มู่หนานจือ - บทที่ 193 สองฉบับ
เจียงเซี่ยนเห็นเฉาเซวียนมองนางด้วยสายตาเซื่องซึมเล็กน้อยและไม่พูดไม่จา พอคิดถึงสภาพของตนเองในเวลานี้…ก็ไอเบาๆ อย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
เฉาเซวียนได้สติกลับมา
เจียงเซี่ยนก็เรียกอย่างสุภาพและมีมารยาทว่า “เฉิงเอินกง”
เฉาเซวียนเห็นหลิวตงเยว่ที่ยืนอยู่ข้างนางอย่างเชื่อฟังแต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้ธรรมดา มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย
สองคนนี้ ทุกคนต่างร้อนใจจนเป็นร้อนในเพราะพวกเขา แต่พวกเขากลับสบายใจและไร้ความกังวลเหมือนออกมาเที่ยวเล่น…
“เจียหนาน” เขาขี้เกียจที่จะมองทั้งสองคนอีก จึงเอ่ยว่า “ข้าได้รับมอบหมายจากไทฮองไทเฮา มีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า”
เจียงเซี่ยนก็รู้ว่าจุดประสงค์ที่เฉาเซวียนมาไม่ธรรมดาตั้งแต่ตอนที่เฉาเซวียนยืนกรานที่จะพบนางแล้ว
นางส่งสายตาให้หลิวตงเยว่
หลิวตงเยว่ก้มหน้าเล็กน้อย และเดินออกไปอย่างแผ่วเบา
“เฉิงเอินกงเชิญนั่ง!” เจียงเซี่ยนชี้เก้าอี้ไท่ซือตัวที่อยู่ต่ำกว่า และลุกขึ้นรินชาให้เฉาเซวียนด้วยตนเอง
เฉาเซวียนขอบคุณเสียงเบา และดื่มชาสองสามอึก เขาครุ่นคิดอยู่ในใจชั่วครู่ ก็เล่าเรื่องตั้งแต่นางหายตัวไปให้เจียงเซี่ยนฟังทีละเรื่อง
เจียงเซี่ยนทั้งตกใจและดีใจ
ที่ตกใจคือคิดไม่ถึงว่าทุกคนจะชี้ปลายหอกไปที่จ้าวอี้ สุดท้ายกลายเป็นเสียเวลาไปหลายวันกว่าจะตามมา ที่ยิ่งคิดไม่ถึงคือความสัมพันธ์ของตระกูลหลี่กับตระกูลเจียงจะถูกเปิดโปงพราะเรื่องนี้ ที่ดีใจคือไป๋ซู่สมกับที่เป็นพี่น้องที่สนิทสนมของนางมาสองชาติ คนอื่นต่างคิดว่านางหนีตามผู้ชายไป มีแต่ไป๋ซู่ที่ไม่เชื่อ
เช่นนั้นทำไมเฉาเซวียนถึงมาประกาศราชโองการอีก?
เขาได้รับมอบหมายจากไทฮองไทเฮาจริงหรือ?
แล้วราชโองการฉบับนี้…เขียนอะไรบ้างกันแน่?
เจียงเซี่ยนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็กลัวเฉาเซวียนที่เวลานี้ยังไม่แน่ใจว่าอยู่ฝ่ายใดจะดูออก จึงหลุบตาลงและดื่มน้ำชาติดกันสองสามอึก
เฉาเซวียนคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเจียงเซี่ยนจะเป็นคนติดต่อเรื่องนี้กับทั้งสองฝ่ายในนั้น
เขาคิดว่าเจียงเซี่ยนไม่เข้าใจเรื่องลับลมคมในในนี้ จึงไม่ได้บอกเจตนาของตนองอีกเช่นกัน เพียงแค่บอกนางว่า “ไทเฮากลัวว่าอาลวี่กับอาจ้านอายุยังน้อย ไม่รู้จักวางตัวและชอบเอาชนะ จะไม่ยอมรับพระราชเสาวนีย์ จึงให้ข้านำพระราชเสาวนีย์ไปหาไทฮองไทเฮาโดยตรงเพื่อเปลี่ยนพระราชโองการ…”
เจียงเซี่ยนมองเฉาเซวียนอย่างประหลาดใจ
เฉาไทเฮาพระราชทานงานสมรสให้นางกับหลี่เชียน!
นางไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่?
ตระกูลเจียงกับตระกูลหลี่เกี่ยวดองกัน แล้วจะมีเฉาไทเฮาไว้ทำไม!
