มีฉันเต็มไปหมด [Yuri/Selfcest] - ตอนที่ 5.1 ผู้เล่นเบต้า (1)
ทันทีที่รู้ว่าบอสปรากฏในบริเวณนี้ฉันก็ดึงเรดกับบลูเข้ามาในร่าง
“ไม่ไหวหรอก ตัวใหญ่ยิ่งกว่าบ้านสองชั้นอีกนะ” พอเรียกทั้งสองคนออกมาใหม่ เรดผู้ทรุดลงกับพื้นห้องโบกมือปฏิเสธการล่าบอสทันที “แถมยังมีลมหายใจเป็นไฟสีน้ำเงินด้วย ไอ้ไฟที่ร้อนยิ่งกว่าไฟสีแดงน่ะ แค่ดูอยู่ห่างๆ ก็แทบสุกแล้ว”
ส่วนบลูหันไปช่วยเยลโล่โกยกองกระสุนไว้ในทักษะช่องเก็บของ “หลบกันก่อนเถอะ”
ฉันพยักหน้าแล้วจัดกระเป๋าด่วน เมื่อทุกบุคลิกเตรียมพร้อมจึงดึงกลับมาไว้กับตัว พกไรเฟิลจู่โจมไว้และรีบก้าวลงไปชั้นหนึ่ง “ฟ่าง เพชร… บอสอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน พวกเราต้องรีบหนี”
ถึงจะมีทักษะแยกร่างสุดโกงและโบนัสปริศนามาล่อก็รับประกันความปลอดภัยไม่ได้ ข้อมูลยังน้อยเกินไป ยิ่งตัวฉันอีกสองคนยืนกรานว่าไม่รอดแล้วรู้สึกไม่อยากเห็นสภาพบอสเลยสักนิดว่าจะน่ากลัวขนาดไหน
“บอส… งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มคนเดียวในบ้านเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยคล้ายได้สติกลับมา
ตรงหน้าเขาคือจานสเต๊กที่ถูกจัดการเรียบ หมายความว่าฟ่างเกลี้ยกล่อมให้กินอาหารได้สำเร็จ
ถ้าท้องอิ่มก็ยังพอนับเป็นกำลังรบได้เพิ่มอีกคน การหนีออกไปด้านหลังหมู่บ้านและกำจัดบาโฟเมตไปด้วยคงราบรื่นขึ้น…
“เดี๋ยว” เพชรรั้งฉันไว้ “ถ้าระบบทั้งหมดอ้างอิงจากเกม การกำจัดบอสเพื่อให้ได้โบนัสพิเศษก่อนคนอื่นน่าจะมีโอกาสรอดมากกว่าไม่ใช่เหรอ”
ฉันกับฟ่างยืนนิ่ง ไม่เข้าใจท่าทีของเขาแม้แต่น้อยว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปเพียงได้ยินแค่คำเดียว
“แล้วนายจะทำอะไร” คำถามของฉันกระตุ้นให้เขาขบคิด เพราะถึงเป็นผู้เล่นเลเวลห้าก็ไม่คุ้มค่าในการเสี่ยงตอนนี้อยู่ดี
“เรารู้ว่าเมื่อตอนเที่ยงเรามันห่วย ไม่กล้าสู้กับมนุษย์ด้วยกัน… แต่ถ้าเป็นพวกมอนสเตอร์พวกเราต้องจัดการได้สิ”
“มอนสเตอร์…?” ฟ่างกะพริบตาปริบๆ
“หมายถึงพวกสัตว์ประหลาด” ฉันแปลให้ “แน่ใจเหรอว่าไหว นี่ไม่ใช่แค่เกมแล้วนะ ถ้าล้มก็ตายไปเลยจริงๆ และสถานการณ์หลังจากนี้ไม่มีเวลาให้มาเสียใจทีหลังด้วย”
“มันคือระบบเกมบนโลกความจริงและอันตรายถึงชีวิต เรารู้ แต่ถ้าไม่เสี่ยงตอนนี้เพื่อโบนัสพิเศษต่อไปก็จะอันตรายยิ่งกว่าเดิม” แววตาของเขาแน่วแน่คล้ายมองโลกของเกมได้กระจ่างชัด “ถึงจะปกป้องกายไม่ได้ แต่เราจะปกป้องฟ่างเอง และต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้… เพราะงั้นจะมัวซึมกับเรื่องกายอีกไม่ได้ พวกเราต้องไปฆ่าบอสนั่นก่อนโอกาสจะหลุดมือ”
