มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 936
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่” หลงหมิงก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
ในตอนนั้นที่เขาเลือกแยกทางกับหลัวซิว นั่นก็เพราะว่าเขารู้ดีว่าหากต้องการฟื้นฟูผลการฝึกตนของตนให้กลับสู่ขั้นสูงอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่ทางเดียวคืออาศัยมรดกและทรัพยากรต่าง ๆ ของเผ่าพันธุ์มาร
ความจริงก็เป็นไปตามที่เขาคิด หลังจากกลับมาที่เผ่าพันธุ์มาร ด้วยสถานะผู้แข็งแกร่งโบราณกาลย่อมได้รับความสนใจอย่างล้นเหลือ ใช้เวลาแค่เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ก็สามารถฟื้นฟูกลับไปมีผลการฝึกตนของแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้
สมัยโบราณ ผลการฝึกตนของเขาคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ชั้นสาม ในวันนี้ฟื้นฟูกลับมาถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสอง ใช้เวลาอีกเพียงไม่นานก็จะสามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีความหวังที่จะได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น บรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลาง
แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ หลัวซิวยังมีชื่อเสียงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่กลายเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างพากันจับตามอง ต่อมายังได้ดึงดูดให้ทั้งสามเผ่าพันธุ์มารวมตัวกัน ส่งผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนตามล่าเขา
สำหรับหลัวซิว จิตใจของหลงหมิงค่อนข้างซับซ้อน จากระแวดระวังกันในตอนแรก ก็ค่อย ๆ วางใจกันในภายหลัง
เพียงแค่เวลาที่ทั้งสองเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันยังไม่บังเกิดเต็มที่ หลงหมิงก็เลือกที่จะจากไปเสียก่อน
เป็นเวลาสิบปีแล้วที่เขาจากไป ไม่มีการติดต่อใด ๆ ต่อกัน เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มารถือเป็นสองค่ายใหญ่ที่แตกต่างกัน
“หลัวซิว เห็นแก่ความสัมพันธุ์อันดีของเราในคราก่อน มอบม้วนหยกนั้นที่เจ้าได้รับมาให้ข้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าจากไป” หลงหมิงนิ่งไปชั่วครู่จากนั้นก็พูดเสียงขรึม
“เฮอะ ๆ เจ้าก็อยากได้ม้วนหยกนั่น ต้องการเป็นศัตรูกับข้าเพราะเหตุนี้?” หลัวซิวรี่ตาลง
“ม้วนหยกนั่นสำคัญมาก” หลงหมิงพูดเสียงเรียบ “ถึงแม้ระหว่างพวกเราจะมีสายสัมพันธ์กันอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงภาพใหญ่ของเผ่าพันธุ์มาร ในเมื่อข้าได้พบกับเจ้าแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องให้เจ้าเอาม้วนหยกนั้นทิ้งไว้ที่นี่ให้ได้”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในม้วนหยกนั้นบันทึกสิ่งใดไว้?” หลัวซิวไม่ได้สนใจ พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าฟัง ถ้าหากข้ามอบม้วนหยกให้กับเจ้า ด้วยเหตุนี้พวกเจ้าเผ่าพันธุ์มารก็จะต้องตายไปในไม่ช้า เจ้าเชื่อหรือไม่?”
“หึ อย่ามาสร้างเรื่อง! ในเมื่อเจ้าไม่ยินยอมมอบของมาดี ๆ เช่นนั้นก็คงต้องลงมือเท่านั้นแล้ว!”
เสียงตะโกนเยือกเย็นดังขึ้น คนพูดนั้นไม่ใช่หลงหมิง แต่เป็นผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเขา
ผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารผู้นี้หัวล้านไม่มีผมสักเส้น แต่เคราขาวนั้นกลับยาวมาก เกือบลงไปถึงเข่าอยู่แล้ว
หลงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็รู้สึกว่าหลัวซิวกำลังขู่ให้กลัวเท่านั้น เผ่าพันธุ์มารสามารถดำรงอยู่มาถึงทุกวันนี้นับหมื่นนับพันปี เหตุใดจึงจะล่มสลายไปได้เพียงเพราะม้วนหยกหนึ่งม้วนเท่านั้น?
เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพราะกำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องต่อสู้กับหลัวซิว อีกทั้งยังให้เขาส่งมอบม้วนหยกออกมา
ในเวลานี้ ผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารที่ตะโกนออกมาก่อนหน้านี้กลับลงมือโดยทันที เห็นเพียงแค่เขาก้าวเท้าก้าวใหญ่ข้ามไป จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลัวซิว มีดโค้งปรากฏขึ้นในมือของเขา พุ่งตรงมายังลำคอของหลัวซิว
สายตาของหลัวซิวฉายแววเย็นชา แม้แต่นักยุทธ์เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้ ยกมือขึ้นชี้ออกไป พลังกระบี่อัคคีดำก็พุ่งออกไปทันที
“ชิ้ง!”
มีดโค้งในมือผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารถูกพลังกระบี่กระแทกจนลอยกระเด็นออกไป จากนั้นพลังกระบี่ก็เจาะการป้องกันทั้งหมดของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย เสียงดังปุ แทงทะลุร่างของผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารผู้นี้จนเป็นรูกว้าง
พลังกระบี่นี้ดูเหมือนธรรมดา เพียงแค่โจมตีร่างเนื้อของผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารให้ได้รับบาดเจ็บ แต่ในความเป็นจริงแล้วในวินาทีที่แทงทะลุผ่านไปนั้น ได้แผดเผาเทพจิตตัวหยั่งรู้ของผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารผู้นี้จนมอดไปแล้ว
ร่างของผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารตกลงมาจากกลางอากาศ ฉากนี้ทำให้ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มารคนอื่น ๆ จำนวนมากต่างก็อ้าปากตาค้าง
ที่ต้องรู้คือผู้เฒ่าเผ่าพันธุ์มารผู้นี้ที่ลงมือต่อสู้คือผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรอสูรมาร อีกทั้งยังไม่ใช่เจ้ายุทธจักรอสูรมารทั่วไป แต่เป็นเจ้ายุทธจักรอสูรมารช่วงปลาย