มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] - ตอนที่ 4.2 เก็บตัวฝึกฝน (2)
[นี่มันใช้แรงงานทาสชัดๆ!]
ฉันไม่เว้นช่วงให้ร่างแยกผมเหลืองได้บ่น
“หายไปแล้ว…” ฟ่างสะดุ้งตอนเห็นกับตาชัดๆ ว่าคนบนเตียงสลายไปอย่างกับไม่เคยมีมาก่อน “ทักษะพิเศษของนิล คือแยกร่างสินะ”
พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นแล้วฉันก็ยิ้มหวาน “ใช่ แต่ละร่างจะมีพลังต่างกันไปด้วยน่ะ แต่ยังไม่รู้เงื่อนไขทั้งหมดหรอกนะ”
ขณะพูดฉันก็อยากแหย่เล่นสักหน่อยจึงก้าวเข้าใกล้สาวน้อยทรงโต
“นิลไม่กลัวบ้างเหรอ… ตั้งแต่ตอนเจอกับสัตว์ประหลาดพวกนั้น” คำถามของฟ่างทำให้ฉันชะงัก “เราน่ะโชคดีที่เพชรกับกายช่วยปกป้องตอนออกมาจากโรงเรียน กลุ่มเราเลยได้สายรัดข้อมือกันครบ แต่ว่า… เราติดต่อพ่อกับแม่ไม่ได้… ครอบครัวของเราไม่ได้ไปที่ว่าการอำเภอ…”
รัฐบาลใช้วิธีแจกสายรัดข้อมือด้วยการรวมคนไว้ที่เดียว หากใครไม่ปรากฏตัวให้เห็นในคืนนั้นก็มีอยู่สองทาง คือไปรวมกลุ่มกับเมืองอื่นหรือไม่ก็ตาย
ซึ่งเปอร์เซ็นต์แบบหลังดูจะสูงกว่ามาก
เด็กสาวถอดแว่นตาออกแล้วเช็ดหยาดน้ำที่พรั่งพรู
“ทำยังไงฉันถึงจะเข้มแข็งแบบนิลได้… เรากลัว…” ไหล่ของร่างเล็กสั่นเทิ้ม “ทั้งสัตว์ประหลาด ระบบอะไรก็ไม่รู้ พลังที่ไม่เคยมีมาก่อน… ต้องเสียเพื่อนไปต่อหน้า คนตายเต็มไปหมด ไม่รู้แล้วว่าควรจะต้องทำยังไง…”
โลกแสนสงบสุขพลิกกลับด้าน ผู้คนเปลี่ยนไป ภยันตรายรอบด้านแม้แต่กับมนุษย์ด้วยกัน ในฐานะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทั่วไปมันยิ่งกว่ารับมือยากเสียอีก
ฉันลูบหลังและจับมือฟ่างซึ่งกุมอยู่เหนืออก
[นี่ฉันต้องเฝ้าระวังหมู่บ้านแต่เธอตีเนียนจับนมสาวอะนะ?] เรดประท้วง พร้อมกันนั้นหน้าต่างสถานะตรงหน้าฉันก็เด้งค่าประสบการณ์ขึ้น [บลู มาช่วยล่อตรงนี้หน่อยสิ แต่อย่าใช้ปืนนะถ้าไม่จวนตัว เสียงจะเรียกพวกมันมาเพิ่มแทน]
รอบหมู่บ้านตอนนี้คงมีบาโฟเมตตามเสียงปืนแรกมาจากเขตอื่นกันบ้างแล้ว เรดกับบลูจึงต้องพร้อมรบ
สู้เขา! อัปเลเวลให้ได้นะ!!