ที่เพชรพูดมามันก็ถูก การได้โบนัสพิเศษช่วงต้นเกมย่อมได้เปรียบและมีโอกาสรอดสูงกว่าในภายหลัง
แต่ไอ้แบบนี้จะไหวจริงเหรอ เลเวลห้า เลเวลสี่ กับเลเวลหนึ่ง
“ก็ได้… ยังมีเวลาอยู่” ฉันยอมแพ้ให้กับเขาและนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “บอสนั่นยังไม่รู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้เลยไม่ได้เข้ามาใกล้… ถึงไม่แน่ใจว่ามันจะเดินไปในทิศไหนต่อก็เถอะ ถ้าอยู่ที่นี่ต่อพวกเราจะเสี่ยงจะถูกโจมตี แต่ในทางกลับกันก็พร้อมต่อสู้ก่อนผู้เล่นทีมอื่น”
ความรู้คือพลัง… ฉันให้ฟ่างและเพชรช่วยกันเข้าเครือข่ายหาช่องถ่ายทอดสดต่อสู้กับบอสจากทั่วโลก เผื่อจะได้ข้อมูลจุดอ่อนหรือวิธีรับมือ
อาจเพราะเพิ่งถึงเวลาปล่อยบอสจึงยังไม่ค่อยมีคนพบจุดสุ่มของแต่ละเมืองนัก
ทว่าไม่นานก็เจอกับคลิปหนึ่งจากรัสเซีย เหล่าผู้เล่นใช้ปืนระดมยิงใส่สัตว์ประหลาดตัวยักษ์ซึ่งมีสามหัว แม้กระสุนจะสร้างความเจ็บปวดให้แอสโมเดียสแต่มันยังคงขยับตัวและพ่นไฟสีน้ำเงินโจมตีกลับ
กลุ่มคนที่ถูกลมหายใจของมันต่างมีเพลิงลุกไหม้และดิ้นทุรนทุราย
หากจะรอดจากเปลวไฟต้องรีบใช้พลังน้ำดับลง ทว่าต่อให้ยับยั้งเร็วแค่ไหนผิวหนังก็พุพองและกลายเป็นสีแดงน่าสยดสยองอยู่ดี ส่วนเหยื่อหลายรายซึ่งดับเพลิงไม่ทันนั้นเสียชีวิตลงด้วยเวลาในคลิปเพียงหนึ่งนาที
สาบานได้ใช่ไหมว่านี่คือบอสตัวแรกน่ะ?
“ไม่นะ…” ฟ่างยกมือขึ้นปิดปากพร้อมก้าวมาพิงไหล่ทันที “นิล… นี่มัน… น่ากลัวเกินไป”
แอสโมเดียส ปีศาจในขุมนรกซึ่งมีร่างกายเป็นมนุษย์ มีศีรษะสามเศียรอันได้แก่แพะ วัว และชายแก่หูยาว…
ลักษณะของมันไม่ต่างจากตำนานที่ถูกเล่าขาน หากพูดให้ชัดคือ ทีมออกแบบของเกมขุมนรกแห่งสัจธรรมมักอ้างอิงข้อมูลจากต้นฉบับโดยไม่ได้ดัดแปลงอะไรนักอยู่แล้ว ระบบนี่จึงใช้ลักษณะมอนสเตอร์แบบเดียวกัน
แม้ฉันจะไม่เคยเจอบอสตัวนี้ในเกมเพราะไม่ได้บังคับตามเนื้อเรื่อง แต่คงจะมีซ่อนอยู่แน่…
เสียดายที่แผ่นพังไปแล้วเลยไม่อาจหาจุดอ่อนเอาตอนนี้ได้
<คุณได้รับข้อความใหม่จาก ซีกเกอร์>
หน้าต่างหนึ่งเด้งขึ้นมา ทำเอาฉันสะดุ้งจากสถานการณ์ตึงเครียด พอกดอ่านดูก็พบว่าซีกเกอร์บอกรายละเอียดเกี่ยวกับแอสโมเดียสมาให้
แต่… ทำไมล่ะ?
