มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] - ตอนที่ 2.2 ขุมนรกแห่งสัจธรรม (2)
การเดินทางของพวกเราผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะมาถึงหน้าโครงการบ้านเดี่ยวอันสงบสุข และมีพวกบาโฟเมตเดินอยู่ไม่เยอะนักเมื่อเทียบกับถนนเส้นที่ผ่านมา
สามคนด้านหลังแสดงอาการเหนื่อยล้าอย่างชัดเจนเมื่อฉันชะลอรถมองกระจกหลัง
ทักษะพิเศษก็คงมีค่าพลังในการใช้งานแหละนะ เหมือนกับเกมทั่วไป… แต่หน้าต่างสถานะดันไม่แสดงอะไรพวกนั้นให้เห็นเนี่ยสิ
“ไหวหรือเปล่า จะถึงแล้วนะ” ฉันลองเปิดกระจกพูดในขณะที่ยังไม่เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน
“พอได้อยู่” เด็กหนุ่มเสียงคุ้นหูว่า “รีบไปหาที่พักเถอะ”
อ๋อ… เจ้าคนที่แนะนำให้หนีจากที่ว่าการตอนแรกนี่เอง
ฉันเห็นเพื่อนร่วมทางตกลงแล้วจึงหมุนล้อมุ่งเข้าไปข้างในอย่างไม่รีบร้อนนัก
ใจจริงก็อยากช่วยใช้พลังอะไรสักอย่างอยู่หรอก แต่ขอโทษด้วยแล้วกันที่ทักษะพิเศษของฉันเรียกใช้ตอนนี้ไม่ได้และดูจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย เพราะงั้นก็… พยายามกันต่อไปนะ
พวกเขาใช้พลังไฟและน้ำจัดการบาโฟเมตให้นิ่งสนิท
ท้ายที่สุดฉันก็เอารถกระบะเข้าจอดในบ้านได้อย่างสงบ
เพื่อนร่วมทางสามชีวิตตามฉันซึ่งเปิดกุญแจเข้าบ้านมาโดยไม่รอคำเชิญเลยสักนิด
“รบกวนด้วยค่ะ” สาวแว่นกลมเป็นคนเดียวที่ดูจะมีมารยาทอยู่บ้าง
“ช่วยกันล็อกประตู ปิดหน้าต่าง แล้วก็บังม่านทึบก่อน ค่อยคุยกัน” ฉันถอนหายใจพลางนั่งไขว่ห้างที่โซฟากลางบ้าน
“ข… เข้าใจแล้ว” พวกผู้ชายรับคำอย่างตะกุกตะกักตอนเห็นหน้าฉันเต็มตาแล้วค่อยเริ่มสำรวจส่วนอื่น
ไม่นานทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางและเริ่มสัมผัสคำว่า ปลอดภัย เสียที
“บ้านหลังนี้มีสองห้องนอน แบ่งผู้ชายกับผู้หญิงไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้จะมาวางแผนกันอีกรอบ” ฉันเห็นเด็กในวัยเดียวกันดูหน้าซีดเซียวเพราะใช้พลังมากเกินไป และคิดว่าไม่เหมาะจะพูดคุยนัก “อนุญาตให้พักผ่อนได้แต่ห้ามขโมยของ ไม่งั้นพวกนายจะเสียใจมากที่เป็นศัตรูกับฉัน”
แม้ไม่มีพลังอะไรจะสู้ได้แต่ฉันก็ขู่ไว้ก่อน เพราะไม่มีใครรู้ความจริงในขณะที่ฉันดูความสามารถของพวกนี้ไปแล้ว
โชคดีที่ทั้งสามยอมว่าง่าย พร้อมคล้อยตามความคิดของฉันจึงพากันปิดไฟด้านล่างและขึ้นชั้นสองแยกห้องไปตามการจัดแจง
สาวแว่นตัวเล็กมาอยู่ห้องฝั่งผู้หญิง และเพราะความขี้เกรงใจจึงนั่งเกร็งเหมือนหุ่นยนต์
“ฉันชื่อนิล” เพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดตลอดคืน การเริ่มแนะนำตัวจึงเป็นเรื่องดีที่จะลดความระมัดระวังของอีกฝ่ายลงบ้าง “เธอล่ะ มีพลังอะไรงั้นเหรอ”
