มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 81 อันดับหอคอยมังกรบิน
บทที่ 81 อันดับหอคอยมังกรบิน
มีคนรวมตัวถกเถียงกันบริเวณหอคอยมังกรบิน ตอนนี้หลัวซิวก็สังเกตได้ คนที่ถูกส่งออกมาจากหอคอยมังกร คือหวางช่าน
ข้างหอคอยมังกรบิน คือศิลาขนาดใหญ่ สูงสิบกว่าเมตร มีชื่อต่างๆ สลักอยู่ด้านบน โดยอิงจากผลคะแนนของทุกคน ที่ได้รับจากหอคอยมังกรบิน เป็นการประเมินอันดับอัตโนมัติ
ตัวอักษรบนศิลาที่ใหญ่และเห็นชัดเจนที่สุด คือรายชื่อ 200 อันดับแรก รายชื่ออันดับท้ายๆ อัดแน่นกันมาก อยากหาชื่อตัวเองเจอ เป็นอะไรที่ยากมาก
หวางช่านไม่สนใจรอยเลือดเต็มหน้า วิ่งไปดูอันดับรายชื่อของตัวเอง
หลังผ่านไปไม่นาน ไม่รู้ใครหาชื่อของหวางช่านเจอ จึงตะโกนเสียงดังว่า “ฉันหาเจอแล้ว! หวางช่าน รายชื่ออันดับที่ 936!”
“รายชื่ออันดับที่ 936 เหรอ”
เมื่อหวางช่านเห็นอันดับของตัวเอง จู่ๆ สีหน้าของเขาไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก
ตอนอยู่เมืองหยูซาน อายุเพียง 15 ปี ได้เลื่อนขั้นถึงวิชาชี่ไห่ขั้น3 ถึงพวกมีความสามารถโดดเด่น ในสำนักยุทธ์ ก็ยังห่างชั้นกับตัวเองเยอะ
บวกกับต่อมาที่ได้โอกาสพิเศษ ทำให้เขาได้รับการถ่ายทอดวิชาดาบระดับ 5 ดังนั้นจึงทำให้เขาหลงตัวเอง ว่าเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทาน ไม่เห็นคนวัยเดียวกัน อยู่ในสายตา
แต่เมื่อมาเข้าร่วมการทดสอบนอกสำนักเซียวเหยา กลับเจอหลัวซิว พละกำลังที่เขาภาคภูมิใจ ถูกกดขี่ยับ พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
ความพ่ายแพ้อันน่าเวทนาครั้งนั้น ทำให้เขาคิดทบทวนอย่างลึกซึ้ง คิดว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แต่หลัวซิวแข็งแกร่งเกินไป วิปริตเกินไป
ทว่าตอนนี้ เขามาที่หอคอยมังกรบิน ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่กลับอยู่แค่อันดับที่ 936 อย่างนั้นเหรอ
ศิษย์นอกสำนักเซียวเหยามีเป็นพัน อันดับแบบนี้ เรียกได้ว่าอยู่ในอันดับท้ายๆ
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า ที่เต็มไปด้วยรอยเลือดของหวางช่าน ที่แท้ตลอดมา ฉันคิดไปเองทั้งหมด ฉันคิดไปเองว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้น
หลงตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะงั้นเหรอ แค่คิดไปเองเท่านั้น……
“อย่างเศร้าขนาดนั้นเลย” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูหวางช่าน เขาหันไปมอง เห็นหลัวซิวยืนอยู่ด้านหลัง
“ทุกปีนอกสำนักเซียวเหยา รับศิษย์แค่สามคน พละกำลังตอนขั้นปฐมภูมิ อย่างน้อยก็ต้องมีพละกำลังวิชาชี่ไห่ขั้น2 และขั้น 3 ขนาดศิษย์ที่เพิ่งรับไปเมื่อปีที่แล้ว ยังมีเวลาการฝึกตนมากกว่านายกับฉันตั้งหนึ่งปี เริ่มแรกอันดับรายชื่ออยู่ท้ายๆ เป็นเรื่องปกติ”
หลัวซิวยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินว่าหลายคนตอนขั้นปฐมภูมิ แค่รายชื่อพันอันดับแรก ยังไม่สามารถทำได้”
ถึงตอนแรก เพราะการช่วงชิงอันดับหนึ่งของการทดสอบ นับว่าหวางช่านเคยเป็นคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่เพราะเข้านอกสำนักเซียวเหยามาด้วยกัน เห็นท่าทางเศร้าสลดของเขาเมื่อครู่ หลัวซิวจึงทนไม่ได้ จึงพูดให้กำลังอีกฝ่าย
“ขอบใจนะหลัวซิว”
หวางช่านสูดหายใจลึก ได้ยินหลัวซิวพูดเช่นนี้ เขาพอทำใจขึ้นมาได้บ้าง
เขาฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ราบรื่นไม่เคยมีอุปสรรคมาตลอด โดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง แทบจะทำให้เขาสูญเสียศรัทธาค้ำจุนในการฝึกยุทธ์ของตัวเอง
แต่หลัวซิวมาพูดเช่นนี้ ในช่วงเวลาสำคัญ ราวกับฉุดเขาขึ้นมาจากความเศร้า ความคิดที่เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ ทำให้หวางช่านซาบซึ้งและเคารพเลื่อมใสมาก
“นายมาเข้าร่วมการทดสอบที่หอคอยมังกรบินเหมือนกันเหรอ”
หวางช่านสงบสติอารมณ์ จากนั้นจึงถามหลัวซิว
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ตอนอยู่เมืองหยูซาน คนวัยเดียวกัน ไม่มีใครเทียบฉันได้ แต่เมื่อมานอกสำนักเซียวเหยา คนเก่งกว่าฉันกลับมีมากมาย”
เมืองหยูซานเป็นสถานที่เล็กๆ บนแผนที่เขตการปกครองหยุนหลง เป็นเพียงจุดเล็กๆ เหมือนเม็ดงาเท่านั้น แต่นอกสำนักเซียวเหยา รวบรวมคนมีความสามารถ แทบจะทั้งหมดในเขตการปกครองหยุนหลง!
เขาเห็นสีหน้าหลัวซิวแน่วแน่ สุขุม จึงอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ “นายคิดว่าตัวเองจะอยู่ในอันดับที่เท่าไร”
“ไม่เคยลอง ใครจะไปรู้ล่ะ” หลัวซิวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
เพราะหลัวซิวมาช้าไปหน่อย ดังนั้นข้างหน้าหลัวซิว จึงมีคนอื่นเข้าไปทดสอบในหอคอยมังกรบินก่อน
ผ่านไปนาน มีคนถูกส่งออกมาจากหอคอยมังกรบินอย่างต่อเนื่อง อันดับรายชื่ออยู่ประมาณ 7-8 ร้อย
หวางช่านยืนข้างหลัวซิว สีหน้าดูไม่สู้ดีขึ้นมาอีก แต่เขารู้ดี เขายังเป็นเด็กใหม่ เทียบกับคนเก่าๆ พวกนั้น ยังห่างชั้นกันไม่น้อย
แต่เขาก็มั่นใจ ใช้พรสวรรค์ของตัวเอง หลังจากนี้ไม่กี่ปี ใน 200 อันดับรายชื่อที่สะดุดตาที่สุดในหอคอยมังกรบิน ต้องมีที่ให้ตัวเองแน่นอน!
หวางช่านกำหมัดแน่น กัดฟัน จากนั้นจึงพูดว่า “ฉันจะกลับไปฝึกตนอย่างเต็มที่ ฉันหวังว่านายจะได้ผลคะแนนดี ในหอคอยมังกรบินนะ”
เมื่อพูดจบ หวางช่านหันหลังเดินออกไป นับได้ว่าเขารู้ความอับอาย และเข้าใกล้ความกล้ามากขึ้น
หวางช่านไปได้ไม่นาน ในที่สุดก็ถึงตาของหลัวซิว เข้าไปในหอคอยมังกรบิน
“ไอ้นั่นชื่อหลัวซิวนี่นา!”
“ได้ยินว่าเที่ยงวันนั้น ไอ้หมอนี่จะดวลความเป็นตายบนเวทีกับหลินจิงหยุน วิชาชี่ไห่ขั้น3 ท้าประลองกับวิชาชี่ไห่ขั้น 7 เหมือนลูกวัวเพิ่งลืมตาดูโลก ไม่รู้ความน่ากลัวของเสือ!”