เมื่อเกิดความสงสัย ข้อความต่อไปก็เด้งมาทันทีราวกับอ่านใจออก
ในนั้นระบุว่า เพราะเป็นผู้เล่นเบต้าเทสต์เหมือนกันจึงอยากร่วมแบ่งปันข้อมูลที่แต่ละคนจำได้… หากจัดการแอสโมเดียสเสร็จแล้วเขาจะขอนัดรวมตัวอีกที
อย่างกับบททดสอบเลยแฮะ
ผู้เล่นเบต้าเทสต์คงจะหมายถึงกลุ่มคนที่ได้สิทธิ์ในการทดสอบเกมขุมนรกแห่งสัจธรรมก่อนทีมพัฒนาจะหายตัวไป ซึ่งคงมีอยู่น้อยนิดมากทีเดียว…
หากฉันเป็นซีกเกอร์ซึ่งต้องการรวบรวมผู้เล่นเบต้าเทสต์ไว้ด้วยกันละก็ คงตั้งเกณฑ์จัดลำดับในใจไว้แล้ว
สำหรับผู้เล่นเบต้าซึ่งเสียชีวิตก่อนทั้งที่ให้ข้อมูลครบ นั่นถือเป็นโชคชะตาในการไม่พานพบกัน… ส่วนคนรอดโดยไม่ได้กำจัดคงจะนับเป็นระดับกลาง และฝั่งปลิดชีพบอสก็จะกลายเป็นกำลังรบสำคัญ
การแยกว่าใครมีฝีมือหรือเปล่าหลังจากนี้ก็ไม่ยากเลย เพราะระบบจะยกโบนัสให้เฉพาะผู้ที่จัดการบอสได้แค่คนเดียวเท่านั้น
หมายความว่าการตั้งทีมช่วยกันสู้จะต้องตกลงผู้รับผลประโยชน์ไว้
เกมขุมนรกแห่งสัจธรรมมีรางวัลให้แค่ผู้เล่นที่โจมตีปิดฉาก ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ประเภทไหน ยกตัวอย่างเช่นค่าประสบการณ์จากการแย่งเพชรยิงบาโฟเมตก่อนหน้านี้ ฉันก็ได้รับมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่มีหาร
ด้วยเหตุนี้ สายสนับสนุนจะเพิ่มเลเวลได้ลำบาก อยู่รอดยากที่สุด ต้องการคนช่วยมากที่สุด แต่กลับเป็นประโยชน์กับทีมมากที่สุดเช่นกัน
“นิล เป็นอะไรหรือเปล่า” ฟ่างเรียกสติฉันกลับมา
“วิเคราะห์อะไรนิดหน่อยน่ะ” พอตอบไปแบบนั้น เพชรก็ทำสีหน้าร้อนรน “รู้แล้วว่าเหลือเวลาไม่มาก พวกเรามาวางแผนกันเถอะ”
ในเมื่อท่าโจมตีของบอสคือการพ่นลมหายใจเป็นเพลิงสีน้ำเงิน ทักษะการสร้างไฟของเพชรหรือเรดก็คงไม่ระคายผิวมัน… ให้ไฟปะทะไฟคงไม่ไหวแหละนะ ยิ่งฝั่งนั้นดูจะรุนแรงกว่ามากยิ่งไม่มีหวัง
“หลักๆ ก็ต้องใช้ปืน” ฉันส่งไรเฟิลให้เพชรพร้อมตลับแม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนอยู่เต็ม “ถ้าทำได้ก็เล็งที่ดวงตาไว้ก่อน มันมีสามหัวดังนั้นระยะการมองเห็นจึงกว้างมาก พวกเราต้องปิดมุมมอง”
ในเมื่อยังเหลือปืนอยู่อีกหนึ่งก็ไว้ค่อยเรียกบลูให้หยิบออกมาใช้ทีหลังแล้วกัน… ฉันยังไม่อยากเปิดเผยความสามารถของตัวเองต่อหน้าเจ้าหนุ่มคนนี้นัก
