มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 562
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 562
ฉีฝ่าเทียนไม่ได้เปิดกล่องไม้ออก แต่ดึงดูดผู้ฟังแล้วพูดอย่างลึกลับว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักหลัวเคยได้ยินแดนศักดิ์สิทธิ์?”“แดนศักดิ์สิทธิ์?”หลัวซิวขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินว่าแดนศักดิ์สิทธิ์คืออะไรมาก่อนจริงๆ
แต่ตอนที่เขาถามจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำด้วยห้วงความคิด ปรมาจารย์โบราณท่านผู้นี้กลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“เมืองศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นโดยแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นแดนปริศนาที่ผู้แข็งแกร่งสี่ท่านของสี่แก๊งใหญ่สร้างขึ้นมา!”
ตามคำกล่าวของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ แดนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณแล้วและเป็นสถานที่ที่สี่สี่แก๊งใหญ่ใช้ในการฝึกฝนผู้มีพรสวรรค์ระดับแนวหน้า ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ 1 ที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อได้ยินคำอธิบายของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ หลัวซิวเข้าใจคร่าวๆ
แดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจริงๆคล้ายกับแดนตำหนักจื่อของสำนักไท่เสวียน แดนปริศนา แดนนานาอสูร แต่ดูแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่างจะเป็นระดับที่สูงกว่า ผลของการเข้าไปฝึกฝนในนั้นดีกว่า
ในสมัยโบราณ สำนักไท่เสวียนก็ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์ของสี่แก๊งใหญ่แล้ว ก็แย่กว่ามาก
ทุกครั้งที่แดนศักดิ์สิทธิ์เปิด ผู้นำของสี่แก๊งใหญ่จะส่งคำเชิญไปยังสมาชิกผู้ที่มีความสามารถมีศักยภาพและพรสวรรค์สูงภายในแก๊ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สามารถให้ฉีฝ่าเทียน ผู้ลาดตระเวนมาส่งมอบด้วยตนเอง ในกล่องไม้นี้ น่าจะเป็นคำเชิญของแดนศักดิ์สิทธิ์
หลัวซิวยังได้รู้จากจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำอีกว่าคำเชิญของแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่ว่าใครก็จะได้รับคำเชิญ เพราะทุกครั้งที่เปิดแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพียงยี่สิบคนที่จะเข้าไปได้เท่านั้น
โลกแสงดาวใหญ่ขนาดนี้ คาดไม่ถึงเลย ในสี่อาณาจักรมีพรสวรรค์จำนวนมาก แต่มีเพียงยี่สิบสิทธิ์เท่านั้น
แต่ได้รับคำเชิญ ไม่ได้หมายความว่าหลัวซิวได้รับสิทธิ์เข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว 20สิทธิ์นั้น ยังต้องการการแข่งขันเพื่อให้ได้มา
“ก่อนอื่น ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้าสำนักหลัว ทุกครั้งก่อนที่แดนศักดิ์สิทธิ์จะเปิด จะมีการแข่งขันครั้งหนึ่ง ผู้ที่ชนะอยู่ในอันดับ 20 ของการแข่งขัน สามารถเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกฝนได้” ฝ่าเทียนกล่าว หัวเราะด้วยความอิจฉา
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ลาดตระเวนของสี่แก๊งใหญ่แห่งหนึ่ง แต่เขาไม่เคยไปฝึกฝนที่แดนศักดิ์สิทธิ์
ตามที่เขาได้ยินมา ทุกคนที่เข้าไปฝึกฝนในแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังจากออกมา ผลการฝึกตนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังมีคนบางคนที่สามารถรับรู้ถึงพลังแห่งกฎได้ด้วย แล้วก้าวกระโดดกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแนวหน้า
รับรู้พลังแห่งกฎด้วยตนเองกับได้รับพลังแห่งกฎจากชิ้นส่วนกฎนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง และพลังก็แตกต่างกันมาก
นอกจากนี้ ฉีฝ่าเทียนมาที่นี่ด้วยตนเอง นอกจากส่งคำเชิญแล้ว เขายังมีหน้าที่อื่นอีก คือนำหลัวซิวไปยังเมืองหลัวเทียนในอาณาจักรใต้
“คาดวว่าตอนนี้ข้าน่าจะไปเมืองหลัวเทียนกับผู้ลาดตระเวนฉีไม่ได้”
หลัวซิวเปิดกล่องไม้ออก เห็นมีคำเชิญที่สวยงามวางอยู่ข้างในตามที่คิด ซึ่งมีคำว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เขียนอยู่ สำหรับเนื้อหานั้นว่างเปล่า
คำเชิญนี้เป็นเพียงแบบฟอร์มที่แสดงความสำคัญต่อผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับต้นของเมืองศักดิ์สิทธิ์
“เพราะเหตุใด?”ฉีฝ่าเทียนอึ้ง เมื่อเทียบกับโอกาสที่จะเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ ยังมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีก?
