มู่หนานจือ - บทที่ 254 เปลี่ยนแปลง
คนที่อยู่ในห้องต่างก็อึ้งไป
เจียงลวี่มองหลี่เชียนครั้งหนึ่ง และเอ่ยเหมือนอธิบายแทนหวังจ้านว่า “ก่อนหน้านี้อาจ้านบอกว่าจะมาส่งตัวเป่าหนิง แต่ตอนนี้เขาทำงานที่หน่วยซ้ายของหน่วยองครักษ์ ไม่สามารถไปไหนได้ทันที ต้องเปลี่ยนวันหยุด ข้ายังคิดว่าเขามาไม่ได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าเขายังมาทัน”
หลี่เชียนยิ้มและค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยว่า “ท่านลุงใหญ่ ผู้มาเป็นแขก ยิ่งกว่านั้นเฉิงเอินกงยังเป็นกึ่งพ่อสื่อของข้ากับท่านหญิงด้วย ข้าไปต้อนรับพวกเขาดีกว่าขอรับ!”
เขาเป็นลูกเขยของตระกูลเจียง แม้พวกเฉาเซวียนจะฐานะมีอำนาจมาก ทว่าก็ยังไม่มีคุณสมบัติให้เจียงเจิ้นหยวนต้อนรับด้วยตนเองอยู่ดี หลี่เชียนรับแขกแทนเจียงเจิ้นหยวน ก็เข้าใจได้เช่นกัน แต่พอเจียงเจิ้นหยวนได้ยินหลี่เชียนบอกว่าเฉาเซวียนเป็นกึ่งพ่อสื่อของเขากับเจียงเซี่ยน ก็นึกถึงสายตาและการตัดสินใจของเฉาเซวียนในการหลอกลวงเบื้องบนจนดำเนินแผนการได้ราบรื่นในเรื่องแต่งงานของเจียงเซี่ยน เจียงเจิ้นหยวนอดไม่ได้ที่จะมองเฉาเซวียนใหม่ รู้สึกว่าลูกผู้ดีมีเงินที่แต่ก่อนกินดื่มเที่ยวเล่นทั้งวันและไม่ทำงานอย่างเฉาเซวียนมีอนาคตมาก และอาจจะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งก็ได้ อย่างน้อยหากไม่ถึงตอนที่ไม่มีทางเลือกจริงๆ ตระกูลเจียงก็จะไม่ผูกความแค้นกับเฉาเซวียน
“เจ้าไปต้อนรับพวกเขากับอาลวี่เถอะ!” เจียงเจิ้นหยวนตัดสินใจทันที “พวกเขาเป็นแขก ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้พวกเจ้าต่างก็สนิทสนมกันมาก”
หลี่เชียนกับเจียงลวี่ยิ้มพลางขานว่า “ขอรับ” และไปต้อนรับเฉาเซวียน เติ้งเฉิงลู่ และหวังจ้านด้วยกัน
ส่วนเจียงเซี่ยนกำลังบอกพี่น้องสกุลฉีกับจินย่วนว่าจะใช้ดอกเทียนทาเล็บอย่างไร “…หลังจากตำให้เป็นน้ำแล้ว ต้องเติมสารส้ม ตอนที่ทา ต้องใช้ผ้าผืนบางพันปลายนิ้วเอาไว้ ไม่อย่างนั้นหากน้ำดอกเทียนเปื้อนปลายนิ้ว จะล้างออกยากมาก”
ทุกคนพยักหน้า
ไป๋ซู่เดินเข้ามา และยิ้มพลางถามพวกนางว่า “ทุกคนแพ้อะไรหรือไม่? วันนี้ห้องครัวต้มน้ำแกงถั่วเขียวแล้วก็ต้มน้ำแกงลิลลี่เม็ดบัวด้วย อากาศร้อนเกินไป ข้าคิดว่ากินน้ำแกงถั่วเขียวสักหน่อยจะดีกว่า แต่น้ำแกงถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น เจียหนานจึงกินไม่ได้ หากพวกเจ้ามีใครกินไม่ได้เหมือนกัน ข้าจะให้พวกสาวใช้ยกน้ำแกงไป่เหอเม็ดบัวเข้ามา ต่างก็อุ่นทั้งนั้น”
ทุกคนตอบโดยพร้อมเพรียงว่า “ไม่แพ้อะไรเจ้าค่ะ!”