“คลิปวิดีโอตอนยิงโดนตัวมันจังๆ ยังไม่ระคายผิวเลย ได้แต่หวังให้แรงดีดกระสุนมีผลกับดวงตานะ” เพชรจับคาง “ถ้ากายอยู่ละก็…”
เขารู้ตัวว่าพูดผิดไปตอนทุกคนเงียบลง
จริงอยู่ที่ความสามารถของกายคือการกลั่นน้ำ อย่างน้อยมันคงยับยั้งไฟได้หากพลาดขึ้นมา… แต่แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อเจ้าตัวตายไปแล้ว ก็มีแต่ต้องใช้สิ่งที่ใช้ได้ในตอนนี้เท่านั้นแหละ
ฉันสร้างร่างแยกได้อีกคนหนึ่ง จากจำนวนเลเวลตอนนี้ที่มีสี่เลเวลกับร่างแยกสามบุคลิกน่าจะเป็นอย่างนั้น… ทว่ายังลังเลเกี่ยวกับทักษะที่ควรหยิบมาใช้งาน
พลังกลั่นน้ำจากอากาศจะได้ผลกับแอสโมเดียสมากแค่ไหนกันเชียว… ถึงยับยั้งความเสียหายได้ดีที่สุดแต่ไม่เหมาะจะใช้โจมตีปิดฉากแน่
พอทบทวนจุดอ่อนของแอสโมเดียสที่ซีกเกอร์ส่งมาให้อีกครั้งก็ได้เพียงเม้มริมฝีปาก นึกไม่ออกเลยสักนิดว่าต้องทำยังไงถึงจะชนะ
“ทักษะของเธอคืออะไร” เพชรหันมาถาม “ไม่มีเวลามาบ่ายเบี่ยงแล้วนะ พวกเราต้องร่วมมือเพื่อกำจัดบอส เธอไม่เห็นบอกความสามารถมาสักทีจะวางแผนกันได้ยังไง”
การตั้งตัวดั่งหัวหน้าทีมทำให้ฉันไม่ชอบใจเลยสักนิด
“ทักษะพิเศษของนิลน่ะ…” ฟ่างเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหันไปจับตามอง “ใช้ต่อสู้ไม่ได้หรอก…”
เสียงเบาหวิวและการหลบสายตาของเด็กสาว ดูยังไงก็รู้ว่าโกหก
แต่เพชรไม่ได้ติดใจถามต่อ “ถ้างั้นพอจะหาพาหนะเอาไว้ขี่ล่อบอสได้หรือเปล่า”
แผนการของเขาคือใช้ฉันกับฟ่างช่วยกันทำให้แอสโมเดียสสับสน เพราะรับทัศนียภาพได้กว้างและแยกสมองคิดถึงสามหัว การเห็นเป้าหมายพร้อมกันจะลดความสามารถในการตัดสินใจขยับร่างจนใกล้เคียงกับการหยุดชะงัก และจังหวะนั้นก็ส่งกระสุนเข้าไปที่ดวงตาทีละดวงได้
ปัญหาคือการวิ่งหนีด้วยสองเท้าตอนนี้คงไม่พ้น ต้องมีมอเตอร์ไซค์เพื่อความคล่องตัวสักหน่อย
เพชรกับฉันจึงลอบออกจากบ้านด้วยประตูด้านหลัง ใช้ความมืดพรางตัวและแยกกันเข้าไปหาพาหนะจากแต่ละบ้านในละแวกนี้ ส่วนฟ่างมีหน้าที่เฝ้าบ้านและทำอาหารสำรองไว้ในช่องเก็บของ เผื่อกรณีต่อสู้ยืดเยื้อถึงเช้าจะได้ไม่วิกฤตด้านกำลังและความอ่อนล้า
ทันทีที่ออกสู่ภายนอกก็พบแสงสว่างสีฟ้าจากหน้าหมู่บ้าน มันมาจากลมหายใจของแอสโมเดียส ฉันสามารถเห็นหลังศีรษะสามเศียรซึ่งโผล่พ้นหลังคาบ้านอื่นได้จากตรงนี้เลยทีเดียว