ตลอดการเดินทาง มีแค่เด็กหนุ่มสองคนนั้นที่ใช้ทักษะไฟและน้ำ ฉันเลยไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้ามีพลังอะไร
“เราชื่อฟ่าง พลังคือช่องเก็บของน่ะ”
“หืม…” ฉันลากเสียงยาว สอดสายตามองหน้าอกเหมือนถูกดึงดูด
โอ้ว้าว ใหญ่เบิ้ม… ไม่ได้สิ หยุดคิดเดี๋ยวนี้
“ตอนอยู่ที่ว่าการอำเภอก็ลองใช้ทักษะดูแล้วล่ะ แบบนี้น่ะ” ฟ่างกางมือออกก่อนจะปรากฏช่องว่างสีน้ำเงิน มันคล้ายจะควบคุมได้ในระยะใกล้ตัวจึงขยับไปกลืนกินเครื่องเขียนบนโต๊ะให้หายไปทั้งกล่อง “อ๊ะ เราไม่ได้จะขโมยนะ! เอ่อ… คือ ของพวกนี้จะมาอยู่ในหน้าต่างสถานะของเรา แล้วก็เลือกเอาออกมาได้ด้วย”
พอช่องว่างสีน้ำเงินปรากฏขึ้นอีกครั้งก็คายกล่องเครื่องเขียนออกมา… เป็นความสามารถที่สะดวกสบายชะมัด เห็นแล้วก็รู้สึกว่าอยากได้ทักษะพิเศษแบบนี้บ้างจัง
เจ้าระบบเฮงซวย ไม่ยุติธรรม
“ขอบคุณที่บอกนะ ทำตัวตามสบายเถอะ” เจ้าของบ้านอย่างฉันไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรตอบกลับไป
ฉันเข้าห้องน้ำมาทำความสะอาดตัวพลางขบคิดหลายอย่าง
พลังเหนือธรรมชาติของผู้เล่นในโลกใหม่งั้นเหรอ…
สายรัดข้อมือสีดำไม่สามารถถอดออกได้หลังจากสวมไปแล้ว… พอเรียกดูแถบสถานะก็เห็นตัวเลขนับถอยหลังก่อนจะถึงการเทเลพอร์ตสู่ปราการลอยฟ้า ส่วนทางซ้ายเป็นหน้าต่างรายละเอียดของตัวฉันเอง
ในเมื่อโลกเป็นแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วฉันคงต้องใช้ทักษะพิเศษอยู่ดี
…แถบข้อมูลเขียนความสามารถของฉันไว้ว่า การแยกร่าง
ตอนที่เห็นชื่อทักษะพิเศษของตัวเอง ฉันรู้สึกแขยงนิดหน่อย แอบกลัวว่าจะเหมือนพวกนิทานเก่าๆ ที่มีร่างปลอมมาฆ่าร่างจริงเพื่อแทนตำแหน่งเดิมอะไรแบบนั้น
มันน่าขนลุกอยู่เหมือนกันนะ การแยกร่างน่ะ
แต่พอต้องแข่งกับเวลาและสัตว์ประหลาดหัวแพะ ฉันก็ควรรู้จักตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด
เพราะอย่างนั้นเลยปิดฝักบัวและก้าวมาหยุดหน้าอ่างล้างมือ
ลองใช้หลักการเดียวกับการสร้างไฟของคนอื่นด้วยการจินตนาการตัวเองขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
มันง่ายขึ้นเมื่อมองหน้ากระจกไปด้วย
ใบหน้าเรียว ผิวขาวซีด ผมดำยาวประบ่า ดวงตาสีน้ำตาล ร่างเปลือยเปล่า แล้วก็สายรัดข้อมือ…
“นี่…” เสียงคุ้นหูชวนให้ฉันสะดุ้งเมื่อข้างหลังปรากฏตัวฉันอีกคนขึ้นมาจริงๆ
“เธอ…” ฉันเม้มริมฝีปากและมองอีกฝ่าย
ดวงตาของพวกเราสบมองกัน ภายในมีความหวาดกลัวปะปนอยู่เหมือนกัน แต่จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นมือออกมาประสานเข้าหากัน
