มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 870
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 870
พลังของดาบนี้ไม่อาจคาดเดาได้ แต่หลัวซิวกลับไม่ได้หวั่นเกรง ฝ่ามือกางออก ร่างยุทธ์ร่างเนื้อหลอมรวมด้วยพลังแห่งกฎความตาย ฝ่ามือกับกระบี่ยุทธ์ปะทะเข่าด้วยกัน
“ปุบ!”
ร่างของริชชี่สั่นไหว เลือดสดกระอักออกจากปาก ร่างทั้งร่างร่วงหล่นลงมาจากบนแท่นประลอง หน้าคว่ำลงกับพื้น
ถึงแม่ว่าจะไม่ได้ฆ่าคู่ต่อสู่ แต่ตามข้อบังคับของแท่นประลอง เมื่อตกจากแท่นประลองก็นับว่าแพ้แล้ว ดังนั้นตราประทับสีดำของหลัวซิวจึงได้แต้มห้วงกระบี่เพิ่มขึ้นอีกหลายร้อย
“ร่างยุทธ์ร่างเนื้อแข็งแกร่งมาก!”
“ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของยอร์คไม่ถือว่าแกร่งมาก อย่างมากก็คือแดนเจ้ายุทธจักรช่วงกลาง แต่เขาเชี่ยวชาญสัมผัสรู้กฎความตายระดับสูง ด้วยการสนับสนุนของพลังของกฎความตาย จึงได้มีอำนาจที่มหาศาลเช่นนี้”
“เจ้ายอร์คคนนี้ต้องเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นมากเป็นแน่ เพิ่งจะถึงแดนมหายุทธ์ แดนกฎก็เทียบเท่ากับ เจ้ายุทธจักรช่วงปลายแล้ว ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาฝึกตนด้วยกฎความตายระดับสูง”
“เฮอะ ยอร์คถึงแม้จะเก่งกาจ แต่ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเทพบุตรเพลิงอัคคีได้”
ทุก ๆ คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ถูกผู้คนล้อมรอบเอาไว้ตรงกลางอย่างเทพบุตรแลร์รี่ยืนขึ้นมา
สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังหลัวซิวที่ยืนอยู่กลางแท่น พูดขึ้นเบา ๆ “เจ้าใช้ได้เลย มีคุณสมบัติเพียงพอให้ข้าออกมือ”
เทพบุตรเพลิงอัคคีแลร์รี่ ประสบการณ์ในการเติบโตของเขาต่างก็ราบรื่นสมใจปรารถนาทุกอย่าง เป็นพระจันทร์ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยดวงดาว เวลาที่พูดสิ่งใดย่อมต้องมีน้ำเสียงและคำพูดที่เต็มไปด้วยความทะนงตัว
“หยุดพูดไร้สาระ จะประลองก็ขึ้นมา” หลัวซิวพูดเสียงเย็น
“เจ้าหนูช่างยโสนัก!” แลร์รี่เผยสีหน้าโมโห “ทำให้ข้าโมโห ไม่ได้มีผลดีต่อเจ้าเลย”
“ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าไปเอาความทะนงตัวเช่นนี้มากจากที่ใด” หลัวซิวเกลียดที่สุดคือพวกที่ชอบทำตัวเหนือคนอื่น ในขณะที่แลร์รี่เดินขึ้นมาบนแท่นประลอง เขาขี้เกียจแม้แต่จะพูดต่ออีกสักประโยค จึงได้ลงมือโดยทันที
เพลิงมรณะพันรอบตัว หลัวซิวสาวเท้าเดินเข้าไป ก้าวเดินช้า ๆ ทว่ามั่นคง รอบตัวปะทุไปด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งราวกับภูผา
“อาณาจักรแห่งกฎ!” แลร์รี่ตะโกนเสียงดัง เพลิงอัคคีบนร่างลุกโชนปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ลุกท่วมไปทั่วทั้งแท่นประลอง
“ซึซึซึ……”
เพลิงอัคคีสีดำและสีแดงเข้มพันเข้าด้วยกันอยู่บนแท่นประลอง ทั้งสองคนยังไม่ได้เผชิญหน้ากันโดยตรง แต่อาณาจักรแห่งกฎของทั้งสองก็พุ่งชนเข้าหากันแล้ว
หลัวซิวยังไม่ได้เปิดเผยพลังการต่อสู้ทั้งหมดของเขา เขาไม่ได้ต้องการจะเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนมากเกินไป ถึงอย่างไรหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดนั้น ก็ยังคงมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์อยู่อีกไม่น้อย
เขาจงใจควบคุมแดนกฎของตนเอง สำแดงออกมาแค่เพียงพลังที่เท่าเทียมกับแลร์รี่เท่านั้น
“หืม? สามารถมีอาณาจักรแห่งกฎที่เท่ากับข้าได้ ดูแล้วเจ้าไม่ธรรมดาจริง ๆ ไม่รู้ว่าเจ้าจะสามารถทำให้ข้าต้องใช้พลังสักมากน้อยเพียงใด?”
เส้นผมสีแดงเพลิงของแลร์รี่ปลิวไสว ราวกับสิงโตเพลิง ในมือกำหอกรบ เพลิงอัคคีที่ขยายเต็มท้องฟ้าราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ ครอบลงมาทางหลัวซิว
หลัวซิวเอื้อมมืออกไป กระบี่ยุทธ์เล่มหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นในมือ ยังคงไม่ได้เรียกใช้อาวุธสังหารชั้นยอดอย่างหอกรบมังกรนิลเช่นเดิม
หมื่นจักรวาลไร้รูป!
กระบี่ถูกฟาดฟันออกไป แฝงไปด้วยออร่าลึกลับของหมื่นจักรวาลไร้รูปที่เขาสำแดงออกมา พลังกระบี่อัคคีดำทรงพลังไม่อาจต้านทานได้ ฉีกทำลายเพลิงอัคคีที่ถูกสานขึ้นมาเป็นตาข่ายในทันที อีกทั้งพลังกระบี่ยังคงรุนแรงไม่ลดละ พุ่งตรงไปยังแลร์รี่
“ปัง!”
แลร์รี่ยิงปืนออกมาหนึ่งนัด พลังกระบี่อัคคีดำถูกเขาทำลายจนแตกสลาย เกิดเป็นเสียงดังสนั่นบาดแก้วหู
“ตึงตึงตึง……”
ร่างของแลร์รี่ก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว สีหน้าเผยถึงความตกใจและประหลาดใจ เพราะพลังกระบี่เมื่อครู่ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่พลังอำนาจนั้นแข็งแกร่งถึงขีดสุด ทำให้สองมือของเขาที่กำปืนเอาไว้นั้นชาไปหมด เลือดปราณภายในร่างกายปั่นป่วน
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะคาดเดาได้ การโจมตีแบบส่ง ๆ ที่หลัวซิวสำแดงออกมาแม้จะดูธรรมดา แต่กลับแฝงไปด้วยความลึกลับของหมื่นจักรวาลไร้รูป