อย่างน้อยก็โชคดีที่ไม่ถูกเจอ… ฉันถือโอกาสปีนข้ามรั้วบ้านใกล้ที่สุดและเรียกร่างแยกออกมาช่วยอีกแรง
การดึงทุกบุคลิกมาในคราวเดียวทำให้ร่างกายรับภาระไม่น้อย รู้สึกได้เลยว่าถ้าเรียกเข้าเรียกออกอีกสักหนโดยไม่ทิ้งช่วงเวลาพักคงขยับตัวลำบากแน่
…บลูนำไรเฟิลออกมาถือด้วยสองมือเผื่อกรณีฉุกเฉิน จากนั้นพวกเราก็เข้าไปรื้อหามอเตอร์ไซค์
แถบนี้ถือเป็นย่านคนมีเงินอย่างที่เพื่อนในโรงเรียนชอบแซะฉันอยู่บ่อยๆ ว่าบ้านรวย ใช้เวลาไม่นานเยลโล่ก็พบบิ๊กไบค์คันสีดำแดงในโรงรถซึ่งมีกุญแจแขวนอยู่ไม่ไกล
ใหญ่ชะมัด แต่บ่นมากคงไม่ได้ แค่เจอเร็วขนาดนี้ก็ดีถมไปแล้ว
พอดูวิธีขับในอินเทอร์เน็ตสักพักก็พอเข้าใจด้านทฤษฎี แต่ปัญหาคือภาคปฏิบัติซึ่งต้องลองอีกที…
ฉันส่งข้อความผ่านระบบไปหาฟ่างกับเพชรว่าพาหนะพร้อมแล้ว จากนั้นก็โยนตัวเองพาดขึ้นมาพร้อมดูข้อมูลประกอบเพื่อสตาร์ตอย่างถูกต้องและวอร์มรอไว้สำหรับใช้งาน
เสียงตอนเครื่องยนต์ทำงานไม่ดังมากนัก ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ถูกลมโดยรอบกลบได้และไปไม่ถึงบอสมอนสเตอร์ ส่วนน้ำมันก็เกือบเต็มถัง
[จะไหวจริงเหรอ] เรดถอนหายใจเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ยอมขึ้นมาซ้อนท้ายเพื่อระวังหลังให้
…ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันแหละว่าจะรอด ถึงบลูจะรอยิงสนับสนุนจากมุมมืดด้วยกระสุนไม่จำกัดของเยลโล่ก็เถอะ
ถ้าสร้างบุคลิกใหม่เอาตอนนี้อาจช่วยได้มากทีเดียว แต่ก็วนกลับไปคำถามเดิมว่าทักษะพิเศษอะไรจะช่วยได้มากที่สุดล่ะ
[นิล!] เสียงความคิดของบลูเรียกสติให้ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับแอสโมเดียสหัววัว
จากตอนแรกมันอยู่อีกมุมหนึ่ง แต่กลับเดินวนไปมาแถวหน้าหมู่บ้านจนเข้ามุมที่เห็นฉันในโรงรถได้พอดี
อา… ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เจอแต่เรื่องซวยๆ แบบนี้นะ
ฉันควบบิ๊กไบค์พุ่งออกไปนอกรั้วซึ่งเปิดอ้าเพียงเสี้ยวหนึ่งและหักเลี้ยวไปอีกทิศทันที ส่วนแอสโมเดียสก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว… มันไล่ตามฉันมาพร้อมความเร็วอันผิดกับขนาดตัว พ่วงด้วยไอร้อนระอุจากด้านหลัง
โถ่ ให้ฉันได้ลองขี่จนชินก่อนได้ไหมล่ะ!? ไอ้รถนี่ก็ขับยากสุดๆ ไหนจะการเข้าเกียร์ ไหนจะต้องเทน้ำหนักตัวและเอนรถเพื่อเข้าโค้งอีก!
