมปราณหัวใจของลู่เมิ่งเหยาคล้ายถูกชักนำจากอะไรบางอย่าง จู่ๆก็เคลื่อนไหวช้าลงที่เส้นลมปราณหัวใจของเธอ
วินาทีที่เปลวไฟนี้เคลื่อนไหว ร่างกายของลู่เมิ่งเหยามีปฏิกิรยิ สั่นเทาเล็กน้อย
ในเวลานี้เอง หลัวซิวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวจิตวิญญาณของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ตามด้วยปราณเป็นตาย2ระดับในร่างกายเคลื่อนออกมาเอง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” สีหน้าของหลัวซิวแปรเปลี่ยน ปราณเป็นตาย2ระดับในร่างกายของตนคล้ายโดนบางอย่างดึงดูด จากการที่นิ้วมือและข้อมือที่สัมผัสกัน ดึงเปลวไฟในเส้นลมปราณหัวใจของลู่เมิ่งเหยาออกมา
“ร้อนมาก……”
ยิ่งดูดรับเปลวไฟออกมามากขึ้น หลัวซิวก็รู้สึกร้อนไปทั่วร่างกาย เหงื่อออกเต็มหน้าผาก
เวลาค่อยๆผ่านไป ครู่หนึ่งก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามกว่าแล้ว เสื้อผ้าบนตัวหลัวซิวเปียกโชกด้วยเหงื่อ ผิวของเขาแดงก่ำ เหมือนกำลังถูกเผาอยู่บนกองไฟ
ลู่เมิ่งเหยาก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ความร้อนปลุกเธอตื่นขึ้นมาจากความผ่อนคลายนั่น ชุดกระโปรงสีขาวเปียกปอน แนบร่างกาย เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่สมบูรณ์แบบ
นัยน์ตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความตกใจและตกตะลึง มองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ตัวแดงก่ำด้วยแววตาสับสน เธอไม่รู้ว่าหลัวซิวใช้วิธีอะไรกันแน่ จึงสามารถดูดเส้นปราณธาตุหยางไฟในร่างกายของเธอไป
เส้นลมปราณธาตุหยางไฟจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นตามความสามารถที่มากขึ้นของนักยุทธ์ ด้วยผลการฝึกตนแดนฝึกชี่ไห่ของเธอยังไม่สามารถทนกับพลังธาตุหยางไฟได้ แล้วหลัวซิวที่เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์กลั่นร่างจะทนได้อย่างไร?
เวลานี้หลัวซิวขี่หลังเสือแล้วลงยาก ปราณในที่อยู่ในเส้นลมปราณเคลื่อนไหวด้วยตนเอง ไม่สามารถควบคุมได้ เวลานี้เคลื่อนไหวจนสุดแล้ว พลังธาตุหยางไฟถูกเขาดูดรับมามากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นปราณใน แทบจะเกินกว่าร่างกายสามารถทนรับได้
ในขณะที่หลัวซิวรู้สึกจะทนไม่ไหว สติของเขาเลือนราง เข้าสู่ความมืด
ในความมืด หมอกพร่ามัวไปทั่ว ลูกแก้วดำขาวลอยขึ้นมา พร้อมกับปรากฏลวดลาย สัญลักษณ์ อักษรรูนที่ซับซ้อนและลึกลับ
“ลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย? ลูกแก้วนี้ประสานกับจิตวิญญาณของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลิวซิวชะงักเล็กน้อย ตามด้วยตกตะลึง “หรือว่าที่ที่ฉันอยู่ในตอนนี้ คือช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ?”
ในเวลานี้เอง อักษรรูน สัญลักษณ์ ลวดลายที่ทอประกายบนลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายหมุนอย่างรวดเร็ว คล้ายกับหลุมดำ เกิดแรงดึงดูดทรงพลัง ดูดกลืนสติสัมปชัญญะของหลัวซิว
หลัวซิวรู้สึกเหมือนว่าตนเองอยู่บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ด้านหน้าคือทางช้างเผือก เกิดเป็นคลื่นแรง แสงสว่างเป็นจุดๆราวกับดวงดาว รอยอยู่บนทางช้างเผือก ลอยขึ้นและลอยลง
ยื่นมือออกไปช้าๆ หลัวซิวสัมผัสหนึ่งในแสงสว่างที่คล้ายดวงดาว
พึ่บ!
เขาเห็นโลกที่แปลกประหลาด โลกที่แห้งแล้ง ชีวิตมากมายเริ่มก่อตัวกัน หลังจากผ่านวันเวลายาวนาน ก็เดินมุ่งหน้าสู่ความตาย ตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่ตายจนเกิด ราวกับเป็นวงโคจร ที่ไม่จบสิ้น
ไฟ คือแหล่งกำเนิดของชีวิต และเป็นต้นเหตุของการทำลาย เถ้าถ่านเกิดใหม่คือชีวิต เผาทำลายสรรพสิ่งคือความตาย!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ตอนที่หลัวซิวกลับมามีสติอีกครั้ง เขาลืมตาขึ้นกะทันหัน
รู้สึกเหมือนว่าตนจะตระหนักได้ถึงความหมายที่แท้จริงของความเป็นความตาย!
ก่อนหน้านี้ตอนผ่านลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย คล้ายกับวันเวลาผ่านมานานหลายปี แต่ในความเป็นจริง กลับหยุดอยู่ที่เสี้ยววินาทีนั้น
ลมปราณเปลวไฟร้อนถูกดูดรับเข้ามาในร่างกายไม่หยุด หลัวซิวเงยหน้าขึ้น สบตาลู่เมิ่งเหยา
“พึ่บ!”