หลัวซิวพูดเรื่องของเหยียนเยว่เอ๋อร์และเผ่าหงส์ให้เขาฟัง
เมื่อได้ยินว่าเผ่าหงส์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย สีหน้าของฉีฝ่าเทียนก็เคร่งขรึมลง
“ถ้าเป็นกองกำลังอื่นในอาณาจักรใต้ก็จะจัดการได้ง่าย แต่เผ่าหงส์นั้นพิเศษกว่าเล็กน้อย” ฉีฝ่าเทียนกล่าวอย่างลำบากใจ
“หือ? เหตุใดเผ่าหงส์ถึงพิเศษ?” หลัวซิวงุนงง
“เพราะว่าเผ่าหงส์เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งอสูร และปัจจุบันนี้ มนุษย์ อสูร และมารอยู่ในระดับเดียวกันกัน คอยตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน บางครั้งก็มักจะมีความขัดแย้งกันในเรื่องบางอย่าง ดังนั้นคล้ายเผ่าหงส์ครึ่งมนุษย์ครึ่งอสูร เผ่าพันธุ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่าพันธุ์มาร ต่างจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อดึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกับตน” ฉีฝ่าเทียนกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวสามารถเข้าใจเรื่องสำคัญได้โดยไม่ต้องให้ฉีฝ่าเทียนอธิบายมากนัก
นอกจากเผ่าหงส์แล้ว ยังมีเผ่าพันธุ์อื่นอีกมากมายในโลกแสงดาว พวกเขาทั้งหมดเป็นครึ่งมนุษย์และครึ่งอสูร เป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสมัยโบราณ เพื่อแสวงหาความสามารถและพรสวรรค์ที่ทรงพลังกว่า เป็นเผ่าพันธุ์พิเศษที่เกิดจากการหลอมรวมของสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มาร
บางเผ่าพันธุ์ได้แยกตัวออกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์และตั้งบ้านเมืองของตนเอง ยังมีเผ่าพันธุ์บางกลุ่มยังคงถือว่าตนเองเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่เคยยอมรับว่าพวกเขาเป็นฝ่ายเผ่าพันธุ์มาร แล้วยังมีบางเผ่าพันธุ์ที่จะแสดงลักษณะเฉพาะของพวกเขากลายเป็นอสูรแล้วถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์กีดกัน กลายเป็นไปอยู่ในค่ายของเผ่าพันธุ์มาร
จริงๆแล้วเผ่าหงส์เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ข้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เนื่องจากมีเลือดหงส์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย จึงมีความพิเศษภายในเผ่าพันธุ์มนุษย์ และกองกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วไปตะไม่อยากมีความขัดแย้งกับเผ่าหงส์
เพราะหากเกิดเป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงขึ้น เผ่าหงส์อาจแยกตัวออกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้วไปลี้ภัยข้างเผ่าพันธุ์มาร ซึ่งจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต่อเผ่ามนุษย์อย่างแน่นอน