มู่หนานจือ - บทที่ 222 ปรึกษาหารือ
ฮูหยินฝางตบเจียงลวี่เบาๆ แล้วเอ่ยกับเซี่ยหยวนซีด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจว่า “ทำให้ท่านเซี่ยหัวเราะเยาะแล้ว เด็กรุ่นนี้ของตระกูลเรามีเพียงอาลวี่กับเจียหนานแค่สองคน อาลวี่ดูแลน้องสาวอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก เวลานี้อยู่ๆ ก็ได้ยินว่าน้องสาวจะแต่งงานแล้ว จึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก ไม่ได้มีความหมายอื่น” นางเอ่ยพลางดึงรายการมอบสินสอดที่หลี่เชียนส่งมาออกจากมือของเจียงลวี่มาดูแวบหนึ่ง
ทองสองพันตำลึง เงินห้าหมื่นตำลึง…
ฮูหยินฝางเห็นแล้ว หางตาก็อดที่จะกระตุกเล็กน้อยไม่ได้
ดูเหมือนข่าวลือจะไม่ใช่เรื่องโกหก ตระกูลหลี่มีเงินจริงๆ …แต่ถึงจะมีเงินก็ใช้แบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน!
นี่จะทำให้เป็นกังวลถึงเพียงใดกัน!
ทว่า เวลานี้หากเอ่ยสิ่งใดไป จะเป็นการตบหน้าตระกูลหลี่…ต่อให้ตระกูลเจียงของพวกเขาแลดูมั่งคั่งเพียงใด ก็เป็นเพียงแค่ญาติที่เกี่ยวดองกันของตระกูลหลี่เท่านั้นเช่นกัน ตระกูลหลี่อยากใช้เงินอย่างไร ตระกูลเจียงไม่มีสิทธิสั่งตามใจชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พวกเขาสองตระกูลยังเพียงแค่กำหนดการสู่ขอกัน และไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ในตระกูลหลี่ต่างนิสัยใจคอเป็นอย่างไรบ้าง
“ท่านเซี่ยกลับไปแล้วขอบคุณใต้เท้าหลี่แทนข้าด้วย” ฮูหยินฝางเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “รายการสินสอดนี้พวกเรารับเอาไว้แล้ว ส่วนวันที่มอบสินสอดยังต้องรออีกสองวัน ไทฮองไทเฮาเป็นห่วงท่านหญิง จึงให้แม่นมเมิ่งนางกำนัลข้างกายนำวันมงคลหลายวันที่สำนักหอดูดาวหลวงคำนวณมาให้โดยเฉพาะ ข้าว่า…รอแม่นมเมิ่งมาแล้วค่อยกำหนดวันดีกว่า ท่านเซี่ยคิดว่าอย่างไร?”
“ไทฮองไทเฮากับฮูหยินยังคงคิดรอบคอบ” เซี่ยหยวนซีเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “ข้าจะกลับไปบอกแม่ทัพหลี่ของพวกเราเดี๋ยวนี้ขอรับ”
พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ก็มีสาวใช้วิ่งเข้ามาบอกว่า “ฮูหยิน แม่นมเมิ่งมาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินฝางดีใจจนออกนอกหน้า และรีบเอ่ยว่า “รีบเชิญนางเข้ามา! รีบเชิญนางเข้ามา!”
เซี่ยหยวนซีรีบลุกขึ้นบอกลา
ฮูหยินฝางกับเจียงลวี่หวีผมและล้างหน้าพักหนึ่ง แล้วออกไปต้อนรับเมิ่งฟางหลิง
เมิ่งฟางหลิงสวมหมวกม่านตาข่าย และพาเด็กสาวที่แต่งตัวเป็นสาวใช้สิบกว่าคนลงจากรถม้า
ฮูหยินฝางเพ่งมอง ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อต่างก็อยู่ในนั้นด้วย
“นี่เจ้า…” นางอดที่จะมองเมิ่งฟางหลิงอย่างประหลาดใจไม่ได้
เมิ่งฟางหลิงเข้ามาคารวะฮูหยินฝาง และหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “เป็นพระประสงค์ของไทฮองไทเฮาเจ้าค่ะ กลัวท่านหญิงแต่งไปอยู่ตระกูลหลี่แล้วจะไม่ชิน จึงปล่อยพวกนางในที่รับใช้ข้างกายท่านหญิงออกมา ตามท่านหญิงไปรับใช้นางที่ตระกูลหลี่”
เรื่องนี้ทุกคนต่างคิดไปในทางเดียวกัน
เมิ่งฟางหลิงรับใช้ไทฮองไทเฮา แม้แต่ฮ่องเต้เจอแล้วก็ต้องให้เกียรติเล็กน้อยเช่นกัน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮูหยินฝางที่ระมัดระวังมาโดยตลอด