[ตัวฉันนี่มันชั่วจริงๆ] น้ำเสียงที่บลูสื่อสารเข้ามาดูราบเรียบราวกับทำใจได้อยู่แล้ว แต่ยังไม่วายด่าเหน็บแนม
แหม เธอก็คือฉันนี่ บอกว่าฉันชั่วก็ชั่วไปด้วยกันนะ เพราะพวกเราเป็นคนเดียวกันไงล่ะ~
“ขอบคุณนะ นิล” ฟ่างเงยหน้าขึ้น ดึงความสนใจของให้ฉันกลับมาจดจ่อกับสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง… ขอบตาแดงก่ำในระยะใกล้ชวนให้รู้สึกสงสาร “นิลช่วยเราไว้แท้ๆ แต่เรากลับทำตัวเป็นภาระอย่างนี้…”
“ไม่หรอก” ฉันปาดหยาดน้ำตาด้วยนิ้วชี้และสัมผัสข้างแก้มอีกฝ่ายเบาๆ “ฉันคงทำให้เธอกลัวสินะ เพราะฆ่าคนไปแล้วน่ะ”
เจ้าของแว่นกรอบกลมไม่ปฏิเสธ “สถานการณ์นั้นคงมีแต่ต้องทำ… ไม่งั้นพวกเขาอาจจะลุกขึ้นมายิงเรา…”
ถึงจะเสียงสั่นไปบ้าง แต่ฟ่างก็คล้ายยอมรับเหตุผลได้
“ใช่ ฉันไม่อยากเสี่ยง”
“ขอบคุณนะ… ทักษะของเราใช้สู้อะไรไม่ได้เลย” ฟ่างแนบแก้มเข้ามาเบียดมือของฉันมากขึ้น “เป็นภาระของทุกคน ทำให้กายต้องมาตายเพราะเข้ามาปกป้องเรา เพชรก็ตกอยู่ในสภาพแบบนั้น…”
กายตายเพราะปกป้องฟ่างงั้นเหรอ มุมมองฉันรู้สึกว่าหมอนั่นแค่จะเอาตัวรอดไปพร้อมสาวที่ชอบมากกว่า เพราะถ้ามีความกล้าหาญและอยากปกป้องคนอื่นจริงทำไมถึงเมินฉันซึ่งตกอยู่ในอันตรายหรือแม้กระทั่งเพชรที่เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันล่ะ?
แม่สาวน้อยตรงหน้ามองคนอื่นในแง่ดีเกินไป แล้วก็ลดทอนคุณค่าของตัวเองเกินไปด้วย
“ฉันไม่ได้ดูถูกเพชรหรือกายหรอกนะ แต่ในบรรดาพวกเธอสามคน คนที่ฉันต้องการที่สุดคือเธอ ฟ่าง”
เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังซ้ำกันได้หรือเปล่า การมีช่องเก็บของที่ตุนเสบียงไว้ได้อีกนานย่อมดีกว่ามาก แถมเจ้าตัวก็ทำอาหารเป็นด้วย
เทียบดูในเครือข่ายแล้วพลังโจมตีนั้นดูจะหาได้ง่าย เหล่าประชากรที่เหลือรอดหรือก็คือผู้เล่นราวเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นสายต่อสู้ ส่วนอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ถึงจะเป็นฝ่ายสนับสนุนและทักษะพิเศษอื่น
หากนี่เป็นเกมแล้ว ทักษะสนับสนุนของฟ่าง บลู หรือเยลโล่นั้นเป็นอะไรที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับการปะทะระยะยาว
“…เราน่ะเหรอ” พวงแก้มของเด็กสาวขึ้นสีชมพูจางๆ
ฉันจงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นและกรีดยิ้มหวาน “แน่นอนสิ ฉันต้องการเธอนะ”
หากไม่นับเรื่องความกล้าแสดงออกแล้ว พื้นฐานของตัวฉันในอดีตกับฟ่างอาจไม่ต่างกันนัก ทั้งเคยผิดหวังกับตัวเองและเอาคุณค่าทุกอย่างไปขึ้นอยู่กับสายตาคนอื่น… เพียงได้รับความรักและถูกให้ความสำคัญก็รู้สึกพึงพอใจกับการคงอยู่แล้ว
ซึ่งแน่นอนว่าวิธีคิดแบบนี้มันไม่ดีเลยสักนิด เพราะหากไม่มีสายตาของคนอื่นจะไร้ซึ่งคุณค่า
สำหรับฉัน บรรดากิ๊กเก่าเป็นเพียงเครื่องมือค้ำจุนชั่วคราว ก็แค่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้เวลาเปลี่ยวเหงาเท่านั้น ถ้ามาสำคัญตัวเป็นผู้กุมอำนาจแล้วสั่งนั่นบงการนี่จะต้องจบความสัมพันธ์ทันที