ต่อให้เฉาไทเฮาเลอะเลือนแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะเลอะเลือนถึงขั้นนี้เช่นกัน
นางเบิกตาโตมองเฉาเซวียน
ทุกครั้งที่เฉาเซวียนเจอเจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนจะดูเย็นชาตลอด เจียงเซี่ยนที่ร่าเริงสดใสแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก จึงอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ จนหน้าตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เขายิ่งหล่อเหลาและสง่างามเหมือนดอกโกฐสอและดอกกล้วยไม้ที่ผลิบาน
เขาเล่าให้เจียงเซี่ยนฟังทั้งหมดว่าไทฮองไทเฮาบุกเข้าไปในฝ่ายตราประทับอย่างไร สั่งให้ขันทีระดับหกคนหนึ่งฆ่าตัวตายทันทีโดยไม่พูดอะไรเลยอย่างไร เหล่าหัวหน้าขันทีสิบสองฝ่ายของกรมวังก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและพากันปิดประตูไม่ออกมาอย่างไร แล้วหลิวเสี่ยวหม่านก็ยืมม้าเหงื่อโลหิตของจ้าวอี้และนำเทียบขอพบของเจียงเจิ้นหยวนเจิ้นกั๋วกงมาส่งเขาออกจากเมืองหลวงอย่างไร
เจียงเซี่ยนมองเฉาเซวียนอย่างตกตะลึง เดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก และพูดอะไรไม่ออกนานมาก
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!
นางก็ว่า ทำไมเฉาไทเฮาถึงพระราชทานงานสมรสให้นางกับหลี่เชียน
ต้องเป็นเพราะเฉาเซวียนรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของตระกูลหลี่กับตระกูลเจียงแล้วอย่างแน่นอน และกลัวว่าเฉาไทเฮาจะรับเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจแบบนี้ไม่ไหว จึงปิดบังให้ตระกูลหลี่ต่อหน้าเฉาไทเฮา โดยบอกว่านางถูกหลี่เชียนลักพาตัวไปแทนที่จะบอกว่าหลี่เชียนฉุดนางไปแต่งงาน ในสถานการณ์แบบนี้ เฉาไทเฮาจำเป็นต้องออกพระราชเสาวนีย์ให้เจียงเซี่ยนแต่งงานกับหลี่เชียนเพื่อปัดความรับผิดชอบเหตุการณ์ลักพาตัวในครั้งนี้…ดังนั้นเฉาเซวียนถึงได้เข้าวังไปหลอกไทฮองไทเฮา และทำให้พระราชเสาวนีย์กลายเป็นพระราชโองการ
ไทฮองไทเฮาคงจะไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องจริง เชื่อคำพูดของเฉาเซวียน และคิดว่านางหนีตามหลี่เชียนมาใช่หรือไม่?
นางนึกถึงที่ไทฮองไทเฮาซ่อนเร้นความสามารถและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นตลอดหลายปีนี้ หวังเพียงว่านางจะเติบโตอย่างปลอดภัย และจวนชินเอินป๋อได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเกินครึ่งชีวิต ทว่าเวลานี้บุกไปที่ฝ่ายประทับตราเพื่อนาง ถึงพวกหัวหน้าขันทีจะพากันแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและปิดบังจ้าวอี้ได้ แต่นี่ไม่ใช่แผนการระยะยาว นานๆ ไป ไม่ช้าก็เร็วจ้าวอี้ก็จะรู้
แอบประทับตราลงในราชโองการ
นี่เป็นความผิดใหญ่ที่สั่นคลอนอำนาจของฮ่องเต้และสั่นคลอนแคว้น เหมือนวางแผนก่อกบฏ
จ้าวอี้เป็นคนเย็นชา หลังจากว่าราชการด้วยตนเองยังยืนหยัดไม่ได้ก็เริ่มป้องกันตระกูลเจียงเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อนกับฮ่องเต้เซี่ยวจงแล้ว ถึงเวลานั้นหากเขาทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าว่าแต่ตระกูลเจียงเลย แม้แต่ไทฮองไทเฮาก็เป็นไปได้ว่าจะต้องซวยไปด้วย
ไทฮองไทเฮาระมัดระวังเรื่องคำพูดและการกระทำเป็นอย่างมากมาตลอดชีวิต สุดท้ายกลับถูกนางล่อลวงให้ทำความผิด
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเซี่ยนก็รู้สึกเสียใจและโกรธแค้นกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนนั้นที่นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่สนใจหลี่เชียนอีกก็น่าจะจัดการอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่ทำอะไรเชื่องช้าแบบนี้จนสุดท้ายทำร้ายทั้งคนอื่นและตนเอง
ส่วนเฉาเซวียนที่เป็นพันธมิตรกับนางในราชสำนักชาติก่อนนั้น ชาตินี้เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงต่างๆ จึงค่อยๆ ห่างกับนางไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นคู่แข่งแล้ว
ประกายน้ำตาพลันปรากฎขึ้นตรงขอบตาของเจียงเซี่ยนในทันใดอย่างห้ามไม่ได้
หัวใจของเฉาเซวียนเหมือนก้อนหินที่ร่วงลงไปในทะเลสาบ และจมลงไปเรื่อยๆ
ได้ยินว่าไทฮองไทเฮาคิดหาทางทำราชโองการพระราชทานงานสมรสมาให้นาง หากเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนมาจริง นางก็น่าจะดีใจมากถึงจะถูก ทว่าทำไมกลับเสียใจ จนอดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอต่อหน้าเขา
นี่ไม่ใช่ท่านหญิงเจียหนานที่เขารู้จัก
ในความทรงจำของเขา เจียงเซี่ยนดูเหมือนอ่อนโยนและน่าเข้าใกล้ แต่ความจริงแล้วกลับเย่อหยิ่งมาก จึงไม่มีทางที่จะแสดงด้านที่อ่อนแอของตนเองออกมาต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ
หรือว่าไป๋ซู่จะพูดถูกเรื่องเจียงเซี่ยน นางไม่ได้หนีตามหลี่เชียนมาทว่าถูกหลี่เชียนลักพาตัวมา?
