มู่หนานจือ - บทที่ 238 ว้าวุ่นใจ
เมิ่งฟางหลิงได้ยินแล้วก็อดที่จะแอบพยักหน้าไม่ได้
ในที่สุดท่านหญิงของพวกนางก็โตแล้ว
รู้ว่าเจออะไรต้องใช้ความคิด จะปล่อยผ่านไปและคล้อยตามคนอื่นไม่ได้แล้ว
เช่นนั้นนางแต่งงานไปอยู่ตระกูลหลี่ ก็น่าจะใช้ชีวิตในครอบครัวเล็กๆ ของตนเองได้อย่างสุขสบายกระมัง!
เมิ่งฟางหลิงปลื้มใจมาก
ฉีซวงร้องว่า “ว้าว” และเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านหญิง ช่างฉลาดจริงๆ! ทำไมพวกเราถึงคิดไม่ถึง! ข้าเพียงแค่รู้สึกว่านางมาอย่างน่าสงสัยเล็กน้อย แต่คิดไม่ถึงว่านางจะมาเพราะมีธุระ”
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย
ฉีตานก็เอ่ยว่า “ท่านหญิง แบบนี้ คุณหนูจินก็ไม่ต้องแต่งงานกับเซ่าหยางแล้วใช่หรือไม่?”
สายตาที่นางมองเจียงเซี่ยนทอประกายวิบวับ เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เจียงเซี่ยนอึ้งไป แล้วก็รู้สึกทนไม่ค่อยได้ขึ้นมาทันที พลางครุ่นคิดว่าจะตอบนางอย่างไรดี ทว่าไป๋ซู่ที่มองออกว่าเจียงเซี่ยนลำบากใจเล็กน้อยกลับเอ่ยต่อแล้วว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าฮูหยินเฒ่าหวงจะยอมออกหน้าให้คุณหนูจินหรือไม่แล้ว!”
ฉีตานแปลกใจ
ไป๋ซู่เอ่ยว่า “เมื่อครู่พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูจินก็เป็นคุณหนูใหญ่แห่งกองบัญชาการ แต่คุณหนูโหยวที่เป็นเพียงผู้หญิงที่มาจากตระกูลพ่อค้า กลับกล้าเลื่อยขาเก้าอี้คุณหนูจินต่อหน้าคนนอก เพราะป้าของตนเองเป็นป้าสะใภ้ของคุณหนูจิน แสดงว่าตระกูลหวงก็อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณหนูจินขนาดนั้นเช่นกัน คุณหนูจินไปครั้งนี้จะสุขหรือทุกข์ ก็ไม่มีใครบอกได้แน่ชัด!”
“เช่นนั้นหรือ!” ฉีตานสีหน้าหม่นหมอง
ฉีซวงมองพี่สาวครั้งหนึ่ง และเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “เช่นนั้น….เช่นนั้นพวกเราช่วยคุณหนูจินไม่ได้หรือ?”
“จะช่วยอย่างไร?” ไป๋ซู่ถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “วาสนาในการแต่งงานเป็นสิ่งดีที่ผูกสองตระกูลไว้ด้วยกัน เป็นเรื่องใหญ่ของวงศ์ตระกูล อย่าว่าแต่พวกเราเลย แม้แต่ทางการก็ยุ่งไม่ได้เช่นกัน”
ราชวงศ์ปัจจุบันพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล หลายแห่งทางการก็ไม่มีกำลังคนแล้วก็ไร้ซึ่งกำลังกายกับกำลังใจอย่างสิ้นเชิง จึงจำเป็นต้องยืมกำลังจากแต่ละตระกูลมาควบคุมลูกหลานหากเจอเรื่องอะไร จึงชินกับการให้คนในตระกูลเดียวกันจัดการก่อนเช่นกัน คนในตระกูลเดียวกันจัดการไม่ได้ ถึงจะไปหาทางการ ตระกูลกับทางการเป็นความสัมพันธ์แบบช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังนั้นทางการจึงให้ความสำคัญกับการตัดสินของตระกูลมาก จนไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงงานของตระกูล และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ยังไม่ต้องพูดถึงที่เวลานี้เจียงเซี่ยนเป็นเพียงท่านหญิงเล็กๆ คนหนึ่ง ต่อให้ชาติก่อนนางเป็นไทเฮา ก็ไม่สามารถใช้อำนาจก้าวก่ายเรื่องแต่งงานของตระกูลจินกับตระกูลเซ่าได้อยู่ดี
พี่น้องสกุลฉีก็เข้าใจเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ตัดใจเท่านั้นเอง
สองพี่น้องคิดแล้วก็รู้สึกโกรธมาก จึงเอ่ยว่า “สังคมนี้ไม่ยุติธรรมกับสตรีจริงๆ!”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ!” เมิ่งฟางหลิงก็รู้สึกเหมือนกัน และเอ่ยว่า “ทว่าสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ก็เป็นแบบนี้ แต่ละคนต่างมีโชคชะตาของตนเอง ไม่มีใครบังคับได้!”
