มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 444 สำนักฉางเหอ
บทที่ 444 สำนักฉางเหอ
ดูเหมือนว่าตอนที่ซุนเชียนซางหนีไป เขาจะตะโกนเรียกชื่อผู้อาวุโสซุน ซึ่งอีกฝ่ายคงได้ยินเข้าแล้ว
ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในหัวในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ในที่สุดสีชูทงก็ตัดสินใจที่จะพยักหน้ายอมรับ “ผู้อาวุโสซุนผู้นั้นเป็นเพื่อนเก่ากับอาจารย์ของข้า”
“อาจารย์ของเจ้าคือใคร ?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 คนที่จะสั่งสอนลูกศิษย์เช่นนี้ออกมาได้ อย่างน้อยอาจารย์ท่านนี้ก็ต้องอยู่ในระดับมกุฎยุทธ์
“ป๋ายหลี่หยวนหลงคืออาจารย์ของข้า เมื่อสองปีก่อน อาจารย์ของข้าได้รับคำเชิญจากอาจารย์ตำหนักจื่อ ให้ร่วมมือกันจัดการกับสำนักฉางเหอ นอกจากอาจารย์ของข้าแล้ว อาจารย์หลี่เสวียนหยางแห่งสำนักเสวียนหยางผู้นั้น ยังได้เชิญซุนเชียนซาง เพื่อเตรียมรวมพลังของสี่มกุฎยุทธ์ ทำลายค่ายกลคุ้มเขาของสำนักฉางเหอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็มีสีหน้างุนงง อาจารย์ตำหนักจื่อและอาจารย์เสวียนหยางร่วมมือกันลอบโจมตีอาจารย์ฉางเหอ อีกทั้งยังเชิญมกุฎยุทธ์คนอื่น ๆ มาร่วมกันทำลายค่ายกลคุ้มเขาของสำนักฉางเหอ ทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อย่างไรกันแน่ ?
เกี่ยวกับคำถามข้อนี้ สีชูทงก็ไม่รู้แน่ชัด บทบาทที่เขาได้รับ ก็เป็นเพียงแค่คนรับส่งจดหมายระหว่างป๋ายหลี่หยวนหลงกับอาจารย์ตำหนักจื่อเท่านั้น
หลัวซิวใช้เพียงแค่นิ้วเท้าก็สามารถคิดออก อาจารย์ตำหนักจื่อกับอาจารย์เสวียนหยาง แอบร่วมมือกันจัดการสำนักฉางเหอ จะต้องมีจุดประสงค์แอบแฝงบางอย่างแน่นอน
“หรือว่าในสำนักฉางเหอมีสิ่งที่พวกเขาสนใจอยู่ ?” หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
ส่วนสีชูทงผู้นั้น หลัวซิวไม่ได้ลงมือทำร้ายเขาจนตาย แต่หักแหวนเก็บของของอีกฝ่าย และกักขังเขาเอาไว้
ในแหวนเก็บของของเขา หลัวซิวค้นเจอม้วนหยก ซึ่งเป็นสิ่งที่ป๋ายหลี่หยวนหลงสั่งให้สีชูทงนำไปมอบให้กับอาจารย์ตำหนักจื่อ
จากการใช้สำนึกตรวจสอบดูเนื้อหาภายในม้วนหยก หลัวซิวก็แสดงสีหน้าเข้าใจทุกอย่างออกมาในทันที
เนื้อหาภายในม้วนหยกนี้ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าป๋ายหลี่หยวนหลงต้องการสิ่งของบางอย่าง และข้อมูลเกี่ยวกับของชิ้นนี้ อาจารย์ตำหนักจื่อเป็นผู้บอกเขา อีกทั้งของชิ้นนั้น อยู่ในมือของอาจารย์ฉางเหอ
เนื้อหาในม้วนหยกพอจะสรุปคร่าว ๆ ออกมาได้หนึ่งประโยคว่า จะลงมือเมื่อไหร่ ?
