มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 500
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 500
ณ จุดนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถมองออก ผู้ลาดตระเวนอาณาจักรใต้ ฉีฝ่าเทียนคนนี้ มีใจต้องการให้หลัวซิวมรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแห่งแก๊งนักกลั่นยา
จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง ปรมาจารย์หงหมิง อีกทั้งยังมีเหว้ยห้าวหรานทั้งสามคน ไม่ได้รู้สึกอะไร ด้วยความสามารถและพลังของหลัวซิวในทุกวันนี้ มันได้ไปไกลกว่าพวกเขาแล้ว ต่อให้ไม่นับเรื่องที่หลัวซิวมีฐานะเป็นนักกลั่นยา เขายังเป็นนักค่ายกลอีกด้วย เรียกได้ว่าความสามารถรอบด้านจริง ๆ
เขาไม่เคยได้แสดงออกถึงพลังในด้านของการหลอมอาวุธ แต่นั่นทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยไปล่วงหน้าว่า เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นนักหลอมอาวุธด้วยหรือไม่?
ถึงแม้พวกเขาจะคิดเช่นนี้ แต่มันก็เป็นการประเมินหลัวซิวสูงเกินไป ในทางของการหลอมอาวุธนั้น เขาไม่เคยได้ริลองเลยแม้แต่น้อย สามารถประสบความสำเร็จทางด้านกลั่นยาได้ ก็เป็นเพราะอาศัยความทรงจำของปรมาจารย์กลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9
อีกทั้งทางด้านค่ายกล ก็มีจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่เป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกลในสมัยโบราณคอยชี้แนะ หากว่าจะให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาถึงจุดที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ท่านผู้ลาดตระเวน หากให้หลัวซิวมารับช่วงต่อตำแหน่งหัวหน้าแก๊งนั้น ข้าคิดว่าไม่สมควร”
ผู้อาวุโสในแก๊งนักกลั่นยาคนหนึ่งลุกขึ้น และพูดพร้อมกับสายตามุ่งมั่น
สี่แก๊งใหญ่รวมกันเป็นหนึ่ง โดยมีองค์กรนักล่ายุทธ์เป็นผู้นำ ฉีฝ่าเทียนมีฐานะเป็นผู้ลาดตระเวน ย่อมมีคุณสมบัติที่จะแต่งตั้งตำแหน่งของประธานแก๊งในภูมิภาคนั้น ๆ
แต่เหล่าผู้อาวุโสแก๊งนักกลั่นยา ส่วนมากเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของฝานไท่เต๋อมาก่อน และการที่ฝานไท่เต๋อต้องมาอยู่ในสถานะเช่นนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพ่ายแพ้ให้กับหลัวซิว ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสแห่งแก๊งนักกลั่นยา จึงมีความรู้สึกเป็นศัตรูกับหลัวซิวอยู่ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบปี จะเป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับหกได้
ต่อให้เป็นอดีตหัวหน้าแก๊งอย่างฝานไท่เต๋อยังต้องศึกษาวิถีการกลั่นยานับพันปี ไม่ว่าพรสวรรค์ของหลัวซิวคนนี้จะสูงส่งจนเกินธรรมดาสักเพียงใด หรือถึงขนาดเรียนรู้กลั่นยาตั้งแต่ในท้องแม่ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะบรรลุถึงระดับหกอย่างแน่นอน
“อย่างไร? เจ้าสงสัยในการตัดสินใจของข้างั้นหรือ?” ฉีฝ่าเทียนขมวดคิ้ว ไม่โมโหแต่เย่อหยิ่ง ทำให้เหล่าผู้อาวุโสแก๊งนักกลั่นยา ต่างก็รู้สึกถูกกดจนตัวเล็กลงไปถนัดตา
สถานะผู้ลาดตระเวนอาณาจักรใต้ ถึงแม้มีผลการฝึกตนแดนมกุฎยุทธ์ สถานะของฉีฝ่าเทียนก็เปรียบได้กับผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์แล้ว ตำแหน่งอันสูงส่ง สำหรับการที่มีคนมาขัดใจตนนั้น แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว
“ข้าน้อยไม่กล้า เพียงแต่ตำแหน่งประธานแก๊งนักกลั่นยาแห่งประเทศเทียนหวู จำเป็นต้องเป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับหกจึงจะสามารถรับตำแหน่งได้ แต่หลัวซิวคนนี้ยังเด็กเกินไป ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะมีทักษะถึงระดับหก”
ผู้อาวุโสนักกลั่นยาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ยิ่งไปกว่านั้น ในบันทึกของแก๊งนักกลั่นยา เขาได้รับรองพียงปรมาจารย์กลั่นยาระดับสี่เท่านั้น”
ผู้อาวุโสพูดอย่างสมเหตุสมผล หากฉีฝ่าเทียนยังตั้งใจจะแต่งตั้งให้หลัวซิวเป็นประธานแก๊งนักกลั่นยาต่อ นั่นก็จะเป็นการลำเอียงเกินไป
“เจ้าสงสัยนความสามารถการรายงานขององค์กรนักล่ายุทธ์หรือ? หลัวซิวมีทักษะถึงระดับหกหรือไม่นั้น ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ?”
ฉีฝ่าเทียนมีน้ำเสียงไม่พอใจ หันไปทางหลัวซิว และพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าสำนักหลัว ดูท่าแล้วเจ้าคงต้องสำแดงพลังการกลั่นยาของตนเองออกมาเสียหน่อย มิเช่นนั้นเกรงว่าจะไม่สามารถทำให้เหล่าผู้อาวุโสแก๊งนักกลั่นยาเหล่านี้ยอมรับได้”
ในการนี้ หลัวซิวยิ้มบาง ๆ พร้อมกับพยักหน้า เขาคาดไม่ถึงว่าสมาชิกระดับสูงของแก๊งจะแต่งตั้งตัวเองให้เป็นประธานแก๊งนักกลั่นยาแห่งประเทศเทียนหวู สำหรับเขาแล้วมันส่งผลดีต่อเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
อันดับแรกตำแหน่งประธานแก๊งสามารถได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ทรัพยากรในประเทศเทียนหวูพื้นที่นี้ เขาสามารถกำหนดเวลาและควบคุมได้ตามต้องการ และด้วยสถานะนี้เขาสามารถหานักกลั่นยาจำนวนมากเพื่อใช้ในสำนักไท่เสวียน วางรากฐานที่มั่นคงให้กับสำนักไท่เสวียน
จากนั้น สายตาของหลัวซิวก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้อาวุโสแห่งแก๊งนักกลั่นยาคนหนึ่ง “ท่านนี้คงเป็นผู้อาวุโสหนานเหมินโต้วใช่หรือไม่?”
“เป็นข้าน้อย” หนานเหมินโต้วกำหมัดขึ้นเป็นการคำนับ
ต่อให้เป็นเพราะเรื่องของฝานไท่เต๋อ หนานเหมินโต้วคนนี้จึงมีความรู้สึกไม่เป็นมิตรกับหลัวซิว แต่ภายในสี่แก๊งใหญ่ อำนาจของหลัวซิวนั้นอยู่เหนือกว่าเขา จึงจำเป็นต้องทำความเคารพ