พยายามวนรอบหมู่บ้านเข้าไว้… พยายามต่อไปนะตัวฉัน ทรงตัวเข้าไว้ จะล้มไม่ได้เด็ดขาด
พลาดทีเดียวเท่ากับชีวิตจบสิ้นแน่
ฝีเท้ายักษ์ไล่กวดตามมาไม่ห่าง ทำเอาลุ้นระทึกทุกการโค้ง จะเร็วเกินไปก็เสี่ยงชนกำแพงตามมุมถนนแคบ จะช้าเกินไปก็เสี่ยงตายไม่ต่างกัน
เรดน่าจะเป็นคนที่ต้องอดทนที่สุดสำหรับการปกป้องแผ่นหลังของฉันเอาไว้ไม่ให้เสื้อผ้าไหม้ไปซะก่อน
ตอนวนหมู่บ้านครบหนึ่งรอบ เสียงปืนก็ดังขึ้น
หางตาเหลือบมองตามเสียงเห็นเงาบ้านของตัวเอง และหน้าพื้นถนนตรงนั้นมีเพชรกำลังใช้ปืนที่ให้ไปยิงใส่สัตว์ประหลาดตัวมหึมา
[เข้าหน้าผากหัวซ้าย พลาดเป้า] เรดรายงานขณะเหลียวหลัง
ฉันยังละจากบิ๊กไบค์ไม่ได้ แม้จะเริ่มชินมือขึ้นมาบ้างแต่ยังต้องตั้งสติในการขับขี่
[มันเปลี่ยนทิศแล้ว] บลูบอกจากที่ไหนสักแห่ง [กลับมาก่อน นิล]
ระยะเบรกของความเร็วที่กำลังใช้อยู่นั้นไม่ไกลมากนัก ฉันเลยลดความเร็วก่อนจะตั้งลำใหม่ให้หมุนกลับไปทางเดิม
เสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้งและอีกครั้ง ฟังดูมาจากสถานที่เดียวกัน นั่นคือเพชรเป็นผู้ยิง
แอสโมเดียสใช้เปลวเพลิงสีน้ำเงินพ่นไปทางบ้านของฉัน มันลุกไหม้ทีละส่วนจนผิวหน้าทั้งแถบกลายเป็นสีดำ สภาพไม่น่าเข้าไปตอนนี้ได้
…ดีนะที่เอาของใช้จำเป็นฝากไว้กับบลู
“นิล!! เพชร!” ฟ่างวิ่งออกทางประตูหลังแล้วอ้อมมาตะโกนเรียกทุกคน แต่นั่นจะทำให้ตกเป็นเป้าเสียแทน
ปัง! ชั่วขณะที่แอสโมเดียสหันตามฟ่าง เพชรซึ่งหนีไปอีกฟากก็ยิงเข้าที่ดวงตาของหัวทางซ้ายจนมันชะงัก
“อาาาา!” บอสมอนสเตอร์กรีดร้องโหยหวนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
[โอ๊ะ ช่องว่าง จัดไปชุดใหญ่ไฟกะพริบ!] บลูกราดยิงจากมุมอับอีกทางทำให้ศีรษะแพะซึ่งอยู่ด้านขวาตาบอดสนิททันทีสองดวง
เหลืออีกสามจะปิดบังการมองเห็นได้ทั้งหมด… แต่แอสโมเดียสเริ่มคำรามและกระทืบเท้าจนแผ่นดินโดยรอบสั่นไหวทำให้ยิงไม่ถูกเป้า
ไอร้อนจากตัวบอสทำให้เหงื่อออกจนชุ่ม ฉันจับบิ๊กไบค์ไว้มั่น และพุ่งเข้าไปล่อในสายตาของมัน
มีแต่ฉันที่ได้พาหนะมาอยู่กับตัว ส่วนฟ่างกับเพชรมีแค่เท้าเปล่า แถมยังเปิดช่องว่างโล่งเพราะตื่นตกใจ… ถ้าใครต้องเสียสละเป็นเหยื่อล่อในสถานการณ์นี้ก็คงฉันนี่แหละ
สมเป็นนางเอกจริงๆ ให้ตายสิ
พาหนะเข้าเกียร์ใหม่อีกครั้งและพาฉันโลดแล่นไปบนถนนหมู่บ้าน
