มู่หนานจือ - บทที่ 189 แพ้ชนะ
ในเมื่ออาวุธไม่มีตา แล้วใครจะกล้ารับประกันว่าเส้นผมของเจียงลวี่จะไม่หายไปแม้แต่เส้นเดียว?
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าหลี่เชียนกำลังหลอกนางอีกแล้ว
นางผลักปิงเหอออกและเดินไปข้างหน้า
ปิงเหอไม่กล้าขวางนางอีก จึงตามอยู่ข้างกายนางและเรียกเสียงเบาว่า “ท่านหญิง” และพยายามวิงวอนอย่างสุดกำลัง
เจียงเซี่ยนเหมือนไม่ได้ยิน และเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เสียงอาวุธกระทบกัน ต่อว่าอย่างรุนแรง ตะโกนด่า โห่ร้อง และถอนหายใจมาปะทะหน้า
เหมือนเสียงที่ได้ยินเวลาที่ท่านลุงเจียงพานางไปเที่ยวที่สนามฝึกตอนเด็กๆ
ตอนนั้นท่านลุงเคยกำชับนางด้วยนัยน์ตาเจือรอยยิ้มว่า ‘เป่าหนิงเด็กดี แล้วก็ห้ามส่งเสียงเช่นกัน หากรบกวนพวกเขา อาวุธไม่มีตา ถ้าไม่ระวังก็อาจจะทำร้ายทหารด้วยกันได้’
นางยังจำได้ว่านางปิดปากและพยักหน้าให้ท่านลุงไม่หยุด
เจียงเซี่ยนอดที่จะเม้มปากไม่ได้ และหยุดฝีเท้า
เจียงลวี่กับหลี่เชียนที่สวมชุดทะมัดทะแมงสีขาว ชุดผู้ชายเป็นเสื้อกับกางเกงผ้าเนื้อหยาบสะดุดตาที่สุด
คนหนึ่งขยับตัวไวมาก วิชาตัวเบาไม่ธรรมดา อีกคนก็ทั้งรุกและรับ สู้ชนะอย่างต่อเนื่องไร้อุปสรรค
ทั้งสองคนผลัดกันโจมตีติดต่อกัน และกำลังสู้กันอย่างดุเดือด
เจียงเซี่ยนอดที่จะอึ้งไม่ได้
แม้นางจะไม่รู้เรื่องวิทยายุทธ แต่การเล่นไพ่ก็สามารถเห็นนิสัยของคนที่เล่นไพ่ได้อย่างชัดเจน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฝึกวิทยายุทธ?
พี่ชายของนางท่าทางสวยงาม แต่กลับเจ้าเล่ห์และเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เหมือนกิ่งหลิวที่พลิ้วไหวไปตามสายลม หลี่เชียนท่าทางเรียบง่าย ทว่ากลับมีความซื่อตรงและฮึกเหิม เต็มไปด้วยมาดของชายชาตรี
คนหนึ่งได้ชัยชนะด้วยไหวพริบ อีกคนก็ต่อสู้กันด้วยกำลัง
อีกไม่นานผลก็จะปรากฏออกมาว่าผู้ใดจะชนะหรือแพ้
เจียงเซี่ยนนิ่งเงียบ และปรายตาไปมองหวังจ้านกับจงเทียนอี้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลี่เชียนกับเจียงลวี่
จงเทียนอี้เหมือนผีเสื้อที่เต้นรำหมุนวนไปรอบๆ รูปร่างงดงาม เขากระโจนใส่หวังจ้านตลอด สีหน้าผ่อนคลาย ทางหวังจ้านปิดปากสนิท สีหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทุกครั้งที่จงเทียนอี้กระโจนใส่ เขาก็ทำได้เพียงยกดาบรับอย่างกินแรง ค่อนข้างลำบากทีเดียว
ส่วนพวกอวิ๋นหลิน หากจะบอกว่าอันตราย ในพวกเขาก็ไม่มีคนที่ได้รับบาดเจ็บจนล้มลงไปกองกับพื้นสักคน และไม่มีใครตาย หากจะบอกว่าสบาย แต่บนตัวพวกเขาทุกคนก็มีบาดแผลไม่มากก็น้อย ยากจะประเมินได้ว่าใครจะแพ้หรือชนะ
นางเห็นนักยิงหน้าไม้แถวนั้นที่ขวางอยู่หน้าประตูของห้องโถงตรงประตูใหญ่
หากนางเรียกตอนนี้ หลี่เชียนจะพลั้งมือทำร้ายเจียงลวี่หรือไม่? นักยิงหน้าไม้เหล่านี้จะยิงลูกศรออกไปสักดอกตามอำเภอใจเพราะมีคนตกใจหรือไม่?
เจียงเซี่ยนไม่กล้าขยับตัว
แต่จะให้นางอยู่เฉยดูพวกเขาสู้ต่อไปแบบนี้ ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
นางเรียกปิงเหอมา และถามเขาเสียงเบา “ตอนนี้ใครได้เปรียบ?”
เรื่องนี้จะบอกได้อย่างไร!
