มู่หนานจือ - บทที่ 278 ญาติของทั้งสองฝ่ายพบกันเป็นครั้งแรก
เมื่อก่อนเจียงเซี่ยนเกลียดเรื่องพวกนี้ที่สุด และมักจะรู้สึกว่าน่าเบื่อ ทว่าวันนี้ไม่รู้ทำไม นางกลับสนใจมาก และรู้สึกว่าการพบปะพวกญาติของตระกูลหลี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง
นางสวมเสื้อกั๊กยาวผ้าไหมหังลายอริยสัจสี่สีแดงเข้ม ชายกระโปรงหน้าม้าทอลายแปดสัญลักษณ์มงคลลูกประคำสร้อยคอหยกและมุกเลี่ยมไหมทองสีเขียวเป็นมัน หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปที่เรือนตะวันออกกับหลี่เชียน
หลี่ฉางชิงที่ได้ข่าวพาบรรดาญาติและเพื่อนมารออยู่ในห้องโถงแล้ว
เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
สะใภ้ใหม่เพิ่งจะแต่งเข้ามาก็ถูกพวกญาติที่เกี่ยวดองกันในตระกูลจากชนบทบุกเข้าไป สุดท้ายสะใภ้ใหม่ยังคิดหาทางแก้หน้าให้เขา และให้คนมาเตือนเขาอีก เสียแรงที่ก่อนหน้านี้เขากำชับแล้วกำชับอีกว่า อย่าให้เกิดอะไรขึ้นเด็ดขาด สุดท้ายก็ยังเกิดเรื่องขึ้นจนได้…นี่มันเป็นการตบหน้าเขาอย่างรุนแรงไม่ใช่หรือ?
ทว่าเขาก็ยังไม่มีแม้แต่คนให้ตำหนิและสอบถามสักคน?
ฮูหยินเหอเป็นคนอย่างไร เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ทั้งที่รู้ดีว่าคนๆ นี้ไม่ได้เรื่อง ยังมอบหมายงานให้นาง เดิมทีก็เป็นเพราะเขามองคนไม่ออก จะโทษใครได้?
พวกญาติที่เกี่ยวดองกันเจอสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก อยากดูว่าท่านหญิงแห่งราชวงศ์ปัจจุบันหน้าตาเป็นอย่างไร จึงไม่สนใจการห้ามปรามของเขาและไปที่เรือนตะวันตก ส่วนคนที่เขาจัดให้เข้าเวรที่เรือนตะวันตกก็กลับขัดขวางไว้ไม่ได้ เดิมทีก็เป็นเพราะเขาไม่จัดการให้ดี จะโทษใครได้?
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสะใภ้ใหม่จะคิดว่าตระกูลหลี่ของพวกเขาไม่มีกฎระเบียบหรือไม่?
พอคิดถึงตรงนี้ หลี่ฉางชิงก็อดที่จะแอบถอนหายใจไม่ได้
เกาฝูอวี้เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะโบกพัดพับได้ที่ทาสีดำวาดลายสีทองในมือ และยิ้มพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้า ท่านหญิงเป็นสตรีของตระกูลเจียง ต่อให้นิสัยดื้อรั้นแค่ไหน ก็ยังเข้าใจหลักการของเรื่องต่างๆ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น!”
หลี่ฉางชิงหัวเราะเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้กังวลนี่! เจ้าเห็นว่าข้ากังวลตรงไหนหรือ? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นพ่อสามีของท่านหญิงเช่นกัน อย่างไรนางก็ไม่เคารพคนเป็นพ่อสามีอย่างข้าไม่ได้กระมัง? เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ได้กังวล ข้าเพียงแค่กำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะกินอะไรดีเท่านั้น? เดิมทีข้าก็ไม่รู้สึก แต่หลังจากไปฝูเจี้ยนแล้ว จู่ๆ ก็พบว่าซานซีนั้นนอกจากบะหมี่แล้วก็ไม่มีอะไรอร่อย ตอนแรกยังคิดว่าจะให้ห้องครัวเตรียมเนื้อแพะอะไรสักหน่อย แต่อากาศร้อนขนาดนี้ ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ข้าจึงให้ห้องครัวทำบะหมี่เย็น…”