นี่ฉันไว้ใจเพชรงั้นเหรอ? เปล่าเลย ฉันเชื่อใจตัวเองต่างหาก เชื่อว่าเรดจะคอยระวังหลังให้ได้ เชื่อว่าบลูกับเยลโล่จะจัดการดวงตาที่เหลือ
[วางใจเถอะ] เสียงร่างแยกตอบรับทำให้ฉันอุ่นใจขึ้น
สายตาของแอสโมเดียสซึ่งเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งจดจ้องมาอย่างแน่วแน่
กระสุนของพวกบลูยิงใส่ท้ายทอยของมันจากด้านหลังจนหมดแม็กกาซีนและเปลี่ยนใหม่ทันที ส่วนเยลโล่ก็มีหน้าที่เอาตลับเปล่าไปเรียงเพิ่ม กระนั้นบอสมอนสเตอร์ก็ไม่เคลื่อนไหว
มันประหลาดกว่าที่คิดไว้ฉันจึงชะลอความเร็วลง
พอนึกถึงรายละเอียดของแอสโมเดียสตามข้อมูลจากซีกเกอร์ก็มีการระบุจุดอ่อนว่าอยู่ที่ดวงตาและปาก ท่าการโจมตีคือลมหายใจเพลิงกับท่าพิเศษซึ่งจะเพิ่มขึ้นมาตอนเหลือดวงตาสามดวงหรือน้อยกว่า
หมายความว่าที่มันนิ่งแบบนี้เพราะเตรียมใช้ท่าพิเศษนั่น…
ด้านหน้าของแอสโมเดียสปรากฏวงเวทลวดลายประหลาดและอ่านไม่ออก จากนั้นลำแสงสีน้ำเงินก็พุ่งตรงมาทางนี้
ฉันซิ่งหลบแบบฉิวเฉียด แต่คล้ายเรดจะโดนด้านหลังไปนิดหน่อย
เดี๋ยวสิ มันอันตรายไหมเนี่ย!?
[ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย] ร่างแยกที่เกาะหลังอยู่ตอบมาแบบนั้น [ไม่ร้อน ไม่เจ็บ มันเป็นท่าโจมตีพิเศษจริงเหรอ]
ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันเป็นการโจมตีประเภทไหน แต่ฉันก็ขี่ให้ห่างจากจุดเดิมออกมาก่อน ระหว่างนั้นแอสโมเดียสได้เริ่มขยับไล่ตามพวกเรา
[นิล มุมนั้นพวกเรายิงไม่ได้ ต้องวนกลับมาทางนี้อีกรอบ]
เข้าใจแล้วน่า…
ฉันเตรียมวนไปตามถนนหมู่บ้านอีกครั้ง แต่จู่ๆ เรดก็เลื้อยมือขึ้นมาสัมผัสหน้าอกแล้วบีบคลึง
[นิล… ฉัน… อยาก…] คนด้านหลังส่งความคิดมาแบบนั้น ทำให้ฉันเพิ่งสังเกตว่าร่างกายตัวเองก็แปลกไป
พอนึกถึงสาเหตุแล้วก็ได้แต่สบถว่า เวรเอ๊ย
แอสโมเดียสอีกตำนานหนึ่งเป็นปีศาจประจำบาปแห่งราคะ มีความสามารถในการใช้เวทมนตร์ล่อลวงให้ผู้คนลุ่มหลง… ถึงจะไม่ตรงตามข้อมูลเสียทีเดียว แต่ไอ้ลำแสงเมื่อกี้มันทำให้เรดเกิดความต้องการขึ้นมา
แล้วก็ช่างพอดิบพอดีกับที่พวกเราเชื่อมความรู้สึกถึงกันหมดในเครือข่ายร่างแยก
แบบนี้ถึงฉันหลบพ้นก็เหมือนหลบไม่พ้นอยู่ดี…
เอาจริงดิ การต่อสู้ในเกมมันควรจะเป็นแบบบู๊ระห่ำรำดาบสวยๆ แทนที่จะเป็นการสาปให้ฉันมีอารมณ์ทางเพศไม่ใช่เหรอ!?
การต่อสู้บ้านพ่อแกเรอะไอ้ทีมพัฒนา!
อ๊ะ แต่ในทีมสร้างก็มีพ่อฉันอยู่ด้วยนี่หว่า