คำว่าลงมือไม่ยากที่จะคาดเดาได้ว่า เป็นการลงมือกับสำนักฉางเหออย่างแน่นอน ด้วยพลังของมกุฎยุทธ์ทั้งสี่ ถ้าหากมีวิธีอื่นร่วมด้วยอีกเล็กน้อย อาศัยแค่อาจารย์ฉางเหอที่ได้รับบาดเจ็บเพียงผู้เดียว ไม่อาจที่จะต่อต้านได้อย่างแน่นอน
เพียงเพราะความโชคดี การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเขา ทำลายแผนการทั้งหมดที่ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ทั้งสี่ได้วางไว้ อาจารย์ตำหนักจื่อซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญถูกสังหาร ส่วนเรื่องการโจมตีสำนักฉางเหอ จึงต้องหยุดเอาไว้เป็นการชั่วคราว
หลัวซิวหยิบกล่องส่งเสียงออกมา เขาคิดจะใช้สิทธิ์ของเขาที่มีอยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์ในการตรวจสอบเรื่องนี้
อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหลัวซิวได้กลายเป็นศัตรูกับอาจารย์เสวียนหยางและซุนเชียนซางไปโดยปริยายแล้ว
คนพวกนี้คิดจะจัดการกับสำนักฉางเหอ ถ้าหากสามารถดึงเอาสำนักฉางเหอมาเป็นพวกของตนเองได้ เท่ากับว่ามีผู้ช่วยเข้ามาเพิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งคงดีกว่าการที่ตนเองต้องต่อสู้เพียงลำพังอย่างแน่นอน
และก่อนที่จะลงมือทำเรื่องนี้ ข่าวกรองถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ผ่านไปไม่นานนัก หลัวซิวก็ได้รับข้อมูล ในนั้นกล่าวถึงฐานะของป๋ายหลี่หยวนหลง เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในอาณาจักรตะวันตก มีผลการฝึกตนอยู่ในแดนมกุฎยุทธ์ขั้น 3 เขาผู้นี้ยังมีอีกหนึ่งฐานะก็คือ ปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 7 !
อีกทั้งแนวค่ายกลคุ้มเขาของสำนักเสวียนหยาง ป๋ายหลี่หยวนหลงเคยเป็นผู้ควบคุมการตั้งมาก่อน
หลัวซิวคาดการณ์ว่า สาเหตุที่อาจารย์ตำหนักจื่อและอาจารย์เสวียนหยางเชิญป๋ายหลี่หยวนหลงมาร่วมจัดการกับสำนักฉางเหอ คงเป็นเพราะต้องการอาศัยความสามารถของปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 7 ของเขา มาจัดการกับแนวค่ายกลคุ้มเขาของสำนักฉางเหอ
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างป๋ายหลี่หยวนหลงกับอาจารย์ตำหนักจื่อ ยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอีกด้วย เคยเป็นศิษย์นร่วมอาจารย์เดียวกัน จึงเรียกขานกันว่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง
ด้วยเหตุนี้ การที่หลัวซิวสังหารอาจารย์ตำหนักจื่อ ทำให้เขากับป๋ายหลี่หยวนหลงต้องกลายเป็นศัตรูกันอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนเหตุผลที่แท้จริงที่มกุฎยุทธ์ทั้งสี่ต้องการจะจัดการกับสำนักฉางเหอนั้น ด้วยข่าวกรองที่มีอยู่ในมือขององค์กรนักล่ายุทธ์ ก็ยังไม่อาจสรุปได้แน่ชัด ถึงอย่างไรก็ตาม ความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวกรองขององค์กรนักล่ายุทธ์ ก็ได้ว่าจะสมบูรณ์แบบเสียทีเดียว
ตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยาง และสำนักฉางเหอ ได้ปกครองพื้นที่โดยรอบของประเทศเทียนหวูมากว่าพันปี มีสถานะที่แยกออกจากกันชัดเจน ต่อให้สองฝ่ายคิดจะร่วมมือกันเพื่อทำลายหนึ่งในนั้น ก็จำเป็นจะต้องเสียค่าตอบแทนที่สูง
ส่วนสาเหตุที่หลัวซิวสามารถทำลายตำหนักจื่อได้อย่างง่ายดาย หนึ่งในสาเหตุหลักเป็นเพราะแดนปริศนาตำหนักจื่อ ไม่มีข้อจำกัดสำหรับตัวเขาแม้แต่น้อย ถ้าหากเป็นคนอื่น ถึงแม้จะหาทางเข้าของแดนปริศนาได้ ก็ไม่อาจบุกรุกเข้าไปได้
หากคิดที่จะใช้วิธีที่จัดการกับตำหนักจื่อมาจัดการสำนักเสวียนหยาง แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ มิเช่นนี้ตอนนั้นที่เขาอยู่ในสำนักเขาสำนักเสวียนหยาง คงไม่รีบหนีไปทันทีหลังจากที่ช่วยคนใกล้ชิดของเขาเรียบร้อยแล้ว
และที่เขาสามารถช่วยคนใกล้ชิดออกจากคุกได้ใต้ดินใต้ สาเหตุหลักก็เป็นเพราะสำนักเสวียนหยางตั้งรับไม่ทัน ถ้าหากมีการป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ เขาเองก็คงหมดหนทางลงมือได้เช่นกัน
และยังมีครั้งนี้ที่ใช้ค่ายกลคุ้มเขาขั้น 7 โจมตีซุนเชียนซางอีก หลัวซิวรู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบลง ถ้าหากครั้งนี้ไม่มีเขาอยู่ที่นี่และคอยควบคุมค่ายกลด้วยตนเอง ค่ายกลคุ้มเขานี้ก็คงถูกซุนเชียนซางทำลายลงเรียบร้อยแล้ว ถึงตอนนั้นผลที่ตามมาคงยากที่จะจินตนาการได้
หลัวซิวเก็บม้วนหยกและถูขมับของเขา “ป๋ายหลี่หยวนหลง หลี่เสวียนหยาง ซุนเชียนซาง มกุฎยุทธ์เฒ่าประหลาดทั้งสาม ต้องการจะได้อะไรจากสำนักฉางเหอกันแน่ ?”
ข้อมูลที่ปรากฏในม้วนหยกมีไม่มากนัก หลัวซิวเองก็รู้เพียงแค่เรื่องราวคร่าว ๆ ที่ยังดูคลุมเครือเท่านั้น ทำให้ยังคงสับสนอยู่
เขาคาดเดาว่า ในเมื่อหลี่เสวียนหยางจงใจที่จะจัดการกับสำนักฉางเหอเช่นนี้ คิดว่าหลังจากนี้ไปสักพัก คงจะไม่มาก่อปัญหาให้ตนเอง
ซุนเชียนซางมาในครั้งนี้ คงคิดจะมาหยั่งเชิง มิเช่นนั้นซุนเชียนซางคงไม่มาด้วยตนเอง แต่คงจะมาพร้อมกันกับหลี่เสวียนหยางแล้ว
“ค่ายกลคุ้มเขาขั้น 7 โจมตีซุนเชียนซางจนได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้หลี่เสวียนหยางผู้นั้นจะมีฝีมือเหนือกว่าซุนเชียนซางเล็กน้อย แต่ก็คงต้องรู้สึกกลัวอยู่บ้าง” หลัวซิวไตร่ตรองออกมา
……
ค่ายผนึกปราณในแดนปริศนา ได้รับการฟื้นฟูจนถึงระดับ 7 แล้ว ค่ายผนึกปราณขั้น 7 ทั้งแปดสิบเอ็ดแท่นเชื่อมโยงกัน ผลการฝึกตนในหอคอยฝึกตนภายในแดนปริศนา สามารถเทียบได้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา ๆ ในโลกได้แล้ว ต่อให้อยู่ในสมัยโบราณที่โลกยุทธ์มั่งคั่งรุ่งเรือง ก็สามารถเทียบได้กับกองกำลังชั้นแนวหน้า
หากสามารถฟื้นฟูค่ายผนึกปราณจนถึงระดับที่ 8 ได้ พลังฟ้าดินจิตก็จะปล่อยปราณทิพย์ชั้นล่างออกมา ถึงตอนนั้นผลที่ได้รับก็จะทวีคูณ
สิทธิ์ในการเข้าสู่แดนปริศนา หลัวซิวไม่เคยมอบให้กับใคร นอกจากตัวเขาเองแล้ว ก็มีเพียงเหยียนเยว่เอ๋อร์เท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ ส่วนอาจารย์ตระกูลสวี สวีจิงเหนียนผู้นั้น ตอนนี้หลัวซิวยังไม่มีความคิดที่จะให้เขาเข้าไปฝึกตนในแดนปริศนา
เรื่องบางเรื่อง ต้องรอให้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งเสียก่อน จึงจะตัดสินใจได้