นางเอียงตัวไปคารวะตอบเมิ่งฟางหลิงครึ่งหนึ่ง แล้วยิ้มพลางจับมือของเมิ่งฟางหลิง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังให้นำจดหมายไปให้ไทฮองไทเฮา อยากให้ไทฮองไทเฮาส่งไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อมา…ดูเหมือนข้าจะกังวลมากไปแล้ว”
“ที่ไหนกัน!” เมิ่งฟางหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะได้รับจดหมายจากฮูหยิน ไทฮองไทเฮาถึงได้ปล่อยคนที่อยู่ข้างกายท่านหญิงออกมา และยังตั้งใจถามความประสงค์ของพวกนางโดยเฉพาะ นอกจากไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อแล้ว ยังมีคนที่ปกติรับใช้ท่านหญิงอีกหลายคนที่ยินดีมาด้วยกัน ไม่อย่างนั้นหากทั้งหมดเป็นพวกที่ไม่รู้ธรรมเนียม ท่านหญิงคงยากที่จะได้ดื่มแม้กระทั่งชาร้อนสักถ้วย”
ฮูหยินฝางนึกถึงชีกูที่รับใช้เจียงเซี่ยนในหลายวันนี้ และยิ้มพลางเอ่ยว่า “ลูกเขยก็ถือว่าเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน ถึงแม้คนที่ส่งมาจะไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมนัก แต่ดีที่ยินดีเรียนรู้ และเรียนรู้ได้เร็วเช่นกัน…”
หลังจากเมิ่งฟางหลิงคารวะเจียงลวี่แล้ว ทั้งสองคนก็พูดคุยกัน พลางไปที่เรือนของเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนกำลังแหย่นกเล่นอยู่ใต้ชายคา
พอเห็นเมิ่งฟางหลิงก็ยิ้มและวิ่งเหยาะๆ ไปหา “แม่นม ในที่สุดท่านก็มา ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สบายดีเจ้าค่ะ ทุกคนสบายดี!” บนหน้าของเมิ่งฟางหลิงก็เผยความดีใจออกมาอย่างอดไม่ได้
“ท่านหญิงค่อยๆ เจ้าค่ะ” นางเดินเข้าไปประคองเจียงเซี่ยนไว้ พลางมองเจียงเซี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “ท่านหญิงสีหน้าดีกว่าตอนอยู่ในวัง”
แสดงว่าหลายวันนี้ใช้ชีวิตสบายมาก
เจียงเซี่ยนหัวเราะ แล้วก็เห็นพวกไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อที่ก้มหน้าก้มตาตามอยู่หลังเมิ่งฟางหลิง
“ในที่สุดพวกเจ้าก็มา!” นางถอนหายใจยาวเหยียด และเอ่ยว่า “หลายวันนี้ข้าเป็นห่วงพวกเจ้าอยู่ตลอด พวกดอกกล้วยไม้ที่ข้าเลี้ยงไว้ในวังฉือหนิงเป็นอย่างไรบ้าง? เบญจมาศสีดำแตกกิ่งแล้วย้ายกระถางหรือยัง?”
“ท่านหญิง!” ทุกคนคารวะเจียหนานพร้อมกัน ไป่เจี๋ยยิ้มและเอ่ยว่า “ทุกอย่างจัดการตามที่ท่านหญิงสั่งตอนที่อยู่ในวัง พวกดอกกล้วยไม้พวกเราเช็ดใบให้มันทุกวัน เบญจมาศสีดำก็แตกกิ่งและย้ายกระถางแล้ว มีตาข่ายที่ท่านหญิงถักไว้ครึ่งหนึ่งด้วย พวกเราเอามาด้วยเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ?!” เจียงเซี่ยนพาพวกนางเข้าไปในห้องโถงอย่างดีใจ
ไป๋ซู่ได้ข่าวแล้วก็รีบมาเช่นกัน
พวกชีกูเข้ามาพบเมิ่งฟางหลิง
เมิ่งฟางหลิงคารวะพวกนางอย่างถ่อมตน สุภาพ และสนิทสนม แล้วมอบของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกให้ และให้คนไปหามหีบสัมภาระที่บรรจุพวกของใช้ที่ปกติเจียงเซี่ยนใช้ประจำเข้ามา แล้วสั่งให้พวกไป่เจี๋ยจัดสถานที่ที่เจียงเซี่ยนอยู่ก่อน
พวกไป่เจี๋ยขานรับด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าค่ะ” ในห้องมีสตรีอยู่มากมาย จึงกลายเป็นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เจียงเซี่ยนชอบความคึกคักแบบนี้มาโดยตลอด จึงอดที่จะยิ้มตาหยีไม่ได้
