มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 572
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 572
อาหารของภัตตาคารเทียนอี ไม่ได้เหมือนเดิมอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจได้วัตถุดิบหายาก มาปรุงเป็นเมนูที่เอร็ดอร่อย
บริกรกล่าวด้วยท่าทีเคารพ “ตอบท่านผู้ลาดตระเวน ก่อนหน้านี้ไม่นานเราจับมังกรมคราได้หลายตัว พร้อมกับยาวิเศษหายากอีกหลายรายการ หากนำมาต้มเป็นซุป ก็จะมีสรรพคุณในการกลั่นร่าง เนื้อมีความสดนุ่ม ประกอบด้วยพลังจิตบริสุทธิ์”
มังกรมคราคืออสูรกายที่พบได้ยาก ซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลึกและทะเลสาบ มีความรวดเร็วมาก ต่อให้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ ก็ยังจับได้ยาก
หลัวซิวเมื่อได้ยินว่าภัตตาคารเทียนอีนำเอามังกรมครามาเป็นวัตถุดิบ เขาอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก รู้สึกว่านี่เป็นการเสียของเปล่า ๆ เพราะเลือดสดของมังกรมครา สามารถนำมากลั่นยากลั่นร่างระดับแปดชนิดหนึ่งได้ นั่นคือยาฐานมังกร!
“เอามาสามที่” ฉีฝ่าเทียนเอ่ยปากบอก หลังจากนั้นก็สั่งอาหารที่ขึ้นชื่อของภัตตาคารเทียนอีมาอีกสามลี่อย่าง
ผ่านไปไม่นาน อาหารก็ถูกนำมาวางจนครบ มังกรมคราตัวหนึ่งหนึ่งยาวราว ๆ เจ็ดถึงแปดนิ้ว แต่เจ้าสิ่งเล็ก ๆ เช่นนี้ กลับมีมูลค่าสูงมหาศาล!
อาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบหายาก เต็มไปด้วยพลังจิตบริสุทธิ์ หากบริโภคเป็นเวลานาน สามารถปรับปรุงร่างกายของจอมยุทธ์ได้อย่างละเอียด มีประสิทธิภาพช่วยในการฝึกตน
แต่อาหารมื้อนี้ก็แพงพอสมควร ต่อให้เป็นฉีฝ่าเทียน ก็ไม่ค่อยอยากจะมาใช้จ่ายที่นี่บ่อย ๆ
“เจ้าสำนักหลัว แม่นางเหยียน เป็นเช่นไรบ้าง?” ฉีฝ่าเทียนดื่มเหล้าหนึ่งจอกแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม
หลัวซิวกินเนื้อมังกรมคราหนึ่งคำ รู้สึกถึงความนุ่มอร่อย ก็ยิ้มออกมาบาง ๆ “ถ้าหากสามารถทานอาหารเช่นนี้ได้ทุกวัน แม้แต่หมูตัวหนึ่งก็สามารถฝึกตนจนถึงแดนจักรพรรดิยุทธิ์ได้เลย”
เมื่อได้ยินหลัวซิวเปรียบเปรยเช่นนั้น ฉีฝ่าเทียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง “เจ้าสำนักหลัวท่านก็พูดไป ขุมทรัพย์ของพวกกองกำลังใหญ่มากมายมหาศาล มีผู้คนมากมายที่เติบโตขึ้นมาโดยรับประทานอาหารเสริมอันล้ำค่าเหล่านี้ตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อถึงอายุ17-18ปี แม้แต่คนที่ไม่มีพรสวรรค์ก็ยังสามารถฝึกตนจนถึงแดนราชายุทธ์ได้อย่างง่ายดาย”
หลัวซิวมีความรู้สึกเห็นด้วยอย่างมาก “ขุมทรัพย์ของกองกำลังใหญ่ ว่ากันว่ามากกว่าเก้าในสิบของทรัพยากรและความมั่งคั่งอยู่ในมือของคนเพียงไม่กี่คน เหล่าแดนศักดิ์สิทธิ์ที่โลกแสงดาว เกรงว่าครอบครองทรัพยากรโลกแสงดาวไปแล้วกว่าครึ่ง”
“ช่องว่างแห่งความแตกต่างนั้นกว้างเกินไป” เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ความสามารถของนางค่อนข้างดี ตอนอายุ17-18ปีกลับถึงแค่เพียงแดนฝึกจิต ฝึกตนเป็นเวลาสามร้อยปี กว่าจะบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9