แต่สำหรับคนที่ไร้ซึ่งความมั่นใจในตัวเองอย่างฟ่าง เมื่อได้รับความหอมหวานสักหนหนึ่งแล้วก็คงยากจะยอมกลับไปรู้สึกไร้ค่าอีก
“นิล…” ก่อนที่คำพูดอะไรจะว่าออกมา ริมฝีปากของฉันดันประกบกับฟ่างเสียก่อน
ฝ่ามือลูบแก้มเนียนนุ่มอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออกอย่างแช่มช้า “รอดไปด้วยกันกับฉันนะ ฟ่าง”
“ทำไม… ถึงจูบล่ะ” แววตาของฟ่างนั้นสับสน ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย แต่ไร้ซึ่งท่าทีปฏิเสธ
“ไม่ชอบเหรอ”
“ก็… เปล่า…” แว่นตากรอบกลมตกลงมาจากสันจมูกเล็กน้อย “รู้สึกนุ่มดี… ค่ะ…”
“งั้นลองอีกทีไหม”
คำตอบของคำถามคือการพยักหน้ารับ ก่อนพวกเราจะแนบชิดอีกหนและผลัดกันควานหาความหวานในโพรงปาก
ตามปกติแล้วคนเราควรตกหลุมรักกับผู้ที่เพิ่งเจอหน้ากันหนึ่งวันหรือเปล่า… แน่นอนว่าคงไม่
แต่นี่ดันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ กลับเป็นโลกาวินาศซึ่งมีสารพัดเรื่องเครียดเข้ามารุมล้อมและชวนให้หวาดผวา
ดังนั้นคนที่ภาพลักษณ์ดูไม่มีพิษภัย มีกำลังพอจะปกป้องให้กัน ทั้งยังมอบความสำคัญราวกับได้เป็นคนพิเศษ ย่อมล่อลวงง่ายขึ้นหลายเท่า…
อะแฮ่ม ยังไงก็ตาม ฟ่างเป็นสาวน้อยใสซื่อจริงๆ ด้วยแหละ
น่ารัก นิสัยดี นมใหญ่ เหมือนดอกไม้บริสุทธิ์ซึ่งชวนให้ผ่อนคลายท่ามกลางกองเลือด คืนนี้จัดเลยดีไหมนะ
[เร็วไปแล้วปะ!? เจ้าคนชั่วช้าสามานย์!] เรดตะโกนเข้ามาในหัว [ฉันก็อยากจับนมบ้างอะ นมนุ่มๆ!! เล่นเก็บไว้คนเดียวเลยนี่ ยัยชั่วเอ๊ย!]
ก็บอกแล้วว่าพวกเธอคือร่างแยกของคนชั่วที่ด่าอยู่น่ะ ด่าตัวเองนี่มันดูงี่เง่าไปไหม
[เลเวลสี่แล้วนะ รอบหมู่บ้านก็เงียบสงบดี นั่งพักเอาแรงเถอะเรด] บลูคล้ายเมินฉันไปเรียบร้อยแล้ว
จะว่าไป แต่ละบุคลิกของฉันดูมีความแตกต่างนิดหน่อยเหมือนกันนะเนี่ย เพราะได้ทักษะพิเศษไม่เหมือนกันเลยมีผลกับอารมณ์หรือลำดับความคิดหรือเปล่านะ…
แต่ช่างเถอะ ตัวฉันก็คือตัวฉัน
สัมผัสที่ริมฝีปากเว้นระยะห่างออกไปพร้อมน้ำลายใสซึ่งเชื่อมยาวออกมาเป็นเส้นก่อนจะขาดลง
“นิล พวกเราควรลงไปดูเพชรหรือเปล่า” ฟ่างกลับมาพูดเรื่องจริงจัง
ดูท่าวันนี้จะอดกินนมนะจ๊ะ สาวๆ
[มีนิลคนเดียวแหละที่อด] บลูจิกกัดกลับมาทันที [ทางนี้เหนื่อยกับบาโฟเมตจะแย่ ใครจะมาคิดเรื่องกินนม]
ขอโทษจ้า… รู้สึกผิดเลยนะเนี่ย
“ถ้าฟ่างเป็นห่วงก็ไปดูสักหน่อยแล้วกัน ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนของฟ่างนี่” ฉันทำใจกว้าง ปล่อยแม่สาวน้อยออกจากห้องโดยสวัสดิภาพ
การสลับความคิดไปมาระหว่างสถานการณ์ตรงหน้ากับคุยพร้อมพวกร่างแยกเริ่มสร้างความคุ้นชินให้ฉันแล้ว
ยังไงก็เป็นทักษะที่ต้องใช้จนชำนาญเพื่อความอยู่รอด เรดกับบลูก็เป็นกำลังสำคัญ…
อ้อ เกือบลืมไปเลย เยลโล่!! ออกมาสร้างกระสุนแสนรักของเธอเร็ว!