ทันใดนั้นเอง เปลวไฟปะทุขึ้นมาในร่างกายของหลัวซิวกะทันหัน เสื้อผ้าถูกเผาไหม้จนหมด ทว่าเปลวไฟนี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา
อีกทั้ง เปลวไฟนี้ยังลามจากเขาไปที่ตัวของลู่เมิ่งเหยา เผาไหม้ชุดกระโปรงของเธอ ในชั่วพริบตา
“ว๊าย!……” ลู่เมิ่งเหยากรีดร้อง เหมือนจะเป็นเพราะตกใจ เธอจึงแตะหน้าอกของหลัวซิว
“ให้ตายสิ!”
หลัวซิวถูกจู่โจมกะทันหัน ปลิวไปไกล มุมปากมีเลือดไหลออกมา
ตามด้วย หลัวซิวตกตะลึง
ผิวขาวละเอียดดุจหยก ส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงาม ภาพที่ล่อแหลมนี้ ทำให้หลัวซิวหายใจหืดหอบ ปากแห้งไปหมด
“ห้ามดู!” ลู่เมิ่งเหยาหน้าแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโมโห ร่างที่บริสุทธิ์ กลับถูกลูกศิษย์ของตนเองมองเห็นจนหมด แล้วจะให้เธอทนรับได้อย่างไร?
ร่างเปลือยเปล่าเผชิญหน้ากัน ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าของทั้งสอง ไฟลุกลาม เผาไหม้เตียงจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“หันกลับไป!” ลู่เมิ่งเหยากัดริมฝีปาก เสียงเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด
หลัวซิวไม่กล้าพูดอะไร รีบหมุนตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อกันไม่ให้อาจารย์ลู่คนนี้โมโห
นี่คือห้องของลู่เมิ่งเหยา แน่นอนว่าต้องมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน หลัวซิวได้ยินเสียงเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า ความคิดของเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพเมื่อกี้ หัวใจของเขาเต้นแรงไม่หยุด
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ลู่เมิ่งเหยาเห็นบั้นท้ายของหลัวซิวที่เปลือยเปล่า มุมปากอดไม่ได้ที่จะกระตุกสองครั้ง
“ในปลอกหุ้มข้อมือใส่ของของนายไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเหรอ?”
เสื้อผ้าถูกเผาจนหมด แต่ปลอกหุ้มข้อมือซ้ายของหลัวซิวกลับไม่เสียดาย ดังนั้นเธอจึงถามออกไปแบบนี้
“เอ่อ……ไม่มีจริงๆครับ” หลัวซิวประหม่าอย่างมาก ปลอกหุ้มข้อมือใส่ของนี้ได้มาตอนฆ่าเฉินหู่ ด้านในไม่มีเสื้อผ้าสำรอง
“นายใส่นี่ก่อนเถอะ”
หลัวซิวได้ยินเพียงเสียงพึ่บ ผ้าปูที่นอนหนึ่งผืนหล่นลงตรงหน้า
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ หลัวซิวที่ห่อตัวด้วยผ้าปูที่นอนหมุนตัวกลับมา เห็นลู่เมิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นชุดสีแดง ผมดาวยาวสลวยปล่อยลงมา ใบหน้างดงาม แดงระเรื่อเล็กน้อย สวยจนทำให้คนหยุดหายใจ
ลู่เมิ่งเหยาเองก็กำลังมองหลัวซิว ภายในใจเกิดความสงสัยและตกตะลึง เมื่อกี้ตอนใส่เสื้อผ้า เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเส้นปราณหัวใจของเธอสบายขึ้นมาก หรือว่าหลัวซิวรักษาเส้นลมปราณธาตุหยางไฟของเธอหายแล้วจริงๆ?
“เมื่อกี้……ขอโทษด้วยนะ” ลู่เมิ่งเหยาพูดขึ้น ทำลายความเงียบระหว่างทั้งสอง
หลัวซิวรู้ดีว่าลู่เมิ่งเหยาหมายถึงเรื่องที่เธอเตะตน ลู่เมิ่งเหยาเป็นจอมยุทธ์ โชคดีที่ลูกเตะนั้นไม่มีพลังปราณ ไม่อย่างนั้นเวลานี้หลัวซิวคงจะลุกไม่ขึ้นแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” หลัวซิวส่ายหน้า
ในเวลานี้เอง เขามองไปยังหน้าอกด้านซ้ายบริเวณเส้นลมปราณหัวใจของลู่เมิ่งเหยา ผังลายเส้นชีวิตปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน
สัมผัสถึงสายตาของหลัวซิว ตัวของลู่เมิ่งเหยาสั่นเทาเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถาม “เปลวไฟเมื่อกี้มันอะไรกัน? ร่างกายของฉัน……”
เธออยากจะรู้จริงๆว่าเส้นลมปราณธาตุหยางไฟของตนสามารถรักษาให้หายได้จริงๆไหม ตอนแรกไม่มีความหวังใดๆแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าหลัวซิวกลับส่ายหน้า “เมื่อกี้ผมดูดรับเปลวไฟในเส้นลมปราณหัวใจของอาจารย์ลู่มาบางส่าวน แต่น่าจะเป็นเพราะผลการฝึกตนของผมยังต่ำมาก จึงทำได้เพียงดูดรับแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้รักษาอาการป่วยของอาจารย์ลู่จนหาย”
เมื่อได้ฟัง สีหน้าของลู่เมิ่งเหยาหม่นหมองทันที ทว่าในเวลานี้ หลัวซิวพูดขึ้นอีก: “แต่ว่า ถ้าได้ดูดรับหลายครั้ง น่าจะสามารถรักษาอาการป่วยของอาจารย์ลู่จนหายดีได้”
########################