เขาพูดจ้อ เปิดเผยความประหม่าและความหวาดหวั่นของเขาออกมาอย่างหมดเปลือก
เกาฝูอวี้รู้นิสัยของเขา จึงเพียงแค่ยิ้มและฟัง โดยไม่เอ่ยแทรก รอให้หลี่ฉางชิงพูดสิ่งที่อยากพูดจบแล้ว เขาก็จะสงบลงเช่นกัน
เพียงแต่ครั้งนี้สิ่งที่ทำให้เกาฝูอวี้คาดไม่ถึงคือ หลี่ฉางชิงพูดยาวกว่าปกติ จนเด็กรับใช้วิ่งเข้ามารายงานว่าท่านหญิงกับนายท่านมาแล้ว หลี่ฉางชิงถึงจะหยุดพูดอย่างกระอักกระอ่วน ดึงแขนเสื้ออย่างประหม่าเล็กน้อย ไอสองสามครั้ง แล้วถึงเอ่ยว่า “ให้พวกเขาเข้ามา”
เด็กรับใช้ขานรับและจากไป
ในห้องกลายเปลี่ยนเงียบกริบทันที บรรยากาศอึดอัดและหนักอึ้ง
เกาฝูอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น
หลี่เชียนที่สวมเสื้อคลุมลายว่านน้ำสีแดงเข้มพาเจียงเซี่ยนเดินเข้ามา
ผ้าไหมหังเนื้อบางเบาขับให้รูปร่างของเขาผอมสูงมาก หน้าตาเจือรอยยิ้ม ท่าทางฮึกเหิม บุคลิกสง่าผ่าเผย ช่างมีชีวิตชีวาและหล่อเหลาจริงๆ ทำให้หลี่ฉางชิงเห็นแล้วรอยยิ้มก็ไหลออกมาจากในดวงตา
ส่วนเจียงเซี่ยนที่ตามอยู่ข้างหลังเขานั้นสูงแค่ไหล่ของหลี่เชียน แลดูอรชรอ้อนแอ้นเล็กน้อย แต่กลับดวงตากลมโตและงดงาม จมูกโด่ง ปากแดง จอนผมสีดำ ผิวขาวเกลี้ยงเกลาเหมือนหิมะแรก อ่อนช้อยและน่ารักเหมือนเด็ก แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นเด็กที่ไม่เคยได้รับลำบากมาก่อนและถูกประคบประหงมจนโต
ยืนอยู่กับลูกชายของเขาเหมาะสมกันที่สุดแล้ว
หลี่ฉางชิงยิ้มจนแทบจะตาหยีแล้ว
ทว่าเกาฝูอวี้กลับแปลกใจเล็กน้อย
เด็กที่มาจากตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจใช่ว่าจะหน้าตาดีทุกคน พวกคนที่เติบโตมาด้วยจุดด้อยของบิดามารดาก็มีไม่น้อย ชื่อเสียงของท่านหญิงเจียหนานมาจากความโด่งดังของนาง แต่กลับไม่มีคำบอกกล่าวถึงหน้าตาของนางมากนัก โดยปกติในสถานการณ์แบบนี้ หน้าตาของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่อให้ไม่ขี้เหร่ก็จะธรรมดามาก
ถึงท่านหญิงเจียหนานจะไม่ได้มาจากตระกูลแบบนั้น ทว่าก็เป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่งอยู่ดี ถึงแม้ร่างกายจะบอบบางไปหน่อย แต่หน้าก็ยังสวยมาก กิริยาท่าทางกับรูปลักษณ์ภายนอกนั้นยิ่งไร้ที่ติ งดงามและเคร่งขรึมทว่าก็เยือกเย็นและสูงศักดิ์ ท่ามกลางกระแสแสงสะท้อนจากคลื่นน้ำ ก็เปิดเผยความเย่อหยิ่งที่เหลือบมองใต้หล้าออกมาอย่างเบาบางอีก
เกาฝูอวี้รู้สึกว่าเจียงเซี่ยนไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา
เขายังไม่เคยเห็นพลังที่น่าดึงดูดและทรงพลังแบบนี้จากผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต
พลังแบบนี้ หากปรากฏอยู่บนตัวของเจียงลวี่ เขารู้สึกว่าสมเหตุสมผล แต่หากปรากฏอยู่บนตัวเจียงเซี่ยน…เขามองอย่างไรก็รู้สึกว่าแปลกเล็กน้อย!