ผู้คุ้มกันกับองครักษ์เหล่านั้น แน่นอนว่าคนที่พวกเขาพามาเก่งกาจแล้ว…แม้คนที่ซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงพามาจะล้วนเป็นยอดฝีมือ ทว่าคนของพวกเขาต่างเคยย้ายไปทำสงครามต่อที่ฝูเจี้ยน เคยต่อต้านโจรสลัดญี่ปุ่น และปีนออกมาจากกองคนตาย แค่เพียงเรื่องนี้ ในด้านกองทัพก็แข็งแกร่งกว่าเหล่ากองกำลังรักษาพระนครแล้ว
จงเทียนอี้ยิ่งหยอกซื่อจื่อชินเอินป๋อเล่น
ส่วนนายท่านกับซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกง…แม้จนถึงตอนนี้จะยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้เช่นกัน แต่ดูท่าทางของพวกเขา ก็ไม่มีใครสามารถล้มอีกฝ่ายได้ในทีเดียว
ปิงเหอกลอกตาตลอด
หากเขาบอกว่าหลี่เชียนเก่งกว่าซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกง ท่านหญิงจะให้หลี่เชียนหยุดมือหรือไม่ และซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงจะฉวยโอกาสนี้ฆ่าหลี่เชียนหรือไม่?
หากเขาบอกว่าซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงเก่งกว่าหลี่เชียน ท่านหญิงจะได้ใจ และวิ่งออกไปก่อกวนจิตใจของหลี่เชียน ทำให้เขาพ่ายแพ้ซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงหรือไม่?
ปิงเหอทำได้เพียงเอ่ยอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ข้า…ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ”
เจียงเซี่ยนร้อนใจมาก มองซ้ายมองขวา ก็ไม่มีคนที่บอกได้อย่างชัดเจนอยู่ข้างกายสักคน
นางจำเป็นต้องเอ่ยกับหลิวตงเยว่ว่า “ไป พวกเราไปดูที่ห้องตะวันออกของห้องโถงตรงประตูใหญ่”
ห้องตะวันออกของห้องโถงตรงประตูใหญ่นั้นประตูติดกระดาษเกาหลี[1] หากยืนอยู่ในประตูก็มองเห็นเพียงแค่รำไรเว้นแต่ว่าจะจุดโคมไฟตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้นก็มองเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าห้องตะวันออกของห้องโถงตรงประตูใหญ่มีคนหรือไม่
หลิวตงเยว่ก็ใจเต้นตลอดเช่นกัน
นี่หากคุณชายใหญ่ได้รับบาดเจ็บที่นี่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว ต่อให้ท่านหญิงชอบพอใต้เท้าหลี่เพียงใด ก็เกรงว่าเจิ้นกั๋วกงจะไม่ปล่อยใต้เท้าหลี่ไปง่ายๆ แถมท่านหญิงยังอาจจะทำให้เจิ้นกั๋วกงไม่พอใจเพราะเรื่องนี้ จนทั้งสองคนค่อยๆ ห่างกันไปด้วย!
หลิวตงเยว่รีบประคองเจียงเซี่ยนเข้าไปในห้องโถงตรงประตูใหญ่
ปิงเหอทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงตามไปด้วย
หลิวตงเยว่ใช้มือฉีกกระดาษเกาหลีที่ติดอยู่บนประตูออกเป็นรูเล็กๆ อย่างเอาใจใส่มาก แล้วเรียกเจียงเซี่ยน”ท่านหญิง ตรงนี้เห็นชัด ท่านมาดูเถอะขอรับ! ข้าว่าซื่อจื่อชินเอินป๋อดูท่าไม่ค่อยดีแล้ว…”
เขาเอ่ยพลางหลบไปข้างๆ
เจียงเซี่ยนตกใจมาก จึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องมารยาทอะไรแล้ว นางเข้าไปใกล้รูเล็กๆ และมองออกไปข้างนอก
เพราะอยู่ใกล้ นางจึงเห็นได้ชัดขึ้นแล้วเช่นกัน หวังจ้านไม่รู้ว่าเหงื่อออกเต็มศีรษะตั้งแต่เมื่อไร หน้าเขียว และเหมือนจะยกดาบในมือไม่ขึ้นแล้ว ยังดีที่จงเทียนอี้ดูเหมือนไม่ได้คิดร้ายอะไร และเพียงแค่ประลองฝีมือกับหวังจ้านเป็นระยะเท่านั้น
ทว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาเหมือนกัน?
เจียงเซี่ยนอดที่จะเหลือบไปมองหลี่เชียนกับเจียงลวี่ที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้
นางไม่มองก็ยังดี พอมองไปเกือบจะเป็นลม
กระบี่อ่อนของเจียงลวี่ว่องไวราวอสรพิษ เวลาเพียงแค่นี้ก็กรีดแขนของหลี่เชียนเป็นร่องจนแขนเสื้อขาด เผยให้เห็นผิวขาวผ่องและไข่มุกสีเลือดพวงหนึ่ง
เจียงเซี่ยนอดที่จะปิดปากไม่ได้
กระบี่อ่อนของเจียงลวี่พุ่งไปที่คอของหลี่เชียนอย่างรวดเร็วเหมือนแส้
นี่หากฟันลงบนคอ…หลี่เชียนจะรอดหรือ!