“เช่นนั้นข้าจะให้พวกสาวใช้ยกน้ำแกงถั่วเขียวเข้ามา” ไป๋ซู่ยิ้มตาหยีและมองเจียงเซี่ยนครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “มีแต่เจ้าที่กินน้ำแกงลิลลี่เม็ดบัวแล้ว”
เจียงเซี่ยนทำหน้ามุ่ย และเอ่ยว่า “ชิงฮุ่ยกินน้ำแกงไป่เหอเม็ดบัวเป็นเพื่อนข้า”
“ข้าไม่กินเป็นเพื่อนเจ้าหรอก!” ไป๋ซู่เอ่ยพลางหัวเราะ “ใครใช้ให้เจ้าไม่ไปเดินเล่นในลานเป็นเพื่อนข้าทุกวันหลังอาหารเย็น? เจ้าก็ทำได้เพียงมองพวกเรากินน้ำแกงถั่วเขียว”
เจียงเซี่ยนประท้วงตาโต
ไป๋ซู่ไม่สนใจ และสั่งให้สาวใช้ไปยกน้ำแกงถั่วเขียวกับน้ำแกงลิลลี่เม็ดบัวทันที
พี่น้องสกุลฉีป้องปากยิ้ม
ทว่าจินย่วนกลับขอบตาแห้งผาก
ท่านหญิงเจียหนานเป็นคนที่น่าอิจฉาจริงๆ ทั้งมีคนในครอบครัวให้ท้าย ทำให้นางได้แต่งงานกับคนที่ตนเองชอบตามที่ใจปรารถนา แล้วยังมีเพื่อนสนิทที่สนิทกับนางเหมือนพี่น้อง และคบหากันอย่างจริงใจมาก
จินย่วนถือน้ำแกงถั่วเขียว และอดที่จะเอ่ยกับเจียงเซี่ยนเสียงเบาไม่ได้ว่า “ท่านหญิง วันนั้นบนหออี้เซียน ทำให้ท่านหัวเราะเยาะแล้ว!”
ไม่ว่าเจียงเซี่ยนจะมีเป้าหมายหรือความคิดอะไร เจียงเซี่ยนยินดีช่วยนางให้หลุดพ้นจากเซ่าหยาง นางก็ซาบซึ้งใจมาก นางมาพบเจียงเซี่ยน ตามหลักแล้วก็ควรจะขอบคุณเจียงเซี่ยนถึงจะถูก แต่เรื่องราวเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของนาง และเรื่องราวก็ยังไม่จบสิ้น ต่อหน้าพี่น้องสกุลฉี นางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี จึงทำได้เพียงหลบเลี่ยง และแสดงความขอบคุณของตนเองทางอ้อม
เจียงเซี่ยนนึกถึงจินย่วนที่ปฏิบัติกับคุณหนูโหยวอย่างวู่วาม และคิดว่าความอบอุ่นแบบนี้อาจจะเป็นขีดจำกัดของจินย่วน
ทว่านางอยู่ในตำแหน่งสูงมานาน คนที่เจอนางต้องจำศีลและรอโอกาส จึงไม่เห็นด้วยที่จินย่วนยอมก้มศีรษะ
นางโบกมืออย่างสบายๆ และเอ่ยว่า “ทุกบ้านต่างก็มีความลำบากของตนเอง ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียหน่อย เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” แล้วถามถึงวันเกิดของจินย่วน “ข้าได้ยินฉีตานกับฉีซวงบอกว่า ตระกูลของพวกเจ้าส่งเทียบเชิญให้พวกนางตั้งนานแล้ว อีกไม่กี่วันก็ยี่สิบแล้ว เวลานี้เจ้ายังอยู่ที่ต้าถงไม่เป็นไรหรือ?”
จินย่วนเห็นเจียงเซี่ยนไม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของนางเช่นกัน ก็อดที่จะโล่งอกไม่ได้ นางเงียบไปชั่วครู่ แล้วถึงจะเอ่ยว่า “ข้าอายุครบสิบห้าปีเต็มแล้ว ท่านพ่อคิดว่า ในเมื่อข้าโตแล้ว ก็ควรจะรีบจัดการเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อยเช่นกัน ดังนั้นถึงได้เชิญแขกมากมาย เพราะอยากฉวยโอกาสนี้จัดการเรื่องแต่งงานของข้าให้เรียบร้อย”
นั่นก็หมายความว่า ความจริงแล้วจินไห่เทาจะหมั้นให้จินย่วนกับเซ่าหยางในเวลาเดียวกันกับที่จัดพิธีปักปิ่นให้จินย่วน
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องนี้ด้วย
ในห้องเงียบและไร้ซึ่งเสียงใดไปชั่วขณะ บรรยากาศก็แลดูหนักอึ้งเล็กน้อย
จินย่วนเห็นทุกคนล้วนเป็นห่วงนางจริงๆ ก็รู้สึกเศร้า แล้วก็รู้สึกดีใจไปพร้อมๆ กัน
นางกับพวกเจียงเซี่ยนเพียงแค่พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น ทว่าพวกนางกลับเป็นห่วงนางมากกว่าคนในครอบครัวของนางเสียอีก
นางไม่อยากให้พวกเจียงเซี่ยนเศร้าเพราะนาง จึงรีบยิ้มและเอ่ยว่า “แต่ว่า…ข้ามีผู้ช่วยชีวิตช่วยเหลือ จะจัดงานเลี้ยงวันเกิดหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว!”
“ผู้ช่วยชีวิต?” ฉีตานเอ่ยอย่างแปลกใจ
เจียงเซี่ยนกำลังช่วยจินย่วนอยู่ไม่ใช่หรือ?
