มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 567
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 567
“กระบี่มรณะหวงเสวียน!”
หลัวซิวแบฝ่ามือ พลังแห่งความเป็นตายควบแน่น กลายเป็นกระบี่ขาวดำแล้วฟันออกไป เปิดทางไปสู่นรก
เปิดทางนรก ส่งเจ้าไปสู่ความตาย นรกเป็นเหมือนกระบี่ที่สังหารทุกสิ่ง ฟันกฎทั้งหมด!
กระบี่ที่ฟันออกไปนี้เป็นทักษะยุทธ์หลัวซิวสร้างขึ้นโดยการทำความเข้าใจสองระดับความเป็นตาย พลังนั้นทรงพลังมากกว่าวิชาสังหารไท่เสวียน
เนื่องจากตอนนี้ความเข้าใจถึงสองระดับความเป็นตายของเขา เขาเชี่ยวชาญพลังแห่งกฎเล็กน้อย แล้วรวมทักษะยุทธ์นี้สร้างขึ้นโดยตัวเขาเอง จึงใช้ได้อย่างสะดวกกว่าการใช้ทักษะยุทธ์ที่คนอื่นสร้างขึ้นมาธมรรดา จึงปล่อยพลังได้ทรงพลังมากที่สุด
ทางนรกกลืนกินเงากรงเล็บสีเขียวที่ผนึกแน่นด้วยเปลว ร่างของหลัวซิวที่บนดาดฟ้าของเรือรบก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
“หือ? ผู้เยาว์อย่างเจ้าไม่เลวเลยจริงๆ ที่สามารถต้านทานการกระบวนท่าของข้าได้” หญิงชราจากเผ่าหงส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ นางไม่สามารถจัดการจักรพรรดิยุทธ์เล็ก ๆ ได้ด้วยกระบวนท่าหนึ่ง นี่ทำให้นางรู้สึกอับอาย
หลัวซิวหัวเราะเยาะ “ด้วยเกียรติของระดับมหายุทธ์ แต่กลับจู่โจมข้าที่เป็นจักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง คนจากเผ่าหงส์ก็งั้นๆแหละ””
“อวดดี เจ้ากล้าหาญมาก ที่กล้าไม่เคารพผู้อาวุโสเผ่าหงส์ของเรา!” เฟิ่งหงเสว่ตำหนิอย่างโกรธเคือง
“หลัวซิว เจ้าไม่เป็นไรนะ” เหยียนเยว่เอ๋อร์เดินไปข้างหลัวซิวพร้อมถามอย่างกังวล
หลัวซิวส่ายหัวบอกว่าเขาไม่เป็นไร แต่ในใจครุ่นคิดถึงช่องว่างระหว่างเขากับหญิงชราจากเผ่าหงส์
ตามความรู้สึกของออร่า ฐานการฝึกฝนของอาจารย์เผ่าหงส์นี้อยู่ในแดนระดับมหายุทธ์ขั้นปฐมภูมิ และฐานการฝึกฝนจริงๆควรต่ำกว่าระดับมหายุทธ์ขั้น 2 ยังไม่ถึงระดับมหายุทธ์ขั้น 3 อย่างแน่นอน
พึ่งลูกแก้วเสวียนดำ หลัวซิวสามารถยกระดับผลการฝึกตนพลังจิตแท้ของตนให้ขึ้นไปถึงมกุฎยุทธ์ขั้น 7 แล้วรวมพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าก็เทียบได้กับมกุฎยุทธ์ขั้น 9
หากใช้พลังแห่งกฎอีก ก็สามารถต่อต้านมหายุทธ์ขั้นปฐมภูมิได้
หากการสืบทอดวิชาลับของเจ้ามรณะสามารถช่วยได้ด้วย หลัวซิวมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าเขาสามารถเอาชนะผู้อาวุโสระดับแดนระดับมหายุทธ์จากเผ่าหงส์ได้
แต่ถ้าไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย หลัวซิวก็ไม่อยากทำเช่นนี้ ถ้าเขาเปิดเผยความแข็งแกร่งมากเกินไป ก็หมายความว่าประกาศต่อโลกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าบนร่างเขามีความลับมากมายอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งมากแค่ไหนที่อยากได้เพราะความโลภ
เมื่อก่อน เขาเอาชนะจักรพรรดิยุทธ์ที่แดนสูงกว่าเขาหรือฆ่ามกุฎยุทธ์มาก แม้ว่าจะน่าตกใจพอๆ กัน แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากผู้แข็งแกร่งใดๆ แต่ถ้าเจ้าเอาชนะระดับมหายุทธ์ด้วยผลการฝึกตนจักรพรรดิยุทธ์ก็น่ากลัวเกินไป
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลัวซิวก็มีแผนในใจ ดังนั้นเขาจึงพูดเสียงดังว่า “ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าหงส์และเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ ไม่รู้ว่ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?”
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะเจรจาข้อตกลงกับข้า?” หญิงชราจากเผ่าหงส์เยาะเย้ยไม่ถูกหลอก
หลัวซิวยังคงยิ้มอย่างไม่แยแส “เป็นถึงผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ ผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ หรือเจ้ากังวลว่าจักรพรรดิยุทธ์อย่างข้าจะหลอกเจ้า?”
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้อาวุโสของเผ่าหงส์ หญิงชราผู้นี้มักให้ความสำคัญกับเกียรติมากกว่า
แม้ว่านางจะรู้ว่าหลัวซิวต้องมีแผนอะไรแน่ นี่เป็นกลวิธีใช้คำพูดที่ทำให้นางโมโหแล้วตอบตกลง และนางก็ไม่ตอบตกลงไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะตอบโต้กับกลวิธีก้าวร้าวแบบนี้
เพราะที่นี่ยังมีคนนอกอยู่ หากข่าวนี้ถูกกระจายออกไปว่าเป็นถึงระดับมหายุทธ์กลับหวาดกลัวผู้เยาว์จักรพรรดิยุทธ์คนหนึ่ง ก็น่าละอายมากไม่ใช่หรือ?
“เจ้าต้องการเดิมพันอย่างไร?” หญิงชราจากเผ่าหงส์หรี่ตาลง
“เดิมพันสามกระบวนท่า เป็นยังไง?” หลัวซิวยิ้มเล็กน้อย “เจ้าคือระดับมหายุทธ์และข้าเป็นจักรพรรดิยุทธ์ ผลการฝึกตนห่างกันตั้งสองแดนใหญ่!”
“ข้ารับสามกระบวนท่าของเจ้า ถ้ารับได้ เจ้าพาคนกลับไป หากข้ารับไม่ได้ ก็ยอมให้เจ้าพาเยว่เอ๋อร์ไป”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา คนหลายคนที่อยู่ที่นั่นต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกัน แต่ไม่มีใครที่คิดว่าหลัวซิวจะชนะ โดยเฉพาะคนจากเผ่าหงส์ทั้งสาม สีหน้ายิ่งเยาะเย้ย
หญิงชราจากเผ่าหงส์เหมือนคาดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะเดิมพันเช่นนี้ หรือผู้เยาว์คนนี้รู้สึกว่าเขาสามารถต่อต้านกระบวนท่าหนึ่งครั้งจากนางได้ เขาก็คิดว่าตัวเองสามารถรับสามกระบวนท่าของนางได้?