นี่คือฉันจริงๆ… ความรู้สึกเมื่อสัมผัสบอกเช่นนั้น
พวกเรากลัวในตัวตนของอีกฝั่ง ไม่ว่าจะตัวจริง หรือตัวปลอม
เพียงมองก็เข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไรอยู่ ไม่สิ… ความคิดเราเชื่อมกันต่างหาก จึงไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด
ฉันบอกให้ตัวฉันอีกคนหนึ่งลูบดูหน้าต่างสถานะว่าจะปรากฏหน้าต่างเหมือนกันไหม ซึ่ง… มันปรากฏขึ้น อีกทั้งฉันยังเห็นได้ด้วย
เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจเท่าไรนัก
ทั้งที่สายรัดข้อมืออันนั้นฉันจินตนาการสร้างขึ้นมา ทว่าก็สามารถใช้งานได้และนับรวมฉันเป็นคนเดียวกับเจ้าของ
สิ่งที่ต้องยืนยันอีกอย่างคือทักษะพิเศษของร่างแยก แต่มันกลับไม่ใช่การแยกร่าง หากเป็นการสร้างไฟ…
พวกเรามองหน้ากันแล้วขมวดคิ้ว
จากนั้นร่างแยกของฉันก็ลองจินตนาการไฟขึ้นมาเป็นรูปร่าง และเสกเปลวเพลิงได้จริงๆ
หมายความว่ายังไงกัน ร่างแยกของฉันสามารถใช้พลังอย่างอื่นได้?
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดความคิด “นิล เป็นอะไรรึเปล่า…”
ทั้งฉันและร่างแยกสะดุ้งพร้อมกัน ฉันต้องซ่อนอีกคนหนึ่งเพราะไม่อยากเปิดเผยความสามารถ แล้วอีกฝั่งก็รู้ด้วยว่าตัวเองต้องรีบซ่อน… เหมือนจะมีสำนึกรับรู้ว่าตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากทักษะพิเศษ
แต่เดี๋ยวสิ ถ้าร่างแยกของฉันเกิดขึ้นจากจินตนาการ ถ้าฉันจินตนาการให้หายไป…
เพียงคิดเท่านั้น ตัวฉันอีกคนก็เหมือนไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก
อะไรกันเนี่ย
“นิล…” ฟ่างเคาะประตูอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ไม่มีเวลามาดูข้อมูล ฉันรีบเปิดบานพับและส่งยิ้มบางให้คนถาม “ไม่มีอะไร ฉันเข้าห้องน้ำนานเป็นปกติน่ะ”
“ว้าย!” เด็กสาวก้าวถอยหลังและลื่นล้มลง “เสื้อผ้า… ผ้าคลุม… เอาเป็นว่ากลับเข้าไปก่อนนะ!”
…ลืมไปเลยว่าโป๊อยู่ ให้ตายสิ
เมื่อปิดประตูกลับมาอีกทีก็เข้าสู่ความสงบ แต่ในหัวฉันตอนนี้น่ะอยากพิสูจน์สมมติฐานเต็มไปหมด
ร่างแยกของฉันสามารถเรียกออกมาได้ด้วยจินตนาการและสลายไปได้ด้วยจินตนาการ แถมยังมีทักษะพิเศษอื่นแทนการแยกร่างอีก แต่เรียกออกมาแล้วจะใช้ทักษะสร้างไฟได้ตลอดเลยหรือเปล่า หรือจะสุ่มทักษะแต่ละครั้ง หรือเรียกมากกว่าหนึ่งคนได้ไหม แล้วถ้าร่างแยกเป็นอะไรขึ้นมาจะมีผลอย่างไรบ้าง…
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว แต่จินตนาการร่างแยกใหม่อีกหลายหนก็ไม่มีอะไรออกมา
อย่าบอกนะว่าใช้ได้ครั้งเดียวน่ะ แบบนี้ก็เป็นทักษะพิเศษที่โคตรกระจอกเลยน่ะสิ! แถมยังเสียเปล่าไปแล้วด้วย!?