หรือว่าจินย่วนไม่รู้อย่างนั้นหรือ?
ความคิดของนางเพิ่งจะฉายวาบผ่านไป จินย่วนก็ยิ้มพลางเอ่ยแล้วว่า “ผู้ช่วยชีวิตของข้าก็คือท่านหญิงอย่างไรเล่า!”
เจียงเซี่ยนแอบประหลาดใจ
นางคิดว่าด้วยนิสัยของจินย่วน คงจะไม่เอ่ยคำพูดที่อ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้ออกมาต่อหน้าทุกคน
เจียงเซี่ยนเลิกคิ้ว
จินย่วนก็ยิ้มและเอ่ยแล้วว่า “พวกท่านดูสิ เดิมทีท่านพ่ออยากจัดงานใหญ่ตอนวันเกิดข้า ปรากฏว่าท่านหญิงหมั้นวันที่หก รับตัวเจ้าสาววันที่ยี่สิบสี่ ช่วงนี้ทุกคนต่างก็แย่งกันไปดูท่านหญิงแล้ว ยังมีใครว่างไปสนใจงานเลี้ยงวันเกิดของข้าหรือ? ท่านทำให้ข้าสมปรารถนาแล้ว!”
คำพูดนี้ทั้งเอ่ยเพื่อขอบคุณเจียงเซี่ยน และเป็นการแสดงท่าทีของตนเองอย่างชัดเจน นางวางตัวถูกกาลเทศะและเหมาะสมมาก
เจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่ต่างก็อดที่จะแอบพยักหน้าไม่ได้
พี่น้องสกุลฉีถามนางอย่างอยากรู้ว่า “คุณหนูจิน เช่นนั้นงานเลี้ยงวันเกิดของท่านจะจัดหรือไม่?”
“ไม่รู้” จินย่วนยิ้มพลางเอ่ยเหมือนกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง “ท่านพี่บอกแล้วว่า จะอยู่ช่วยแม่ทัพหลี่ที่นี่ ส่วนข้านั้น…ก็ขึ้นอยู่กับท่านพี่แล้วว่าจะจัดการอย่างไร!”
ทุกคนต่างก็รู้ความหมายของนาง จึงไม่ถามอะไรเพิ่มอีกเช่นกัน และเอ่ยเรื่องแต่งงานของเจียงเซี่ยน “ท่านหญิง หลังจากท่านแต่งงานแล้ว ชวนข้ากับน้องสาวไปเที่ยวตระกูลหลี่ได้หรือไม่? ข้าได้ยินคนอื่นบอกว่า บ้านส่วนตัวตรงถนนหลังกองบัญชาการซานซีของตระกูลหลี่ตกแต่งหรูหรางดงาม แม้แต่ห้องน้ำก็ใช้โถส้วม และขันด้วยไม้สีทองไหมทอง บนประตูและหน้าต่างของบ้านพวกเขาล้วนฝังกระจกเจ็ดสี…”
ฉีตานมองเจียงเซี่ยนตาโต ในดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนา
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงเอ่ยว่า “ใครเป็นคนบอกเรื่องนี้กัน?”
ฉีตานเอ่ยว่า “ทุกคนต่างก็พูดแบบนี้ แถมยังบอกว่า ตระกูลหลี่มีห้องเก็บสมบัติห้องหนึ่ง ข้างในล้วนเป็นของโบราณล้ำค่า ขอเพียงได้มาชิ้นเดียว ก็หมดกังวลเรื่องอาหารการกินไปได้ทั้งชาติ!”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วตลอด
ข่าวลือแบบนี้ มีแต่จะทำให้โจรเพ่งเล็งตระกูลหลี่มากขึ้น
ใครเป็นคนเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปกันแน่?
นางฉวยจังหวะที่พี่น้องสกุลฉีคุยกับไป๋ซู่ แอบสั่งให้ชีกูไปบอกเรื่องนี้กับหลี่เชียน
ชีกูขานรับเสียงเบาว่า “เจ้าค่ะ” และถอยออกไป
ฮูหยินฝางต้อนรับจินย่วนโดยให้ไปรับประทานอาหารที่โถงบุปผาข้างๆ เจียงเซี่ยน
ฮูหยินฉี เจียงเซี่ยน ไป๋ซู่ และพี่น้องสกุลฉีอยู่เป็นเพื่อน
ในโถงบุปผาของเรือนด้านนอก เจียงเจิ้นหยวน เจียงลวี่ และหลี่เชียนก็กำลังต้อนรับเฉาเซวียน เติ้งเฉิงลู่ และหวังจ้านเช่นกัน
แน่นอนว่าเฉาเซวียนนั้นไม่ต้องพูดถึงแล้ว เขาเติบโตมาพร้อมกับเจียงลวี่ แถมยังเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกับหลี่เชียนช่วงหนึ่ง แล้วก็มีบุญคุณที่ไปส่งราชโองการให้ไกลมาก หลังจากหลี่เชียนทักทายเขาตามพิธีแล้วก็แสดงความสนิทสนมมาก
———————————–