แต่เมิ่งฟางหลิงกลับเห็นข้าวฟ่างสองเม็ดติดอยู่บนชายเสื้อของเจียงเซี่ยน จึงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิงเลี้ยงนกขมิ้นสองตัวตั้งแต่เมื่อไร? ดูลักษณะภายนอกเหมือนจะเป็นท้ายทอยดำ”
“เป็นท้ายทอยดำจริงๆ” เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
ไป๋ซู่อดไม่ได้ “สองวันก่อนใต้เท้าหลี่ให้คนส่งมา บอกว่ากลัวท่านหญิงเบื่อ”
เจียงเซี่ยนเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย
เมิ่งฟางหลิงกับฮูหยินฝางสบตากันและยิ้ม แล้วก็เปลี่ยนเรื่อง “เวลานี้สถานการณ์ทางการเมืองในเมืองหลวงกำลังไม่แน่นอน เฉาไทเฮาอยากตั้งคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันลู่โหวเป็นฮองเฮา แต่ฝ่าบาทกลับพอพระทัยคุณหนูใหญ่ไช่ของตระกูลจิ้นอันโหว ตระกูลเติ้งก็ดันบังเอิญให้ลูกสาวเข้าวังพอดี ทว่าตระกูลไช่เล็งตำแหน่งฮองเฮาเอาไว้ วังฉือหนิงกลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาทันที วันนี้หากไม่มีคนได้รับลายมือของตระกูลเติ้ง และเข้าวังมาขอให้ไทฮองไทเฮาช่วยบอกปัดก็ตระกูลไช่ขอให้คนเข้าวังมาขอให้ไทฮองไทเฮาช่วยขอร้องให้ ไทฮองไทเฮารำคาญจนทนไม่ไหว ตอนนี้จึงอ้างว่าประชวรและอยู่ในวังฉือหนิง…”
เจียงเซี่ยนอดที่จะร้องเบาๆ อย่างตกใจไม่ได้
เมิ่งฟางหลิงรีบเอ่ยว่า “ไทฮองไทเฮาไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงแค่เป็นห่วงว่าท่านหญิงอยู่ทางนี้จะสบายดีหรือไม่ ไทฮองไทเฮายังให้ข้านำจดหมายมาให้ท่านหญิงด้วย” นางพูดอยู่ นางในที่รับใช้ข้างกายนางก็ถือกล่องไม้จันทน์แดงใบเล็กเข้ามา
เจียงเซี่ยนขออภัย และเปิดจดหมายต่อหน้าฮูหยินฝางกับเมิ่งฟางหลิงอย่างร้อนใจ
ไทฮองไทเฮาเป็นอย่างที่เมิ่งฟางหลิงบอกจริงๆ สบายดีและกินได้ดี แค่เป็นห่วงว่าเจียงเซี่ยนจะไม่ชินกับการใช้ชีวิตที่ซานซี
เจียงเซี่ยนส่งเมิ่งฟางหลิงกับฮูหยินฝางออกไปแล้วก็กลับห้องไปตอบจดหมายไทฮองไทเฮา และฝากให้ฉีเซิ่งส่งม้าเร็วเข้าวังอย่างเร็วที่สุด
เมิ่งฟางหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้าและพักผ่อนครู่หนึ่ง หลังจากเจอฮูหยินฉีแล้ว ทุกคนก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับนางที่โถงบุปผา
หลังอาหาร เมิ่งฟางหลิง ฮูหยินฝาง และฮูหยินฉีรวมตัวกันชั่วคราว ส่วนเจียงเซี่ยน ไป๋ซู่ และพี่น้องสกุลฉีชมดอกไม้อยู่ในลาน
เมิ่งฟางหลิงถึงมีโอกาสเอ่ยถึงวันหลายวันที่สำนักหอดูดาวหลวงกำหนดมา “วันที่หกเดือนห้า วันที่ยี่สิบสี่เดือนห้า วันที่แปดเดือนหก วันที่สิบสี่เดือนหก…ล้วนเป็นวันดี ไกลอีกหน่อย ก็ช่วงเดือนเก้าแล้ว ไทฮองไทเฮาคิดว่าไกลไปหน่อย สำนักหอดูดาวหลวงจึงไม่ได้คำนวณ”
ฮูหยินฉีเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น…กำหนดวันที่มอบสินสอดเป็นวันที่หกเดือนห้า และกำหนดวันแต่งงานเป็นวันที่ยี่สิบสี่เดือนห้า?”
พวกเมิ่งฟางหลิงอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน
ในเมื่อไทฮองไทเฮาส่งนางออกจากวัง ก็คืออยากให้จัดพิธีแต่งงานเร็วหน่อย และสองวันนี้ก็เป็นวันที่ใกล้ที่สุดแล้วในตอนนี้
———————————-