นางอยากสื่อว่าให้จินย่วนยอมรับชะตากรรม
ทุกคนอดที่จะถอนหายใจอีกครั้งไม่ได้ และต่างก็หวังว่าฮูหยินเฒ่าหวงจะช่วยออกหน้าบอกปัดการแต่งงานนี้ให้จินย่วนได้
เจียงเซี่ยนไม่เอ่ยสิ่งใด
ชาติก่อนนางตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก มีแต่พวกอย่างจินไห่เทาที่สามารถเข้าสู่สายตาของนางได้ แม้แต่ผู้สืบทอดตระกูลอย่างเซ่าเจียงกับจินเซียว ก่อนที่จะสืบทอดกิจการของตระกูลนั้น ต่อให้นางได้ยินชื่อก็จำไม่ได้อยู่ดี จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีจากเรือนด้านในที่ทั้งไม่ได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์และไม่มีระดับของขุนนางอย่างจินย่วน
นางไม่รู้ว่าสุดท้ายจินย่วนได้แต่งงานกับเซ่าหยางหรือไม่?
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายใช้ชีวิตสุขสบายไหม?
นางรู้แค่ว่า ตระกูลเซ่าเหมือนกับตระกูลจิน ต่างจมอยู่ในแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์ และไม่ทิ้งหยดน้ำกับฟองคลื่นเอาไว้แม้แต่น้อย ภายใต้การบดขยี้ที่ทรงพลังของหลี่เชียน
บนโลกใบนี้ยังมีสตรีที่เหมือนกับจินย่วนอีกสักกี่คนกัน?
เจียงเซี่ยนรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย
ชาติก่อน ไม่ว่าจะตระกูลเซ่าหรือตระกูลจิน ในสายตาของนางก็ล้วนเป็นเพียงชื่อที่เขียนอยู่ในฎีกาชื่อหนึ่ง มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ ทุกข์และสุขแค่ไหนก็ทำให้นางรู้สึกได้ยากมากเช่นกัน ทว่าชาตินี้นางบังเอิญได้รู้จักจินย่วนและจินเซียวแล้ว พวกเขาเป็นคนที่มีชีวิต นางรู้หน้าตาของพวกเขา รู้ท่าทางในการพูดของพวกเขา รู้ความเจ็บปวดรวดร้าวของพวกเขา คนๆ นี้ในใจนางก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว
เจียงเซี่ยนตบโต๊ะและลุกขึ้น
ทุกคนแปลกใจ และมองนางพร้อมกันอย่างเงียบเชียบ
เจียงเซี่ยนถึงรู้สึกตัวว่าตนเองลืมตัว
นางยิ้มอย่างเก้อเขิน และเอ่ยว่า “ข้าเพียงแค่จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่ง”
ทุกคนต่างถอนหายใจยาวเหยียด
พี่น้องสกุลฉีตบหน้าอกพลางเอ่ยว่า “ท่านหญิง มีอะไรก็สั่งมาได้เต็มที่ มาอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ พวกเราเกือบตกใจตาย!”
เจียงเซี่ยนหัวเราะ และเอ่ยว่า “พวกเราไปหาจินเซียวกันเถอะ!”
สีหน้าของพี่น้องสกุลฉีเต็มไปด้วยความงุนงง และเอ่ยว่า “หาแม่ทัพจินทำไมหรือ?” พูดไป ทั้งสองคนก็เบิกตาโตเหมือนเข้าใจทันที และเอ่ยว่า “ท่านหญิงจะไปหาใต้เท้าหลี่ใช่หรือไม่? ไม่ใช่ว่าก่อนแต่งงานคู่หมั้นห้ามเจอกันหรือ? และใต้เท้าหลี่ยังกำลังดื่มสุรากับเพื่อนอยู่ด้วย พวกเราไปหาแบบนี้จะเหมาะสมหรือ?”
เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างโมโหว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับหลี่เชียน? พวกเราจะไปหาจินเซียวต่างหาก!”
พี่น้องสกุลฉีเอ่ยว่า “ใช่” ติดกันหลายครั้ง ทว่าสีหน้ากลับไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว
เจียงเซี่ยนโกรธสุดขีด และเอ่ยว่า “คนอื่นก่อนแต่งงานยังต้องอยู่ในหอเย็บปัก ไม่ออกไปพบปะคนนอก? แล้วทำไมพวกเราถึงมานั่งดื่มชาอยู่ที่หออี้เซียนล่ะ?”