ใช่ว่าพรสวรรค์ของนางมิอาจเทียบเท่าเหล่าจอมยุทธ์ที่เกิดในแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเพราะเงื่อนไขการฝึกตนของนางไม่สามารถเอาไปเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้นได้
หากเงื่อนไขการฝึกตนของนางมีเหมือน ๆ กับคนเหล่านั้น ในระยะเวลา300ปี ต่อให้เป็นการฝึกตนถึงแดนมหายุทธ์ก็สามารถบรรลุได้โดยง่าย แม้แต่ความเป็นไปได้ที่จะบรรลุถึงแดนเจ้ายุทธจักร ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย
จอมยุทธ์ในใต้หล้านั้นต่างก็ต้องมองหาโอกาส แต่การเกิดนั้นในความเป็นจริงก็ถือเป็นโอกาสชนิดหนึ่ง นับตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาดูโลกก็ได้รับสิทธิพิเศษในด้านเงื่อนไขและจุดเริ่มต้นมากกว่าคนอื่น ๆ
ฉีฝ่าเทียนยิ้มเล็กน้อย พลางหันไปมองหลัวซิว “เจ้าสำนักหลัวไม่มีเงื่อนไขการฝึกตนเหล่านี้ แต่กลับยังสามารถโดดเด่นเสียยิ่งกว่าพวกที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์เสียอีก”
ยิ่งได้ใกล้ชิดกับหลัวซิวมากเท่าไร ฉีฝ่าเทียนก็ยิ่งเข้าใจว่าเหตุใดท่านหัวหน้าผู้ลาดตระเวนถึงให้ความสำคัญกับเขามากเช่นนั้น
แต่ฉีฝ่าเทียนเป็นผู้มากประสบการณ์ จอมยุทธ์คนหนึ่งที่เกิดมาอย่างธรรมดา ต่อให้ได้รับโอกาสอันดีงามเพียงใด แต่คาดหวังว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีฝึกตนบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ เส้นทางแห่งการดิ้นรนนี้ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าต้องพบเจอกับความยากลำบากขนาดไหน
การฝึกยุทธ์หากมีเพียงแค่พรสวรรค์นั้นไม่อาจเพียงพอ ยังต้องอาศัยความปรารถนาอย่างแน่วแน่ การตัดสินใจที่เฉียบขาด และยังต้องอาศัยโอกาสอันดีงาม มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงสามารถเดินบนเส้นทางสายนี้ได้ไกลขึ้น
ในวลานี้เอง มีชายหนุ่มหลายคนแต่งตัวหรูหราพร้อมทั้งรังสีความเก่งกาจไม่ธรรมดาแผ่ไปทั่วเดินเข้ามาในภัตตาคารเทียนอี คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำพูดขึ้นเสียงดังก้อง “ได้ยินมาว่าภัตตาคารเทียนอีจับมังกรมครามาได้หรือ? รีบนำมาให้ข้าลองชิมเสีย และกับข้าวชั้นดีอีกสองสามอย่าง เหล้าชั้นหนึ่งอีกสองกา!”
บริกรรีบเดินเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ภูมิหลังของคนชายหนุ่มเหล่านี้แค่ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา มีสองสามคนที่ไม่ได้เก็บนักยุทธ์ไว้ในแหวนเก็บของ เพียงแค่วางลงบนโต๊ะส่ง ๆ ทุกชิ้นต่างก็เป็นชั้นดินชั้นสูง
ถึงแม้จะเป็นนักยุทธ์ชั้นดินชั้นสูง ผลการฝึกตนแดนมกุฎยุทธ์ก็สามารถสำแดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะจำนวนของปรมาจารย์หลอมอาวุธระดับ7นั้นมีไม่มาก แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์มีมากเกินไป ดังนั้นยอดฝีมือระดับมกุฎยุทธ์จำนวนมากต่างก็หานักยุทธ์ชั้นดินชั้นสูงสักชิ้นหนึ่งเพื่อใช้งานได้ยาก
ปรมาจารย์ระดับ7เมื่อเทียบกับผลการฝึกตนระดับมกุฎยุทธ์ ในบรรดามกุฎยุทธ์ร้อยคน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะมีปรมาจารย์ระดับ7ปรากฏขึ้นสักคน นับเป็นสินค้าหายาก ดังนั้นราคาของสมบัติค่ายกล นักยุทธ์และยา จึงได้สูงลิบลิ่วและขาดตลาด