[กรี๊ดดด! อย่าเรียกฉันนะ! ข้างในตัวเธอก็รู้สึกดีแท้ๆ แต่ทำไมเธอมันชั่วร้ายที่สุด!] คนที่ถูกบังคับออกมาลงไปขดตัวกับพื้น
ปกติตัวฉันมีรสนิยมชอบด่าตัวเองเหรอเนี่ย ทำไมพวกร่างแยกถึงขยันต่อว่ากันจัง
“ฉันจะอ้วกเป็นกระสุนแล้วนะ” เยลโล่พูดประชด
“จริงเหรอ เอาเลย ขอกระสุนเยอะๆ” ฉันยุต่อ
“…”
ไม่ได้แกล้งนะเออ ก็มันขาดแคลนนี่นา กราดทีก็หมดเร็วอย่างกับน้ำ กว่าจะยิงแบบแม่นๆ ได้ต้องฝึกอีกไม่รู้กี่รอบ
เยลโล่ทำท่าสลดแล้วกลับไปนั่งมุมเดิมก่อนใช้พลังต่อ [สร้างกระสุน สร้างกระสุน สร้างกระสุน…]
[เงียบไปเลยนะ ไม่มีสมาธิ!] เรดตะโกนบอก ทว่าเยลโล่ไม่มีท่าทีจะหยุด [โอ๊ยยย! หยุด!!]
จากนั้นทุกคนก็ได้ทักษะส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือการเมินเสียงในหัวไปซะ
…ระหว่างที่ร่างแยกทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันก็มีงานต้องหาข้อมูลการใช้ปืน อย่างเทคนิคการถือไรเฟิล ลักษณะการจับอาวุธที่ถูกต้องก่อนเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย ขนาดกระสุนซึ่งจะต่างไปตามรุ่นปืน รวมถึงวิธีดูแลรักษาหรือแก้ปัญหาตอนขัดลำกล้อง
ฉันไม่ใช่พวกนิยมสะสมอาวุธหรืออะไรทำนองนั้น แต่ในเมื่อมันเป็นของป้องกันตัวที่รุนแรง ทรงพลัง และเว้นระยะจากอันตรายได้ในช่วงโลกาวินาศ ก็ควรศึกษาไว้… เทียบกับอาวุธในเกมแล้วน่าจะมีประโยชน์มากกว่าไปวิ่งหาทรัพยากรตีดาบหรือธนู แม้ช่วงท้ายเกมอาจสู้ไม่ได้แต่ระยะแรกเริ่มย่อมถือไพ่เหนือกว่าบาโฟเมต
ฟังก์ชันหลอมอาวุธปรากฏอยู่ในแถบเมนูของหน้าต่างสถานะ แต่มันถูกปิดใช้งานไว้จนกว่าจะนับถอยหลังสู่ปราการลอยฟ้าเสร็จสิ้น ฉันเลยเปลี่ยนไปดูเว็บบอร์ดสนทนาในเครือข่ายแทน
สองเท้าพาร่างไปนอนแหมะบนเตียงนุ่มพลางปัดหน้าจอไปด้วย
จากความทรงจำของฉัน เกมขุมนรกแห่งสัจธรรมจะมีระดับสูงสุดอยู่ที่ห้าสิบเลเวล แต่คงไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากผู้เกี่ยวข้องกับทีมสร้าง
หากตอนนี้พวกผู้เล่นยังไม่ทราบข้อมูลกันอีกก็ควรเรียบเรียงแล้วแบ่งปันลงไปในเครือข่ายหรือเปล่านะ
แต่ฉันก็ไม่ได้จดจำรายละเอียดชัดเจนเสียด้วย แถมยังเขียนอธิบายไม่เก่งอีกต่างหาก เพราะนอกจากเกมที่พ่อสร้างแล้วก็แทบไม่เคยเล่นเกมไหนอีกนี่นะ เอาแต่หมกตัวกับการเรียนและปั้นให้ตัวเองสมบูรณ์แบบในสายตาแม่ที่เหลืออยู่คนเดียว…