ฉันสังเกตหน้าต่างสถานะอีกครั้งและพบว่ามีบรรทัดห้อยท้ายทักษะแยกร่างอยู่ เป็นวงเล็บซึ่งเขียนว่า ร่างไร้นาม
“ร่างไร้นาม…” ฉันทวนคำพูดก่อนที่ร่างแยกจะออกมาจากข้างหลัง
ทักษะแบบนี้มันมีอยู่ในเกมปกติด้วยหรือไง? ชื่อว่าร่างไร้นามนี่มันไร้รสนิยมเป็นบ้า!
…อย่างไรก็ตาม ความสามารถของฉันดูจะเป็นแบบเก็บบุคลิกไว้เรียกใช้แหละนะ เพราะดูหน้าต่างสถานะแล้วยังเป็นการสร้างไฟ คงจะเป็นคนเดิมที่ต้องตั้งชื่อเพื่อเรียกใช้
ถึงจะน่าข้องใจสุดๆ ไปเลยก็เถอะว่าไอ้ระบบเฮงซวยในวันสิ้นโลกแบบนี้มันมีเงื่อนไขยังไงกันแน่ แต่คิดไปก็ไร้คำตอบ
ร่างแยกของฉันสร้างไฟสีแดงได้ ชื่อเรดไปแล้วกัน แบบขบวนการเรนเจอร์น่ะ!
ฉันคิดเล่นๆ แบบนั้น แต่หน้าต่างสถานะดันเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติว่าร่างแยกที่ถูกบันทึกไว้ชื่อเรด
น่าสงสัยว่าถ้าสร้างแล้วบันทึกบุคลิกได้แบบนี้จะสามารถลบบุคลิกแล้วสร้างขึ้นมาทับได้หรือเปล่า… แต่ความคิดนั้นก็ต้องสลัดหลุดไปเมื่อรู้สึกเหมือนตัวฉันอีกคนหนึ่งกำลังโกรธและเศร้าสุดๆ
เวร ประสาทความคิดและความรู้สึกของฉันเชื่อมกับร่างแยก
พวกเรานิ่งเงียบกันอยู่พักหนึ่งก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันเก็บเรดเข้ามาในร่างและก้าวออกจากห้องน้ำด้วยการคลุมผ้าเช็ดตัวสีขาว
“ฉันจะลงไปข้างล่างสักพักนะ ใช้ห้องน้ำต่อได้เลย” พอพูดแบบนั้นกับสาวแว่นเสร็จแล้วก็เปิดประตูไปชั้นหนึ่งโดยไม่หันกลับมามอง
พวกผู้ชายยังคงอยู่ในห้องนอนทำให้มีโอกาสเคลื่อนไหวหาข้อมูลในบ้านโดยไม่มีใครเข้ามารบกวน และเพราะได้หลับตอนอยู่ที่ว่าการอำเภอและไม่ได้ใช้พลังต่อสู้เลยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไรนัก
จุดประสงค์หลักในการกลับบ้านถูกลำดับความสำคัญมาอีกครั้ง ฉันไปที่ห้องเก็บของและเรียกเรดมาคุ้ยหาแผ่นซีดีเก่าจนผ้าเช็ดตัวสีขาวเปรอะฝุ่น ส่วนเรดที่ถูกบันทึกค่าล่อนจ้อนไว้นั้นก็มีหยากไย่เกาะตามตัว
กว่าจะหาของกันเจอกินเวลาไปเกือบชั่วโมง ยิ่งเปิดคอมพิวเตอร์ตรงห้องนั่งเล่นและต่อสายเข้าเครื่องอ่านแผ่นซีดีที่เกือบพังอยู่รอมร่อก็นานจนนับเป็นหนึ่งชั่วโมงเต็มไปเลยแล้วกัน
“นิล…” เสียงเรียกจากชั้นบนทำให้ฉันโบกมือไล่เรดให้ขึ้นไปแทน “ว้าย! เข้าห้องเดี๋ยวนี้เลย!!”