“หลินจิงหยุนอยู่ในรายชื่ออันดับที่ 137 เชียวนะ ถ้าเขาไม่สามารถอยู่ใน 150 อันดับแรกได้ เขาต้องตายคามือหลินจิงหยุนอย่างสบายๆ”
“วิชาชี่ไห้ขั้น 3 อยู่ใน 150 อันดับแรกเหรอ นายพูดตลกหรือเปล่า สามารถอยู่ใน 150 อันแรกได้ อย่างน้อยก็ต้องวิชาชี่ไห่ขั้น 7 วิชาชี่ไห้ขั้น 3 อยู่ใน 700 อันดับได้ ก็ถือว่ามีความสามารถแล้ว!”
ทุกคนพากันพูดขึ้นมา ไม่มีใครมองหลัวซิวดีเลยสักคน สำหรับศิษย์นอกสำนักจำนวนมาก ใครบ้างที่ก่อนจะมานอกสำนักเซียวเหยา ไม่ใช่คนมีความสามารถของสำนักยุทธ์ ในแต่ละเมืองของเขตการปกครองหยุนหลง
ถึงเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบขั้นปฐมภูมิ ทุกปีปรากฏเพียงคนเดียว ที่นอกสำนักเซียวเหยาก็หาได้ถมเถไป
ท่ามกลางเสียงถกเถียง หลัวซิวเดินมาในชั้นแรกของหอคอยมังกรบิน
จู่ๆ ค่ายกลชั้นแรกเปิดออก ราวกับตัวของหลัวซิว อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
“โฮก!”
เสียงสัตว์คำรามดังต่อเนื่องกันไปเป็นระลอก ไม่ไกลจากหลัวซิว มีอสูรกายอยู่ 15 ตัว!
กรงเล็บอันแหลมคม ดวงตาสีเลือด เขี้ยวอันเย็นยะเยือก นี่คืออสูรระดับ 2 จำนวน 15 ตัว ท่าทางของอสูรกายทุกตัว ทัดเทียมกับจอมยุทธ์วิชาชี่ไห่ขั้น3!
“ชั้นแรกของหอคอยมังกรบิน ต้องเผชิญกับอสูรระดับ 2 15 ตัวเหรอ”
แววตาหลัวซิวเคร่งขรึมทันที ถึงพวกนี้เป็นอสูรระดับ 2 ธรรมดาๆ แต่จำนวนเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่มีพละกำลังชี่ไห่ขั้นสี่ขึ้นไป กลัวว่าจะผ่านไปได้ยาก
จากที่เขารู้มา คนที่สามารถผ่านชั้นหนึ่งไปได้ น่าจะอยู่ราวๆ 700 อันดับในรายชื่อ
แน่นอนว่า อ้างอิงของอันดับรายชื่อ ต้องอ้างอิงจากความเร็วในการฆ่าอสูรกาย รวมถึงใช้ระดับการบาดเจ็บของตัวเองมาตัดสิน
“โฮก!”
อสูรกายไม่สามารถต่อสู้กับคนแบบหนึ่งต่อหนึ่งได้ ตอนค่ายกลเปิดออก อสูรระดับ 2 จำนวน 15 ตัว กระโจนเข้ามาหาหลัวซิว จากทุกทิศทุกทาง
ตัวแรกที่กระโจนเข้ามาหาหลัวซิว คืออสูรเสือ หนังหนาจนมีดดาบทำอันตรายได้ยาก
“หมัดเสือมังกร!”
หลัวซิวไม่ชักกระบี่ออกมา แต่กำหมัดรวบรวมปราณแท้ หมัดราวกับสายฟ้าโจมตีออกไป จนทำให้อสูรเสือกระเด็นออกไป ร่างกายของมันระเบิดกลางอากาศ จนกลายเป็นแสงสลายหายไป
ผลลัพธ์แบบนี้ปรากฏออกมา แสดงว่าหมัดเมื่อครู่ของหลัวซิว เพียงพอที่จะโจมตีอสูรเสือระดับ 2 หนึ่งตัว ได้ถึงขั้นรุนแรง
อสูรเสือตัวนี้ เป็นแค่หนึ่งใน 15 อสูรกาย การเคลื่อนไหวของหลัวซิว แทบจะไม่หยุดอยู่กับที่ ตอนอสูรกายตัวอื่นกระโจนเข้ามา แววตาของเขามีประกายเย็นชาสว่างวาบ
“ชิ้ง!”
########################