นิ้วชี้เลื่อนแถบกระทู้และอ่านหัวข้อผ่านตา ไม่นานก็สะดุดเข้ากับกรอบสี่เหลี่ยมภาษาอังกฤษซึ่งเขียนว่า ข้อมูลเกมขุมนรกแห่งสัจธรรม
มันเป็นกระทู้ใหม่ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อน โดยผู้เล่นที่เขียนข้อมูลขึ้นระบุตัวตนว่าอยู่ในประเทศไทยและใช้นามแฝงว่า ซีกเกอร์
หนึ่งในทีมสร้างงั้นเหรอ… ไม่สิ น่าจะผู้เกี่ยวข้องมากกว่า
ถ้าแผ่นซีดีพังไปเพราะระบบ คนคนนี้ก็ต้องเขียนจากข้อมูลในหัวที่จำได้เท่านั้น แถมพอกดมาดูรายละเอียดยังใกล้เคียงกับความทรงจำของฉันมากทีเดียว มีข้อมูลมากกว่าด้วยซ้ำ แม้เจ้าตัวจะบอกว่าจำเกมได้ไม่ครบทั้งหมดก็ตาม
ปราการลอยฟ้าห้าชั้น สัตว์ประหลาดตัวหลักหรือบอสของแต่ละด่าน จุดอ่อนจุดแข็งและสภาพแวดล้อมข้างใน…
ความคิดเห็นในกระทู้บางคนบอกว่านี่คงเป็นหนึ่งในกระทู้หลอกลวง เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาก็มีคนโม้ว่าตัวเองรู้ข้อมูลเกมนี้แล้วโมเมใส่อะไรมั่วๆ มาเต็มไปหมด ถ้าหลงเชื่ออะไรผิดๆ จะอันตรายถึงชีวิตเอาได้ รวมทั้งบอกว่าให้เลิกทำแบบนี้ซะ
แต่บางความเห็นก็บอกว่านี่ตรงกับความจริงหลายส่วนมาก แม้ข้อมูลในปราการลอยฟ้าจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ก็ตาม
หน้าต่างของซีกเกอร์ปิดรับกล่องข้อความ ฉันจึงพิมพ์คอมเมนต์ในกระทู้ว่าอยากติดต่อกับเขา เพราะแผ่นซีดีถูกระบบพังไปแล้ว
ในบรรดาความคิดเห็นเป็นพันเป็นหมื่นจากทั่วโลก เขาจะมาอ่านของฉันหรือเปล่า ด้วยนามแฝงว่านิลซึ่งเป็นชื่อเล่น ดูไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิดเพราะตั้งรูปแทนตัวในระบบไม่ได้ แต่ก็ใช้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยแบ่งย่อหน้าให้สะดุดขึ้นมาบ้าง
ทว่า หากเป็นผู้เกี่ยวข้องกับทีมสร้างจริงก็ต้องรู้เรื่องผู้เล่นถูกระบบปิดกั้นเกมต้นฉบับอย่างที่ฉันเจอ
ซีกเกอร์… ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นใคร การมีข้อมูลที่ทุกคนไม่รู้ย่อมถูกตามล่าตัวแน่
ฉันพักสายตาสักครู่และหาข้อมูลอื่นต่อ
การโจมตีปราการลอยฟ้าดูจะหยุดไปแบบถาวรแล้ว เพราะนักวิจัยหลายคนเชื่อว่าตัวสิ่งก่อสร้างมหึมาแสนประหลาดนี่น่าจะมาจากอีกมิติ และใช้วัสดุพิเศษแบบสายรัดข้อมือซึ่งไม่อาจทำลายได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