ฟ่างดูจะตกใจที่ตัวฉันเปลือยในบ้านอีกแล้ว… เอาน่า แม่ก็ไม่อยู่ พวกผู้ชายก็ไม่เห็นนี่ ฉันเลิกสนใจเรื่องอื่นและรีบกดเข้าเกมบนหน้าจอ
ระหว่างรอติดตั้งใกล้สมบูรณ์ก็ได้ยินเสียงในหัวจากร่างแยกชั้นบนเข้ามาเป็นพักๆ
ถึงจะไม่ได้เห็นหรือได้ยินสิ่งที่เรดกำลังเจออยู่ แต่ฉันรับรู้ความคิดทั้งหมดของเรดได้ เหมือนมีตัวเองอีกคนหนึ่งแบบเป็นตัวเป็นตนมานั่งอยู่ในความคิด แล้วอีกคนที่ว่านั่นก็คิดบ่นเรื่องที่ฉันมองไม่เห็นน่ะ
เอาล่ะ จะจำลองให้เห็นภาพนะ
[ฟ่างถามเรื่องทักษะ ควรบอกไปว่าเป็นการสร้างไฟสินะ]
กราฟิกชื่อเกมซึ่งเด้งขึ้นมาให้เห็นมีการออกแบบเหมือนภาพในหน้าต่างระบบทุกประการ
[โอ้ ควบคุมไฟได้แล้ว! สนุกจัง!!]
ตัวเกมมีให้เลือกหลายภาษา ดูจากขนาดไฟล์แล้วก็น่าจะเป็นเกมที่สร้างเสร็จเรียบร้อย แต่ทำไมไม่เป็นที่พูดถึงบนอินเทอร์เน็ตเลยล่ะ
[นมแม่สาวน้อยคนนี้ใหญ่ดีจริงๆ]
เดี๋ยว! ไอ้นั่นน่ะหยุดเดี๋ยวนี้!! คุกคามทางเพศชะมัด! ถึงจะนมใหญ่จริงๆ ก็เถอะ!!
[ใช่ไหมล่ะ นมใหญ่สุดๆ แต่ห้ามใจไว้ก่อน เริ่มจีบทีละนิดดีกว่า]
ช่วงแรกความคิดก็จะตีกันเหมือนคุยคนละเรื่อง แต่อีกส่วนก็สามารถสื่อสารทางความคิดได้ด้วย เหมือนมีเพื่อนคุยอีกคน… เพื่อนคุยที่เป็นตัวเองน่ะนะ
เห็นแบบนี้แต่ฉันก็เป็นพวกความอดทนสูงนิดหน่อย ในหัวจะตีกันมากเท่าไรร่างแยกของฉันก็คงไม่แสดงพิรุธแปลกๆ ออกไปให้ฟ่างเห็น
ฉันตั้งสติกลับมาจดจ่อกับการสรุปข้อมูลเกม เนื้อหาในขุมนรกแห่งสัจธรรมช่วงเริ่มต้นกล่าวถึงโลกมนุษย์ที่จะถูกพิพากษาจากพระเจ้า
ผู้เล่นจะได้รับทักษะแบบสุ่มหนึ่งอย่างเพื่อรอดชีวิตและเคลียร์ด่านให้ถึงชั้นสุดท้าย โดยในปราการลอยฟ้าทั้งห้าชั้นจะมีสัตว์ประหลาดและบอสใหญ่ที่ต้องกำจัดเพื่อก้าวข้ามสู่ชั้นถัดไป รวมถึงมีระบบหาวัสดุแต่ละชนิดที่จะได้จากการฆ่าเพื่อหลอมเป็นอาวุธทรงพลัง
ข้อมูลตรงกับสถานการณ์โลกปัจจุบันแทบทั้งหมด… แต่จู่ๆ หน้าจอก็ดับลง พร้อมกับที่เครื่องเล่นแผ่นซีดีส่งกลิ่นไหม้ออกมา
<ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นเข้าถึง>
หน้าต่างสีดำเด้งข้อความขึ้นมาตรงหน้าในระยะแทบประชิดตัว
อย่างกับจะยืนยันว่าที่แผ่นพังเพราะระบบต้องการปิดบังเนื้อหาในเกมดั้งเดิม
แม้เบาะแสจะหายไป แต่การกลับมาที่บ้านและเปิดเกมนี้ก็สะกิดความทรงจำบางส่วนให้นึกขึ้นมาได้
นั่นสินะ… มันเป็นเรื่องที่ฉันเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
ว่าพ่อของฉันเป็นหนึ่งในผู้สร้างเกมขุมนรกแห่งสัจธรรม ก่อนจะหายไปตลอดกาล