พี่น้องสกุลฉีปิดปาก
ในใจเจียงเซี่ยนถึงรู้สึกดีขึ้นหน่อย
ไป๋ซู่ก็อธิบายว่า “ท่านหญิงอยากช่วยคุณหนูจิน พวกเราเป็นคนนอก ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้ แต่จินเซียวกลับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณหนูจิน แล้วก็เป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโตของตระกูลจิน ดังนั้นให้เขาออกหน้าเรื่องแต่งงานของคุณหนูจินจะดีที่สุด”
พี่น้องสกุลฉีหัวเราะแห้งๆ อย่างรู้สึกผิด
เจียงเซี่ยนไม่อยากสนใจพี่น้องคู่นี้แล้ว
นางเรียกหลิวตงเยว่เข้ามา ให้เขาไปสืบข่าวของหลี่เชียน “…คุณหนูโหยวบอกว่า เขาอยู่แถวนี้”
หลิวตงเยว่ยิ้มพลางขานรับและจากไป
เจียงเซี่ยนนั่งลงและดื่มชาไปพลางระหว่างรอ
พี่น้องสกุลฉีเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม คนหนึ่งเรียก “ท่านหญิง” อีกคนเอ่ยว่า “ข้าก็รู้ว่าท่านหญิงเป็นพวกยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่มีทางที่จะเห็นคนลำบากแล้วไม่ช่วยเหลือแน่!”
เรื่องราวผ่านไปแล้วใครจะไม่บอกว่าตนเองคาดเดาได้ตั้งนานแล้วล่ะ!
เจียงเซี่ยนไม่สนใจสองพี่น้องนี้แล้ว
สองพี่น้องตระกูลฉีเดี๋ยวก็ช่วยรินชาให้นาง เดี๋ยวก็ช่วยหยิบของว่างให้นาง พวกนางขอโทษอย่างจริงจังและนอบน้อม
สีหน้าของเจียงเซี่ยนถึงดูดีขึ้นหน่อย
ไป๋ซู่กลั้นยิ้ม และขอให้ทังลิ่วสอนหลักสำคัญในการชงชาดำเสียงเบา
นางเติมชาไปสองครั้ง หลิวตงเยว่ก็ย้อนกลับมา และเอ่ยว่า “ลูกเขยกับแม่ทัพจินแล้วก็เพื่อนกลุ่มใหญ่กินข้าวอยู่ที่หมู่บ้านจี่หนานขอรับ ข้าฉวยจังหวะที่พวกเด็กรับใช้นำอาหารไปให้ มองเข้าไปทางร่องประตู มีแต่พวกคนหนุ่มที่อายุใกล้เคียงกับลูกเขย ไม่เรียกทั้งนักแสดงงิ้วและนักกายกรรม เพียงแค่กำลังดื่มสุราและพูดคุยกันตามมารยาทขอรับ”
หลี่เชียนดื่มสุรากับใคร?
ดื่มสุราดอกไม้หรือไม่?
เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนาง?
เจียงเซี่ยนรู้สึกอัดอั้นตันใจ
ทว่าหลิวตงเยว่ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิง ข้าวนรอบโรงเตี๊ยมนั้นแล้ว ข้างห้องส่วนตัวที่ลูกเขยจองมีเรือนเล็กๆ อยู่หลังหนึ่ง ข้างลูกกรงหน้าต่างใกล้ห้องส่วนตัวปลูกไผ่เหมาจู๋[1]ไว้แถวหนึ่ง หากท่านหญิงมีเรื่องอะไรจะคุยกับลูกเขย นั่นก็เป็นสถานที่ที่ดี คนในห้องส่วนตัวมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวในเรือนเล็ก แต่คนในเรือนเล็กกลับได้เสียงดังเอะอะในห้องส่วนตัว…”
นางไม่ได้จะแอบไปพบหลี่เชียนเสียหน่อย!
เจียงเซี่ยนโกรธจนพูดไม่ออกแล้ว
เมิ่งฟางหลิงเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงรีบแก้หน้าให้เจียงเซี่ยน โดยเอ่ยว่า “ตงเยว่คิดรอบคอบมาก เรื่องของคุณหนูตระกูลจินนี้ อย่างไรพวกเราก็ไม่สามารถไปถามจินเซียวต่อหน้าทุกคนได้ และถึงอย่างไรก็เป็นคำพูดของคุณหนูโหยวเพียงฝ่ายเดียวเช่นกัน ไม่แน่จินเซียวอาจจะเคยพูดกับใต้เท้าจินไปตั้งนานแล้วก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้ผลเท่านั้นเอง ให้ลูกเขยเชิญจินเซียวไปคุยที่เรือนด้านหลัง ทั้งจะไม่ทำให้ใครได้ยินเข้า แล้วก็จะไม่ละเลยเพื่อนที่ดื่มสุราอยู่ในห้องส่วนตัว เจ้าทำได้ดีมาก!”
————————————-
[1] ไผ่โมโซ