ประกาศสำคัญของระดับผู้นำประเทศตอนนี้มีแต่ให้ทุกคนระวังตัวเองและฆ่าบาโฟเมตให้ได้มากที่สุดเพื่ออัปเลเวล เพราะการเพิ่มระดับตนเองจะเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายโดยรวมไปด้วย เช่นการยกของหนักได้อย่างสบาย การวิ่งได้เร็วขึ้น ซึ่งความคล่องตัวเหล่านี้มีประโยชน์ในการเอาชีวิตรอดเป็นอย่างมาก
บางกระทู้ก็แนะนำวิธีการถนอมอาหารและการใช้ชีวิตให้รอดภายในสามวัน
เพื่อนมนุษย์เองก็มีคนดีๆ เหมือนกันนะเนี่ย…
พลังช่องเก็บของของฟ่างไม่ได้หาง่ายจริงๆ ไม่งั้นคงใช้หยุดเวลาวัตถุดิบเอาไว้ได้กันหมดแล้ว พวกยารักษาโรคและอื่นๆ อีกมากมายก็เช่นกัน ทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมากในภาวะวิกฤติ
อย่างที่คิดว่าทักษะฝ่ายสนับสนุนสำคัญที่สุด
ไม่นานกล่องข้อความก็เด้งขึ้นมาว่า ฉันได้รับการติดต่อจากซีกเกอร์
[ทักมาง่ายแบบนี้เชียว] บลูออกความเห็นจากระยะไกล
นั่นสินะ มันง่ายเกินไปหรือเปล่า
ฉันอ่านตัวอักษรภาษาไทยที่ซีกเกอร์คุยว่า อีกไม่กี่นาทีจะมีบอส
หา…?
นาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มห้าสิบสี่นาที อีกราวหกนาทีจะครบหนึ่งวันนับจากตอนเริ่มเกมขุมนรกแห่งสัจธรรม
แต่ฉันไม่เห็นจำได้เลยสักนิดว่ามีบอสก่อนเข้าปราการลอยฟ้า ตอนเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ก่อนแผ่นพังมันไม่ถูกพูดถึงด้วยซ้ำ ผู้เล่นสามารถเทเลพอร์ตเข้าไปได้โดยไม่พบสัตว์ประหลาดตัวหลัก และในกระทู้ของเขาเองก็ไม่ได้เขียนไว้
ซีกเกอร์ไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหน…
<อีก 5 นาทีจะสุ่มเกิดบอส แอสโมเดียส ในแต่ละเมือง ผู้เล่นที่สามารถกำจัดได้ก่อนเทเลพอร์ตสู่ปราการลอยฟ้าจะได้รับโบนัสพิเศษ>
กล่องข้อความปรากฏขึ้นตรงหน้า ราวจะยืนยันคำพูดของซีกเกอร์
เจ้านั่นเป็นใครกันแน่…
แต่ฉันไม่เหลือเวลาให้คิดนานนัก ทีแรกนึกว่าจะได้พักผ่อนอย่างสงบในคืนนี้ ดันผิดถนัดทีเดียว
<คุณพบกับแอสโมเดียส>
แม้กล่องข้อความจะขึ้นแบบนี้ แต่รอบตัวฉันยังไม่เห็นวี่แวว
[นิล!!] เรดกับบลูกรีดร้องพร้อมกัน [ดึงพวกเรากลับไป!]
อา… นั่นสินะ
เพราะร่างแยกก็คือตัวฉัน ระบบเลยนับเป็นคนเดียวกัน
งั้นหมายความว่าไอ้บอสนั่นสุ่มมาอยู่หน้าหมู่บ้านนี่เองหรอกเรอะ!?