เฉาเซวียนลูบกล่องที่เก็บราชโองการทั้งสองฉบับเอาไว้ พลางนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มสดใสของหลี่เชียน ในใจพลันรู้สึกทนไม่ได้ในทันใด
หลี่เชียนจะถูกฆ่าแบบนี้หรือ?
หลี่เชียนอายุน้อยกว่าเขาแค่สองสามปีเท่านั้น!
เจียงเซี่ยนก็ดูเหมือนไม่ได้ถูกละเลย ในเมื่อนางถูกลักพาตัวมา ตอนนั้นที่อยู่ที่หมู่บ้านทำไมไม่ร้องขอความช่วยเหลือ?
เฉาเซวียนมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกัน
ทั้งสองคนต่างคิดเรื่องในใจของตนเอง ห้องโถงจึงตกอยู่ในความเงียบไปพักหนึ่ง
นานมากทีเดียว เจียงเซี่ยนเป็นคนได้สติกลับมาก่อน
นางเติมชาให้ทั้งสองคนอีกครั้งด้วยตนเอง เพื่อจัดการความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงของตนเอง
เฉาเซวียนได้สติกลับมา และขอบคุณเจียงเซี่ยนอีกครั้ง
ทว่าจู่ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ในเมื่อไทฮองไทเฮาเสี่ยงอันตรายมากขนาดนี้เพื่อเปลี่ยนราชโองการพระราชทานงานสมรสมาให้นาง ทำไมจนถึงตอนนี้เฉาเซวียนก็ไม่อ่านให้นางฟังสักที
เจียงเซี่ยนคิดถึงชื่อเสียงเรื่อง ‘จอมวางแผน’ ของเฉาเซวียนในชาติก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะนั่งตัวตรง ปรับการหายใจ และเอ่ยอย่างพยายามทำให้ตนเองสบายที่สุดว่า “เฉิงเอินกงจะให้ข้ารับราชโองการให้ได้ แถมยังขัดขวางพวกท่านพี่ไว้ข้างนอก จริงๆ แล้วมีเรื่องอะไรจะบอกข้าเป็นการส่วนตัวหรือ?”
เฉาเซวียนอดที่จะแอบถอนหายใจกับความฉลาดของเจียงเซี่ยนไม่ได้
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า แล้วกดเสียงให้เบาลงพลางเอ่ยว่า “เจียหนาน ไทฮองไทเฮารักเจ้าดุจแก้วตาดวงใจ ก่อนที่พวกเราจะเจอเจ้า ก็ไม่มีใครกล้ารับประกันทั้งนั้นว่าสิ่งที่พวกเราได้ยินเป็นเรื่องจริง ดังนั้นไทฮองไทเฮาถึงได้ให้ข้ามา ไทฮองไทเฮาไม่ได้ให้ข้านำราชโองการมาให้เจ้าเพียงฉบับเดียว แต่นำมาสองฉบับ…ฉบับหนึ่งพระราชทานงานสมรส อีกฉบับสั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตาย เจ้าคิดว่าอย่างไร ไทฮองไทเฮาให้เจ้าตัดสินใจเองทั้งหมด…”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เจียงเซี่ยนนั่งไม่ติดอีกแล้ว นางลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าที่มองเฉาเซวียนกลายเป็นซีดเผือดในชั่วพริบตา “เจ้าว่าอย่างไรนะ? ราชโองการสองฉบับ?” นางพึมพำ “ไทฮองไทเฮาให้เจ้านำราชโองการมาสองฉบับหรือ?”
เฉาเซวียนก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขามองเจียงเซี่ยนด้วยสายตาเคร่งขรึม และพยักหน้า
เจียงเซี่ยนน้ำตาไหลพราก