มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 869
“ยอร์คมาจริง ๆ ด้วย?”
“แลร์รี่ต้องไม่มีทางปราณีต่อเขาแน่นอน”
เมื่อหลัวซิวปรากฏตัวขึ้นใกล้ ๆ แท่นประลอง ผู้คนรอบข้างต่างพากันฮือฮาขึ้นมา
เพราะได้ยินมาว่าแลร์รี่ต้องการมาที่นี่เพื่อจัดการยอร์คอัจฉริยะแห่งตำหนักเทวมืด ดังนั้นหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปด ไม่ว่าจะค่ายสว่างหรือค่ายมืดต่างก็พากันมาดูการประลองนี้
“เพียงแค่ผลการฝึกตนมหายุทธ์ขั้นหก พลังเช่นนี้คู่ควรแก่การลงมือของเทพบุตรเพลิงอัคคีหรือ?”
มีคนกระโดดขึ้นมาเป็นคนแรก ผลการฝึกตนคือเจ้ายุทธจักรขั้นสาม เทพบุตรเพลิงอัคคีมี่เขาพูดถึงนั้น ก็คือแลร์รี่
ตำหนักทวยเทพในโลกเชิ่งถิง เทียบได้กับ แดนศักดิ์สิทธิ์ของโลกแสงดาว ทุก ๆ ตำหนักเทวจะมีการเลือกเทพบุตร ก็เหมือนกับระดับเทพบุตรของแดนศักดิ์สิทธิ์
อย่างเช่นเทพบุตรสุริยาคนนั้นแห่งเชิ่งถิง อำนาจที่มีอยู่ในโลกใบนี้ เหมือนว่าจะไม่เป็นรองผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์
การท้าประลองครั้งนี้ หลัวซิวก็ยังคงพิจารณาในหลาย ๆ ด้าน
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อรากฐานการฝึกยุทธ์ของตนเอง เขาจงใจที่จะควบคุมการเข้าแดนของผลการฝึกตน ตลอดจนถึงตอนนี้ ก็ทำให้พลังของเขาเข้าสู้ช่วงการเติบโตอย่างช้า ๆ
เมื่อตัวสำนึกบรรลุถึงระดับเจ้ายุทธจักร ถึงแม้จะดูดซับพลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในช่องจิตปลอมอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มระดับก็ยังกลับกลายเป็นช้าลงอย่างมาก ในตอนนี้เทียบเท่ากับระดับเจ้ายุทธจักรขั้นสี่
ต้องการจะยกระดับร่างยุทธ์แดนเจ้ายุทธจักร ต่อให้มีทรัพยากรเพียงพอ ก็จำเป็นต้องมีเวลาที่เพียงพอด้วย
อีกทั้งพลังอมตะอย่างภูตอัคคีร้อยแปร ถึงแม้จะได้รับไฟทิพย์ชนิดที่สามมาแล้ว แต่ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ จึงยังไม่อาจครอบครองอัคคีจักรพรรดิระดับที่สูงขึ้นได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าหลอมรวมมันสุ่มสี่สุ่มห้า
ว่ากันตามจริง เขาฝึกตนโดยใช้เวลาที่สั้นเกินไป คนอื่นใช้เวลาเป็นร้อยหรือกระทั่งเป็นพันปีจึงสามารถครอบครองพลังเช่นนี้ แต่เขาใช้เวลาสั้น ๆ เพียงสิบกว่าปีก็สามารถบรรลุถึงแล้ว
แต่ว่าการเติบโตของพลังไม่สามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานวันการเติบโตขึ้นของพลังนั้นก็จะยิ่งช้าลงเรื่อย ๆ แม้ว่าพรสวรรค์ของตนจะสูงมากสักเพียงใด ทรัพยากรจะมีมากจนล้นเหลือ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการหล่อหลอม
อย่างเช่นหลัวซิวต้องการยกระดับตัวสำนึกให้ถึงเจ้ายุทธจักรขั้นห้า เขาใช้พลังทั้งหมดเพื่อดูดซับพลังวิญญาณจากช่องจิตปลอม ก็ยังต้องใช้เวลาร่วมหนึ่งปีจึงจะสามารถยกระดับได้ถึงเจ้ายุทธจักรขั้นห้า หากว่าต้องการยกระดับให้สูงขึ้นกว่าเดิม ก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาที่นานยิ่งขึ้น
ถ้าหากเขาดูดซับพลังทั้งหมดจากช่องจิตปลอม ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เกรงว่าแม้จะใช้เวลาอีกร้อยปีก็ไม่อาจจะทำได้สำเร็จ
ในด้านอื่น ๆ ไม่สามารถยกระดับได้ สำหรับหลัวซิวให้ตอนนี้แล้ว ต้องการยกระดับพลังการต่อสู้โดยรวม ก็ทำได้แค่เพียงเริ่มจากแดนกฎเท่านั้น
เพียงแค่แดนกฎสามารถข้ามสู่แดนสำเร็จน้อย เช่นนั้นทางด้านแดนกฎของเขา ก็สามารถเทียบชั้นได้กับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั่วไปได้ ถึงแม้พลังรบทั้งหมดจะยังไม่สามารถเทียบเคียงกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างแท้จริง แต่สามารถป้องกันตัวเองได้ นั่นก็มากเพียงพอแล้ว
ดังนั้นหลัวซิวจึงวางเป้าหมายเอาไว้ที่แดนกฎดั้งเดิมของหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาจำเป็นต้องค้นหาโอกาสเพื่อบรรลุแดนกฎ
แต่หากจะไปฝึกตนแดนกฎดั้งเดิม จำเป็นต้องใช้แต้มห้วงกระบี่ วิธีการรวบรวมแต้มห้วงกระบี่ นั่นก็คือการเข่นฆ่าที่แท่นประลอง
“ไม่ว่าการท้าประลองใด ๆ ข้าก็จะรับให้หมด!”
หลัวซิวเดินขึ้นไปบนแท่นประลอง สายตาเย็นชาจ้องมองไปยังคู่ต่อสู้ของตน คนผู้นี้มีผลการฝึกตนเจ้ายุทธจักรขั้นสาม เป็นคนของค่ายสว่าง ที่ตัวน่าจะมีแต้มคุณความดีอยู่ไม่น้อย
แต้มคุณความดีกับแต้มห้วงกระบี่ทั้งสองอย่างนี้ ยิ่งได้รับเท่าไร ประโยชน์ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแค่สามารถนำมาแลกเวลาฝึกตนในแดนกฎดั้งเดิม ยังสามารถแลกสมบัติวิเศษที่มีมูลค่ามากมายหลายชนิดจากสองตำหนักเทวใหญ่กลางเมืองทวยเทพได้อีกด้วย
“ไม่จำเป็นต้องให้เทพบุตรเพลิงอัคคีลงมือ ข้าริชชี่จะฆ่าเจ้าเอง!”
ในมือของริชชี่ปรากฏกระบี่ยุทธ์ขึ้นหนึ่งเล่ม กระบี่ของเขาราวกับเขามังกร แฝงไปด้วยออร่าของกฎเพลิงอัคคีพุ่งตรงเข้าสู่กลางอกของหลัวซิว