มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 930
“ปัง!”
เงาแส้สีทองฟาดลงบนตำหนักจื่อเซียว ตำหนักจื่อเซียวตั้งตะหง่านไม่สั่นไหว ส่วนเงาแส้สีทองนั้นกลับแตกสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ต้านไว้ได้หรือ?”
บรรดาเจ้ายุทธจักรเขาชะตาเทพตกใจหน้าถอดสี แส้มังกรฟ้าสยบเทพมีไว้เพื่อโจมตีวิญญาณตัวสำนึกโดยเฉพาะ นอกเสียจากผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนของแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ไม่เช่นนั้นต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
“ในตัวหยั่งรู้ของเขามีสมบัติป้องกันโจมตีวิญญาณ!” เจ้ายุทธจักรแห่งเขาชะตาเทพคนหนึ่งตระโกนด้วยความตกใจ
เห็นเพียงร่างของหลัวซิวหายไปอีกครั้ง เจ้ายุทธจักรหลายคนจากเขาชะตาเทพราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ รีบขับเคลื่อนพลังอำนาจของแส้มังกรฟ้าสยบเทพให้ขึ้นสู่จุดสูงสุด
“ปัง!”
หอกยุทธ์มังกรดำระเบิดออกมา หอกรบเปลี่ยนร่างเป็นมังกรนิล อ้าปากกัดแส้มังกรฟ้าสยบเทพ ที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรทอง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนสักเพียงใด ก็ถูกกดเอาไว้อย่างแน่หนา
ชั่วขณะหนึ่ง บรรดาเจ้ายุทธจักรจากเขาชะตาเทพและแดนศักดิ์สิทธิ์กระบี้ล้ำต่างพากันหน้าซีดเผือด
“เฮอะ เป็นเพียงแค่สมบัติวิเศษชั้นล่างยังกล้ามาต่อต้านข้ารึ?”
หงเทียนหัวเราะเย้ยหยัน ไม่นานก็สามารถควบคุมจิตภัณฑ์ของแส้มังกรฟ้าสยบเทพเอาไว้ได้ มังกรทองตัวหนึ่งก็ถูกเขากักขังเอาไว้
“ทุกท่าน ขอบใจมากที่มอบสมบัติวิเศษทั้งสองนี้ให้ข้า”
หลัวซิวยิ้มบาง ๆ สายตานั้นกวาดมองไปยังเจ้ายุทธจักรอีกเก้าคนที่เหลือ
ในชั่วพริบตา เจ้ายุทธจักรแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสองที่แต่เดิมยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมต่างก็พากันนิ่งเงียบไป พวกเขาคิดว่าอาศัยสมบัติวิเศษที่ได้รับมาจากผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ต่อให้ผลการฝึกตนของหลัวซิวจะเพิ่มขึ้นถึงแดนเจ้ายุทธจักรก็ยังสามารถเอาชนะเขาได้
แต่พวกเขาไม่คิดไม่ฝันว่า พลังของหลัวซิวจะเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ กระทั่งสามารถยึดสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นไปได้ต่อหน้าต่อตา เป็นข้อได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ในการบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง ลังนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ตอนนี้พวกท่านก็พูดให้ข้าฟังเสียหน่อย ช่วงหลายปีมานี้ที่ข้าไม่อยู่ โลกแสงดาวเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง” หลัวซิวยิ้มออกมาบาง ๆ เก็บสมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นไปโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย จากนั้นจึงได้เอ่ยปากถาม
“ขอเตือนทุกท่านว่าทางที่ดีอย่าได้คิดแผนการว่าจะหนีไป ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าฆ่าคนอย่างไรความปราณี”
เมื่อรับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของหลัวซิว เจ้ายุทธจักรเก้าคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสองต่างเผยสีหน้าตื่นตะหนก พวกเขารู้ดีว่า แดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ร่วมมือกันตามฆ่าหลัวซิว ทั้งสองฝ่ายราวกับว่าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
“หากว่าพวกเราบอกเจ้า เจ้าจะไว้ชีวิตพวกเราสักครั้งอย่างนั้นหรือ?” เจ้ายุทธจักรแห่งเขาชะตาเทพคนหนึ่งเอ่ยถาม
เจ้ายุทธจักรอย่างพวกเขานั้น ต่างก็ฝึกตนนับร้อยนับพันปีจึงจะได้ผลลัพธ์ดั่งเช่นทุกวันนี้ ไม่ว่าใครก็ย่อมไม่อยากตายไปอย่างสูญเปล่า
“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อรองเงื่อนไขกับข้า!”
หลัวซิวลงมืออย่างเยือกเย็น จักรพรรดิอัคคีนภาแดงถูกปล่อยออกไป ตกลงบนตัวของเจ้ายุทธจักรคนนั้นที่เอ่ยปากพูด อีกฝ่ายทำได้เพียงกรีดร้องโหยหวนออกมา จากนั้นก็เปลวเพลิงแผดเผาจนไร้ร่องรอย
ฉากนี้ทำให้เจ้ายุทธจักรคนอื่น ๆ อีกแปดคนถึงกับไม่อยากจะเชื่อสายตา ในใจต่างก็หวาดกลัวถึงขีดสุด พลังของหลัวซิวมันได้แข็งแกร่งถึงแดนที่เขาไม่สามารถจะคาดเดาได้ ฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรโดยไม่แม้แต่จะต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย
เจ้ายุทธจักรอีกแปดคนที่เหลือล้วนแต่ไม่กล้าที่จะต่อความยาวสาวความยืดอีก ต่างพูดเรื่องที่ตนรู้ทั้งหมดออกมาทีละคน
เวลาราว ๆ เก้าปีนั้นไม่ถือว่านาน แต่กลับมากพอที่จะทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายขึ้นได้
ตั้งแต่เกราะเทพเวหากาลปรากฏขึ้น หลังจากม้วนหยกสีทองถูกเขาแย่งไป ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์มารและเผ่าพันธุ์ปีศาจก็เริ่มขัดแย้งต่อกันอย่างต่อเนื่อง
เกราะเทพเวหากาลเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่ได้รับมาจากมหาโลกาพันสามด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องตายไป แต่กองกำลังใหญ่ที่เขาเคยขัดแข้งขัดขาเอาไว้นั้นกลับกัดไม่ปล่อย สั่งการให้เผ่าพันธุ์ปีศาจลงมาเยือนโลกแสงดาว ค้นหาเบาะแสของสมบัติชิ้นนั้น
ด้วยเหตุนี้เรื่องสงครามพ้นพิบัติในอดีตกาลจึงได้เกิดขึ้นมา เผ่าพันธุ์ปีศาจต้องการที่จะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มาร เพื่อที่จะครอบครองโลกนี้ จะได้สะดวกต่อการค้นหาเบาะแสของสมบัติ
นอกจากกองกำลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเผ่าพันธุ์ปีศาจ ดูเหมือนว่าจะมีกองกำลังใหญ่อีกกองหนึ่งเข้าร่วมอยู่ในนี้ด้วย ตั้งแต่พิภพกลางโลกเสวียนเทียนส่งผู้แข็งแกร่งลงมา สร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ต้านการรุกรานของเผ่าพันธุ์ปีศาจ