มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 547
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 547
แกนกลางของสถานที่แห่งนี้ มีอสูรกายจำนวนมากที่จำศีลอยู่ หลัวซิวรู้ดีว่าถึงการเคลื่อนไหวของตนเองจะเร็วมากแค่ไหน ก็ต้องถูกขวางแน่นอน เมื่อไหร่ที่ถูกอสูรกายจักรพรรดิช่วงปลายปิดล้อม ด้วยความสามารถของเขาหนีเอาตัวรอดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าหากต้องการบุกเข้าไปในแกนกลางก็เลิกคิดได้เลย
ดังนั้นหลัวซิวจึงปกปิดความแข็งแกร่งของตนเองมาโดยตลอด จุดประสงค์หลักคือ ก็เพื่อทำให้อสูรกายที่ตื่นจากการหลับใหลพวกนี้ คาดเดาความแข็งแกร่งของตนเองผิด
ผ่านไปสักพัก ชายร่างเผ่ามารก็ไล่ตามมาจนทัน แต่ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่ง เพียงแค่ยืนสองมือกอดอกดูการต่อสู้ด้วยความสนใจ
“แฮ่ๆ เขตที่ห้าของพวกเรามีราชาทั้งหมดสิบตน ความแข็งแกร่งของราชามังกรสาวตนนี้จัดอยู่ที่อันดับสาม นักยุทธ์เผ่ามนุษย์คนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
“เนื้อแท้ของมังกรมีตัณหา เกรงว่าที่ราชามังกรสาวต้องการจับมนุษย์คนนี้เพื่อ…”
การต่อสู้กลางอากาศโดยพื้นฐานเป็นการไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียว สำหรับอสูรกายส่วนใหญ่ที่กำลังชมการต่อสู้อยู่โดยรอบ มันคือการที่ราชามังกรสาวของพวกมันกำลังแสดงความน่าเกรงขาม ไล่ต้อนนักยุทธ์เผ่ามนุษย์คนนั้นขออย่างต่อเนื่อง
ด้านข้างของชายร่างใหญ่เผ่ามาร มีเผ่ามารที่กลายเป็นรูปร่างของมนุษย์ปรากฏขึ้นหลายตนอย่างไร้เสียงไร้กลิ่น
หนึ่งในเผ่ามารรูปร่างมนุษย์คนแก่ลูบเคราสีขาวของตนเอง ขมวดคิ้วแล้วพูด “เผ่ามนุษย์คนนี้สู้พลางถอยพลาง เข้าใกล้ทิศทางของศิลามรณะอย่างต่อเนื่อง มีแรงจูงใจแอบแฝง”
เผ่ามารที่อยู่ในแดนนานาอสูรไม่มีวันตาย ดำรงอยู่มายาวนานไม่รู้จบ พวกเขาย่อมสังเกตเห็นพฤติกรรมที่มีลับลมคมในของหลัวซิวบางอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
“ฮึ่ม กาลเวลานับไม่ถ้วนที่ผ่านมา มีเผ่ามนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่เกิดความโลภต่อศิลามรณะ ถ้าหากเขาคิดว่าการทำแบบนี้ช่วยทำให้เขาสามารถทำสำเร็จ มันจะเป็นการดูถูกพวกเราเกินไปแล้ว” เผ่ามารตนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าที่ดูถูก
“เรื่องศิลามรณะมีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อไหร่ที่มีคนได้ไป มันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเผ่ามารอย่างพวกเรา จำเป็นต้องหยุดเขา”
“นิสัยขี้เล่นของมังกรสาวทุกคนก็รู้ดี ในเวลานี้ถ้าหากมีใครยื่นมือเข้าไปยุ่ง ไม่แน่นางอาจจะระเบิดอารมณ์ออกมาทันที พวกเราไปเฝ้าทางศิลามรณะด้วยกัน ถึงเผามนุษย์คนนี้มีสามเศียรหกหัตถ ก็ไม่มีทางฝ่าพวกเราไปได้อย่างแน่นอน”
หลังจากที่เผ่ามารหลายตนปรึกษากันสักพัก ทันใดนั้นทะยานขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นลำแสง บินไปเฝ้าทิศทางของทิศทางของศิลามรณะ
หลัวซิวยอมสังเกตเห็นพฤติกรรมของเผ่ามารเหล่านี้ ตรงมุมปากปรากฏให้เห็นรอยยิ้ม “ถูกพวกเจ้าจับได้แล้วยังไง?”
เขารู้อยู่แล้วว่ากลอุบายเล็กน้อยของตนเองต้องถูกเผ่ามารพวกนี้จับได้แน่นอน แต่หลัวซิวกลับไม่ใส่ใจ ขอเพียงสามารถเข้าใกล้เป้าหมาย เขาก็สำเร็จเกินครึ่งแล้ว
หลัวซิวเพิ่งสังเกตเห็นตอนที่เข้าใกล้ สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงแกนกลางของเขตห้า มันใช่ยอดเขาสีดำอะไรสักที่ไหน เห็นได้ชัดว่ามันคือแผ่นศิลาจาลึกสีดำขนาดใหญ่!
แผ่นศิลาจาลึกแผ่นนี้ทะลุทะลวงฟ้าดิน ราวกับปล่อยดอกทะลวงเข้าไปในท้องฟ้า
เผ่ามารเก้าตนที่กลายร่างเป็นมนุษย์เฝ้าอยู่ตรงทางที่จำเป็นต้องผ่าน แต่ละตนปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา เมื่อไหร่ที่เผ่ามนุษย์คนนี้เข้าใกล้ ถึงการลงมือต้องล่วงเกินมังกรสาว พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะลงมือเข่นฆ่า
“แผ่นจารึกเจ้ามรณะ ตั้ง ณ สถานที่แห่งนี้!”
ห่างตาของหลัวซิวเหลือบมอง สังเกตเห็นตัวอักษรบนแผ่นศิลาที่เหมือนภูเขาสีดำขนาดใหญ่
แผ่นศิลาสีดำขนาดใหญ่แผ่นนี้ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของเขตที่ห้าโดยไร้เสียง
มองจากระยะไกล ก็เหมือนกับยอดเขาสีดำที่ตั้งตะหง่านทะลุท้องฟ้า
มีกลิ่นอายของความโบราณและความผันผวนไปเวียนอยู่บนแผ่นศิลา บนแผ่นศิลาเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา
มันถูกตั้งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อนยุคบรรพกาล ผ่านกาลเวลามายาวนานนับไม่ถ้วน
ศิลาจารึกเจ้ามรณะ ตั้ง ณ สถานที่แห่งนี้
เจ้ามรณะเป็นใคร?
คนแรกที่หลัวซิวนึกถึงเลยก็คือเจ้าของแดนนานาอสูรแห่งนี้
นอกจากนี้ บนแผ่นศิลายังมีลวดลายแกะสลักของตัวอักษรและรูปภาพ แต่เนื่องจากระยะห่าง หลัวซิวไม่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน