มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] - ตอนที่ 3.2 แย่งชิงทรัพยากร (2)
ปืนยาวกลายเป็นของเกะกะในระยะประชิดพวกเขาเลยวางมันลง ส่วนเรดใช้ความคล่องแคล่วหลบหมัดหนักและเว้นช่วงถอย พอสบโอกาสก็สร้างไฟขึ้นมาโจมตี
การมีพลังพิเศษจากระบบไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก โดยเฉพาะเมื่อเป็นเพียงเลเวลหนึ่ง เรดจึงหวิดถูกเตะไปหลายรอบและหอบเหนื่อยจนเคลื่อนไหวลำบาก
เห็นร่างแยกตัวเองจนมุมแบบนั้นฉันก็ใช่จะอยู่เฉย
ในหนังเขาทำแบบไหนนะ… กดหลังไรเฟิลประทับบ่า แขนซ้ายประคองลำกล้อง มือขวาจับและพักนิ้วไว้… โอเค…
ฉันยื่นหน้าออกจากมุมเล็กน้อย หันอาวุธไปในทิศที่พวกนั้นอยู่ แนบแก้มเข้ากับกระบอกปืนและเหนี่ยวไกเข้าหาตัว
ปัง!
โอ้โห พรสวรรค์ชัดๆ เล็งหัวคนซ้ายแต่เบี่ยงโดนขาคนขวา เฉียดหน้าร่างแยกที่ลงไปกองกับพื้นก่อนหน้านี้เพียงนิดเดียวเท่านั้น
เรดสะดุ้งโหยงแต่ยังคงตั้งสติสร้างไฟไปปะทะกับไฟของอีกคน
[นี่จะฆ่ากันเหรอ!?]
ก็แหม ฉันเคยยิงปืนที่ไหนกันล่ะ? แค่คิดว่ากำลังจะฆ่าคนหัวใจดวงน้อยของฉันก็รู้สึกหวั่นไหวเหมือนกันนะเออ แถมปืนนี่โคตรหนักเลย แรงถีบทำฉันเกือบเซอยู่เหมือนกัน
[ยิงมันเร็วๆ เถอะน่า!]
ฉันลั่นไกอีกครั้งด้วยความสงบมากขึ้น
กระสุนทะลุไหล่ชายร่างผอม ทำให้คนที่ต่อกรกับเรดและสามารถยืนนิ่งอยู่ได้เหลือแต่เจ้าคนหื่นกามผู้ลวนลามฉันไปตอนแรก
เรดใช้จังหวะที่คนคนนั้นมองตามวิถีกระสุนมาทางฉันในการเล็งไฟใส่ศีรษะ ศัตรูทั้งสามจึงอยู่ในสภาพไม่พร้อมสู้
“นิล…” ฟ่างตัวสั่น ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว
“ไม่เป็นไรแล้ว” ฉันเก็บปืนลงและนึกชมตัวเองในใจว่า เยี่ยมยอด!
ยิงสองนัดเข้าเป้าสองรอบ หรือฉันจะเป็นอัจฉริยะด้านปืนกันนะ
[นัดแรกคลาดเป้าหมายไปเป็นเมตรเลยนะ?] เรดขัดคอขึ้นแล้วไล่จัดการพวกชายฉกรรจ์ทีละคนให้ดับคาที่ด้วยการเผาไหม้
ซึ่งหมายถึงตายน่ะ
โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมที่สุด!
[ฉันไม่ตบมุกนะ] ร่างแยกดึงไรเฟิลจู่โจมมาถือไว้พร้อมสายรั้งสะพายคอเพื่อลดภาระในการแบกอาวุธ
…ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า
โลกมันกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว หัวใจฉันเลยเยือกเย็นลงมาด้วย ไม่สิ ตั้งแต่รู้ว่าแม่ตายก็สงบอย่างประหลาดมาสักพักแล้วแหละ
บางทีสภาพตอนนี้อาจจะประหลาดก็ได้… แต่ถ้ามันทำให้มีชีวิตต่อไปก็คงไม่เป็นไร
“จากที่พวกมันพูดเมื่อกี้ หัวหน้าคงอยู่ในอาคารนี่แหละ” ฉันวิเคราะห์เมื่อเรดกลับมาสมทบ “คงแยกทีมเฝ้าประตูแต่ละด้านแล้วก็แบ่งเวรกันพักผ่อน”
ถ้าให้ยึดสถานที่นี้เป็นฐานทรัพยากร ฉันจะเฝ้าระวังแบบนั้นแหละ
เสียงปืนแค่สองสามนัดคงไม่ทำให้พวกนั้นตื่นตกใจ ดังนั้นนี่คือโอกาสในการกวาดของเข้าคลังของฟ่าง
โซนฝั่งประตูหน้ามีร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านเวชภัณฑ์สำหรับผู้หญิง และร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม… ฉันให้เรดช่วยฟ่างเลือกของจำเป็น ส่วนตัวเองเฝ้าประตูซึ่งมองเห็นไกลๆ ว่ามีบาโฟเมตทยอยมาตามเสียงปืน
ก่อนมันจะเข้าใกล้ ฉันเปิดหาคลิปสอนใช้อาวุธในอินเทอร์เน็ตและวางท่าซึ่งน่าจะตั้งหลักได้ดีที่สุด
จากนั้นก็ก้าวออกนอกประตูเลื่อนอัตโนมัติ รอจังหวะ และกราดยิงด้วยไรเฟิลจู่โจม… เสียงจากอาวุธทำฉันแสบหู แรงดีดสะท้อนจากการยิงแต่ละครั้งรู้สึกชาไปทั้งบ่า
ส่วนเดียวที่พอจะทำให้ดีใจได้คือการเลเวลอัปเมื่อจัดการยิงทะลุกะโหลกหัวแพะไปได้สามตัว แต่ค่าประสบการณ์จากเลเวลสองไปสู่เลเวลสามกลับช้ากว่ามาก
กระสุนดีดออกจากลำกล้องราวกับน้ำ และในที่สุดก็หมดแม็กกาซีนทั้งที่เพิ่งฆ่าไปเพียงสาม
เฮ่ย… เดี๋ยวสิๆ มันใส่กระสุนยังไงนะ!?
บาโฟเมตอีกสองตัวที่เหลืออยู่ห่างไปอีกไม่ไกล ฉันระลึกภาพคลิปที่เพิ่งดูก่อนจะปลดล็อกตัวบรรจุกระสุนออกมาทั้งตลับและวิ่งกลับไปคว้าอันใหม่จากศพคนเดิมมาต่อเข้าไรเฟิลจู่โจม
กว่าจะจัดการอีกสองตัวที่เหลือได้แม็กกาซีนใหม่ก็เกือบหมดเช่นกัน ราวจะยืนยันว่าตอนฉันยิงโดนก่อนหน้านี้ก็เพราะโชคช่วย
ฉันรีบกลับเข้ามาในห้างสรรพสินค้าและผ่อนลมหายใจลง
หากมีร่างแยกอีกสักคนน่าจะช่วยทำอะไรๆ ได้มากขึ้น ยิ่งถ้ามีพลังช่องเก็บของแบบฟ่างคงสะดวกไม่น้อย
พอคิดแบบนั้นแล้วก็เลยจินตนาการตัวเองอีกคนออกมา…
ผลของทักษะพิเศษแยกร่างทำให้ผู้ที่ออกมาใหม่มีลักษณะแบบเดียวกับฉันทุกประการ ครั้งนี้เลียนแบบเสื้อผ้าออกมาด้วยราวกับการบันทึกค่าปัจจุบันอย่างไรอย่างนั้น
พอเห็นหน้าจอสถานะของตัวเองวงเล็บว่า ร่างไร้นาม แล้วมันก็ขัดใจจริงๆ นั่นแหละ แต่จะตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ…
พวกเราสบตากัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงเรดแทรกเข้ามาในหัวว่า [มีฉันอีกคนอีกแล้ว!?]
ทั้งฉันและร่างแยกคนใหม่นิ่วหน้าพร้อมกัน ดูเหมือนไอ้การเชื่อมความคิดนี่คล้ายเป็นเครือข่ายเลยทีเดียว คิดหนึ่งคนสามารถเชื่อมต่อรับรู้พร้อมกันได้หมด… แบบนี้สมองฉันจะระเบิดตายก่อนไหมคะ
[ไม่หรอกน่า] เรดส่งกำลังใจ [ว่าแต่คนใหม่มีความสามารถอะไร]
พอถูกทักขึ้นร่างแยกเลยเลื่อนแถบสถานะออกมาทันที
บนหน้าต่างเขียนไว้ว่า ช่องเก็บของ และเลเวลของบลูตอนนี้เป็นเลเวลสอง…
[โอ้ ฉันก็เลเวลสองแล้วเหมือนกัน น่าจะขึ้นไปพร้อมกับร่างต้นแบบนะ] เรดส่งข้อมูลบอก [ปริมาณไฟที่สร้างได้ก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย… อ๊ะ ฟ่างตกใจซะแล้ว]
ทักษะพิเศษของฉันมันโกงชะมัดเลยค่ะ… ถึงจะมีข้อเสียใหญ่ที่ต้องประมวลความคิดของร่างแยกในหัวเพิ่มเข้ามาก็เถอะ
[บางทีที่สร้างแยกร่างเพิ่มได้คงเกี่ยวข้องกับเลเวล] ครั้งนี้ผู้ส่งข้อความในหัวดูเหมือนจะเป็นคนตรงหน้า
ไม่รู้เหมือนกันว่าแยกยังไง แต่ความรู้สึกฉันสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่เรด และข้อสันนิษฐานที่อีกฝ่ายเพิ่งว่ามานั้นก็เป็นสิ่งที่ฉันคิดพอดี… ไม่สิ ก็ต้องคิดแบบนั้นอยู่แล้ว ก็ทั้งสองคนคือฉันนี่คะ
การเพิ่มร่างแยกสัมพันธ์กับการอัปเลเวล
ส่วนที่ยังข้องใจคือความสามารถของแต่ละบุคลิกซึ่งเหมือนได้มาตอนจินตนาการสร้างร่างแยก… หรือไม่ก็แค่บังเอิญ?
ดูจะมีเงื่อนไขที่ต้องศึกษาเยอะเลยแฮะ แต่เรื่องที่ต้องจัดการย่อมลำดับความสำคัญมาก่อน
พวกเราไม่น่าเหลือเวลามากถ้ากลุ่มใหญ่ข้างในห้างสรรพสินค้าออกมาเปลี่ยนเวรกับคนตาย ฉันเลยคุยกับเรดในหัวเพื่อระบุทิศและไปกวาดของเข้าคลังส่วนตัวในทางตรงกันข้ามจะได้เพิ่มความเร็วมากขึ้น
ช่องเก็บของที่ร่างแยกคนใหม่สามารถจุได้คือสองลูกบาศก์เมตร หากเปรียบเทียบกับฟ่างก็เติบโตเลเวลละหนึ่งลูกบาศก์เมตร นับว่าสะดวกสบายไม่เบา
พลังของร่างแยกเด็กใหม่เป็นสีน้ำเงินแบบเดียวกับฟ่าง ฉันเลยคงคอนเซ็ปต์ขบวนการเรนเจอร์แล้วตั้งชื่อให้ว่าบลู
เสื้อผ้า สบู่ ยาย้อมผม และที่สำคัญคือวัตถุดิบในตู้เย็นหลังร้านอาหารถูกบลูเก็บมาจนช่องแน่นไปหมด กระเป๋าเป้แบรนด์เนมถูกหยิบมาใช้ใส่ขนมจนพะรุงพะรัง
พอโกยได้เต็มที่ฉันกับบลูก็มุ่งไปที่รถกระบะก่อน ส่วนเรดกับฟ่างซึ่งออกมาจากประตูหน้ากลับมีเงาคนไล่ตามมาด้วย
พวกนั้นมันมีฝ่ายเดินตรวจตราด้วยงั้นเหรอ!?
ฉันสตาร์ตเครื่องแล้วขับไปใกล้ประตูเพื่อรับฟ่าง ส่วนเรดหยุดล่อพวกนั้นไว้เพราะจะใช้แผนดึงตัวกลับมาในร่างภายหลัง
เสียงปืนลั่นขึ้นก่อนที่ฉันจะรู้สึกปวดร้าวไปทั่วแขนซ้าย
เจ็บ…! เจ็บมากๆ! แต่ฉันไม่ใช่คนโดนกระสุนนี่!?
[อ๊าา!!] ทั้งเรดและบลูกรีดร้องจนเหมือนในหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
พอนึกถึงการเชื่อมโยงแล้วฉันก็รีบสลายทั้งสองคนกลับเข้ามา แต่ไม่มีเวลาที่จะห่วงร่างกายหรือนั่งวิเคราะห์ เพราะพวกนั้นเตรียมยิงล้อรถกระบะของฉันต่อ
ฉันกำมือขวาแน่นและขดตัวไว้ชั่วขณะเพื่อผ่อนความเจ็บปวด ก่อนฝืนให้ร่างกายเหยียบคันเร่งจนมิด!
ความทรมานผ่อนเบาลงอย่างรวดเร็วหลังจากบลูกับเรดเข้ามาอยู่ในร่าง และเสียงในหัวเองก็เงียบเหงาลงไปด้วย
“นิล ทางขวา!” ฟ่างตะโกนเรียกเมื่อฉันหักโค้งหลบกระสุนเข้ามุมอีกฟากได้อย่างฉิวเฉียด
ที่ตรงนั้นมีเพชรชะเง้อมองมาจากในรั้วบ้านหลังหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะเข้าไปซ่อนตัวไว้ชั่วขณะ
การมีคนมากเข้าไว้น่าจะดีกว่า… ถึงฉันจะสิ้นหวังกับหมอนี่ก็เถอะ แต่อุตส่าห์ซ่อนตัวรอดจากบาโฟเมตมาได้ก็คงถือว่ามีวาสนาต่อกันมั้ง
“ฟ่าง อย่าพูดเรื่องความสามารถของฉันให้เพชรรู้นะ” ก่อนที่จะรับเด็กหนุ่มขึ้นมา ฉันเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากอีกฝ่ายเอาไว้
ว้าว… ตัวสั่นใหญ่เลยแฮะ
คงกลัวฉันที่แยกร่างได้แล้วยังฆ่าคนไปด้วยสินะ
ลองหย่อนเบ็ดดูหน่อยแล้วกันว่าเพื่อนสาวคนใหม่จะเชื่อใจได้ถึงขนาดไหน
“นี่เป็นความลับของพวกเราเท่านั้น” ฉันกรีดยิ้ม
ที่ผ่านมาตอนฉันยิ้มก็ยังไม่เคยเห็นใครเบือนหน้าหนีสักคน… ตรงกันข้าม อีกฝ่ายจะชอบทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มหลงใหลด้วยซ้ำ
ดูอย่างฟ่างที่มองฉันไม่วางตานี่สิ?
ไม่ได้หวังจะเคลมนมใหญ่เลยนะเนี่ย
อะไรนะ ฉันมันชั่วเหรอคะ รู้ตัวดีค่ะ ไม่ต้องห่วง~