ทว่าสถานการณ์ในเวลานี้ไม่ยอมให้เขาคิดอย่างละเอียด และไม่ยอมให้เขาสังเกตเช่นกัน
เขาเป็นหนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดของตระกูลหลี่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือตัวแรกที่อยู่ต่ำกว่าหลี่ฉางชิง
หลี่เชียนพาเจียงเซี่ยนเดินมาถึงตรงหน้าหลี่ฉางชิงแล้ว หญิงรับใช้ที่จัดเตรียมไว้พร้อมนานแล้วรีบวางเบาะรองนั่งทรงกลมที่ทำจากธูปฤาษีลงตรงหน้าทั้งสองคน หลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่งทรงกลมที่ทำจากธูปฤาษี และก้มตัวคำนับหลี่ฉางชิงกับฮูหยินเหอพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงร้องตะโกน “เจ้าบ่าวเจ้าสาวคำนับบิดามารดา” ในพิธีต้อนรับแขก
น้ำตาของหลี่ฉางชิงเกือบจะร่วงลงมาแล้ว
เก้าอี้ไท่ซือที่อยู่ข้างกายเขาว่างเปล่า
ฮูหยินเหอนั่งอยู่ที่ที่ต่ำกว่าเก้าอี้ไท่ซือที่ว่างเปล่านั้น
เจียงเซี่ยนเข้ามาข้างในก็เห็นเก้าอี้ไท่ซือที่ว่างเปล่านั้นแล้ว
นางนึกถึงสิ่งที่หลี่เชียนบอกนางก่อนหน้านี้ ตอนนั้นก็สงสัยว่าตำแหน่งนี้หลี่ฉางชิงตั้งใจเว้นว่างไว้ให้แม่แท้ๆ ของหลี่เชียนโดยเฉพาะ เวลานี้เห็นฮูหยินเหอนั่งอยู่ที่ที่ต่ำกว่าที่ว่างนั้น ยังต้องเดาอีกที่ไหน?
นางอดที่จะเห็นใจฮูหยินเหอเล็กน้อยไม่ได้
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ หลี่ฉางชิงกลับไม่ไว้หน้าฮูหยินเหอแม้แต่นิดเดียว
มิน่าเล่าฮูหยินเหอถึงไม่มีที่ยืนในบ้านนี้แม้แต่น้อย
เจียงเซี่ยนลุกขึ้น และรับถ้วยชาที่ฮูหยินหลี่ส่งมา และประคองยกให้หลี่ฉางชิงด้วยสองมือ
หลี่ฉางชิงแลดูตื่นเต้นมาก เขารับไปดื่มอึกหนึ่งอย่างลืมตัวเล็กน้อย และหยิบซองสีแดงจากในกระเป๋าวางลงบนถาดของชีกูที่อยู่ข้างๆ “ท่านหญิง นี่เป็นโฉนดที่ดินแปลงหนึ่ง เก็บเกี่ยวได้ไม่เลว เพิ่มเงินให้ท่านเล็กน้อย”
เจียงเซี่ยนมองหลี่ฉางชิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยเสียงดังว่า “ขอบคุณท่านพ่อมาก!”
หลี่ฉางชิงเกือบจะลุกขึ้นมาเหมือนก้นถูกแทงทันที
หลี่เชียนเห็นแล้วก็กลัวว่าบิดาของเขาจะตื่นเต้นจนทำเรื่องน่าอายขึ้นมา จึงรีบยื่นชาในมือไป และเรียกว่า “ท่านพ่อ ดื่มชา!”
ถึงจะยับยั้งหลี่ฉางชิงไว้ได้
เขารับชาที่ลูกชายยื่นให้ แต่ตากลับมองเจียงเซี่ยน และเอ่ยไม่หยุดว่า “เด็กดี เด็กดี อีกสองวันพ่อค่อยให้ของเจ้าอีกเล็กน้อย จะทำให้เจ้าเสียเปรียบไปไม่ได้!”
ฮูหยินเหอได้ยินแล้วก็ก้มหน้าลง เหมือนไม่ได้ยิน
ทว่าหลี่จวีลูกชายแท้ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังนางกลับกำมือจนเป็นหมัด
หลี่หลินที่นั่งอยู่ตรงข้ามฮูหยินเหอเห็นแล้วก็อดที่จะเบ้ปากไม่ได้
แต่เจียงเซี่ยนเกือบจะหัวเราะออกมา
ความสุขของหลี่ฉางชิงทั้งตรงไปตรงมาและอบอุ่น ทำให้คนตั้งตัวไม่ทัน ทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นมาก
ทันใดนั้นนางก็รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกว่าหลี่เชียนเหมือนหลี่ฉางชิงแล้ว
พวกเขาต่างก็เป็นคนแบบที่จะตรงไปตรงมาและเป็นมิตรกับคน
จะทำให้คนรู้สึกอบอุ่น
จะทำให้คนรู้สึกได้ว่าชอบ
จะทำให้คนรู้สึกว่าตนเองสำคัญมาก
สายตาของเจียงเซี่ยนกลายเป็นพร่าเลือนขึ้นมาในทันใด
สิ่งที่นางต้องการมาตลอด ก็คือความคึกคักแบบนี้ไม่ใช่หรือ?
นางรู้สึกว่า ตนเองมีพ่อสามีอย่างหลี่ฉางชิง ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวทีเดียวเช่นกัน
————————————