เจียงเซี่ยนหน้ามืดไปพักหนึ่ง
ในใจของนาง หลี่เชียนเป็นคนที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง ฟ้าถล่มลงมาเขาก็ไม่มีทางล้มลงมาโดยตลอด…เพราะการปรากฏตัวของนาง เขาจึงเป็นคนสนิทของเฉาไทเฮา และก็เพราะการปรากฏตัวของเขา เขาฉุดนางมาแต่งงาน…เขาจะไม่ตายที่นี่เพราะนางใช่หรือไม่?
เป็นมาคนมาสองชาติ นางไม่เคยคิดว่าหลี่เชียนจะตายมาก่อนเลย!
หัวใจของเจียงเซี่ยนเหมือนรัวกลอง นางร้อนใจเป็นอย่างมาก
เหมือนยืนอยู่ริมหน้าผา หากไม่ระวังก็จะถูกลมพัดตกลงไปในสระน้ำลึก
นางอยากอ้าปากตะโกนบอกหลี่เชียนว่า ‘ระวัง’ ก็กลัวว่าหลี่เชียนจะเสียสมาธิและกลายเป็นทำให้เจียงลวี่ได้เปรียบ นางอยากตะโกนบอกเจียงลวี่ว่า ‘หยุดมือ’ ก็กลัวเจียงลวี่จะถามนางว่าทำไมถึงช่วยคนนอก แล้วถึงเวลานั้นนางจะตอบอย่างไร?
เจียงเซี่ยนความคิดตีกันยุ่งเหยิง จนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีกันแน่ไปชั่วขณะ
แต่ทางหลี่เชียนหันตัวและก้มศีรษะหลบกระบี่อ่อนของเจียงลวี่แล้ว
เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็โล่งอก
แค่เจียงลวี่สะบัดข้อมือ กระบี่อ่อนก็วาดเป็นวงกลมกลางอากาศ และวาดไปที่เอวของหลี่เชียน
หลี่เชียนเขย่งปลายเท้า และตีลังกาครั้งหนึ่งกลางอากาศ และตกลงข้างกายเจียงลวี่ ทว่าดาบพิชิตอาชาในมือกลับจรดลงบนข้อมือของเจียงลวี่
กระบี่อ่อนของเจียงลวี่ร่วงลงบนพื้น
ปากที่ปิดอยู่ของเจียงเซี่ยนส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมาเหมือนเสียงร้องไห้
ทันใดนั้นเจียงลวี่ก็ยื่นเท้าออกมารับกระบี่อ่อนเอาไว้ และโยนขึ้นกลางอากาศ และพลิกมือรับกระบี่อ่อนเอาไว้
เจียงเซี่ยนถอนหายใจ
ดาบของหลี่เชียนฟันไปทางเจียงลวี่แล้ว
เจียงลวี่ถอยหลังติดกันสองสามก้าว กระบี่อ่อนพันตัวดาบของหลี่เชียนเอาไว้แล้ว
ทั้งสองคนต่างไม่มีใครยอมใคร จึงติดอยู่ด้วยกัน
ทว่าจู่ๆ จงเทียนอี้ที่หยอกหวังจ้านเล่นมาตลอดก็หัวเราะเสียงดังและเอ่ยว่า “จงเฉวียน ทางเจ้ายังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้อีกหรือ? ข้าเห็นพลุแล้ว เหล่าแม่ทัพจากต้าถงถูกสกัดไว้ที่ตีนเขาแล้ว จะให้ข้าหิ้วศีรษะของหวังจ้านไปอธิบายเหตุผลกับทหารเหล่านั้นหรือไม่!”
เจียงลวี่รู้ดีว่าหลี่เชียนไม่กล้าฆ่าหวังจ้าน แต่คำพูดของจงเทียนอี้ก็ยังทำให้เขากระวนกระวายใจอยู่ดี
หวังจ้านเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจวนชินเอินป๋อ หากเกิดเรื่องขึ้นกับหวังจ้านที่นี่ ต่อให้เขาพาเจียงเซี่ยนกลับไป ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือท่านพ่อก็ไม่อาจอธิบายกับไทฮองไทเฮาและจวนชินเอินป๋อได้ทั้งนั้น
เขาอดที่จะแอบรู้สึกเสียดายไม่ได้ และหันหน้าไปมองหวังจ้าน
หลี่เชียนยิ้มอย่างผ่อนคลาย และออกแรงมือ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ เขาสะบัดกระบี่อ่อนของเจียงลวี่ออก และฟันไปตรงหน้าเจียงลวี่
—————————————
[1] กระดาษเกาหลี เป็นกระดาษที่ราชสำนักเกาหลีในสมัยโบราณส่งมาเป็นของบรรณาการแก่ราชสำนักจีน ใช้สำหรับการเขียนหนังสือและการวาดภาพ