มู่หนานจือ - บทที่ 288 กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านฝ่ายหญิง
หลี่เชียนเห็นนางเป็นเด็กที่พอไม่มีคนดูแลก็ไม่รู้ว่าจะแต่งตัวและกินอาหารอย่างไร
เจียงเซี่ยนที่เป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนมาเจ็ดปีรู้สึกว่าแปลกใหม่และน่าสนใจมาก
นางหลบอยู่ในผ้าห่มพลางเม้มปากยิ้ม
ถูกหลี่เชียนที่หันตัวมาเห็นทันที
เจียงเซี่ยนดึงผ้าห่มลงมาใต้จมูก แววตาชุ่มชื้น ปกคลุมไปด้วยควันและเมฆหมอกอย่างแน่นหนา เหมือนม่านฝนในเดือนสามที่เจียงหนาน
หลี่เชียนรู้สึกอบอุ่นมาก
เขาลูบจมูกของเจียงเซี่ยนอย่างสนิทสนม และถามนางด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “จะนอนต่ออีกรอบหรือว่าจะลุกตอนนี้เลย?”
“ลุกตอนนี้เลย!” เจียงเซี่ยนย่นจมูก แล้วปัดมือของหลี่เชียนทิ้ง และเอ่ยว่า “ข้าไม่ชอบกินอาหารในรถม้า มันมีกลิ่น”
แต่หลี่เชียนกลับไม่ปล่อยนางไป เขายิ้มและบิดจมูกของนาง แล้วยิ้มพลางลุกขึ้นเรียกเซียงเอ๋อร์เข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะนางโกรธ
เจียงเซี่ยนจึงจำเป็นต้องหยุด
ทว่าพอคิดอีกทีว่าเดี๋ยวจะได้เจอเจียงลวี่แล้วก็อารมณ์ดีขึ้นมาอีก
ทั้งสองคนแต่งตัวอยู่พักหนึ่ง รับประทานอาหารเช้าแล้ว ก็ลาหลี่ฉางชิงกับฮูหยินเหอ ไปยังคฤหาสน์ที่เจียงเซี่ยนยืมอาศัยออกเรือน
เจียงลวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จตั้งนานแล้วและรออยู่ที่ระเบียงทางเดินของห้องโถงใหญ่
เห็นเจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนมาเคียงข้างกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“พี่ใหญ่! พี่รอง!” เจียงเซี่ยนคารวะเจียงลวี่กับเจียงหาน หลี่เชียนเรียกพี่ชายทั้งสองคนของภรรยาตามเจียงเซี่ยน และคารวะ
เจียงลวี่อายุเท่าหลี่เชียนจึงไม่เป็นไร ทว่าเจียงหานอายุน้อยกว่าหลี่เชียน หลี่เชียนปฏิบัติกับเขาอย่างมีมารยาทแบบนี้ เขาค่อนข้างอึดอัด จึงยิ้มอย่างลำบากใจและคารวะหลี่เชียนตอบ
ทุกคนไปที่ห้องโถงใหญ่
หลังจากเจียงลวี่กับเจียงหานซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยาต่างมอบอั่งเปาที่ใหญ่มากให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว เจียงเซี่ยนก็ไปคุยกับฮูหยินฉีที่เรือนด้านใน ฮูหยินฉีกลับไปจะได้แจ้งฮูหยินฝาง ฮูหยินฝางกลับเมืองหลวงก็จะได้ตอบไทฮองไทเฮา ส่วนหลี่เชียนไปคุยกับเจียงลวี่และเจียงหานในห้องหนังสือ ไว้รับประทานอาหารเย็นแล้ว สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานก็กลับบ้านได้ งานแต่งงานก็จบไปช่วงหนึ่งอย่างเป็นทางการเช่นกัน
เจียงเซี่ยนกับหลี่เชียนแยกกันทำงาน
ฮูหยินฉีกำลังรอเจียงเซี่ยนอยู่อย่างกระวนกระวายใจเล็กน้อย
คืนวันแต่งงาน หลี่เชียนค้างคืนในห้องหอ
ฮูหยินฉีกังวลเล็กน้อยว่าเด็กสองคนจะทำอะไรโง่ๆ
ตอนที่เจอเจียงเซี่ยน นางดึงเจียงเซี่ยนมามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอยู่ครู่ใหญ่ เห็นเจียงเซี่ยนสีหน้าแดงเลือดฝาด หน้าตามีชีวิตชีวา ถึงจะวางใจครึ่งหนึ่ง แล้วรับนางมาอยู่ข้างกายและถามถึงคืนวันแต่งงานอย่างละเอียด
เจียงเซี่ยนรู้ว่าพวกนางกำลังกังวลอะไร จึงเล่าเหตุการณ์ในคืนวันแต่งงานของทั้งสองคนให้ฮูหยินฉีฟังอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา แน่นอนว่า สำหรับพวกเรื่องที่หลี่เชียนหยอกล้อนางนั้น ต่อให้นางคิดก็ไม่มีหน้าพูดออกมาอยู่ดี
ฮูหยินฉีถึงโล่งอก และเตือนนางอีกพักหนึ่งว่า “แม้จะถือสามีเป็นสำคัญ แต่ก็ไม่สามารถทำตามสามีได้ทุกเรื่องจนทำให้ตนเองเจ็บช้ำเช่นกัน”
เจียงเซี่ยนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเป็นห่วงนาง จึงฟังอย่างอดทน และยิ้มพลางพยักหน้าติดกันหลายครั้ง
ฮูหยินฉีถึงจะปล่อยพี่น้องสกุลฉีเข้ามา
สองพี่น้องเจอนางก็วางตัวสนิทสนมและเป็นมิตรเป็นพิเศษ เล่าความคึกคักของงานแต่งงานให้นางฟังอย่างจ้อกแจ้กจอแจว่า พวกนางดูงิ้วเรื่องไหนบ้าง กินอะไรบ้าง และเจอใคร…เหมือนไปดูงานวัด เล่าอย่างถึงอกถึงใจมาก
เจียงเซี่ยนยิ้มตลอด
สองพี่น้องก็ขอให้เจียงเซี่ยนชวนพวกนางมาเที่ยวที่ไท่หยวนในอีกไม่กี่วัน “คึกคักกว่าต้าถงมากเลย พวกเพื่อนของคุณหนูจินต่างก็เปิดเผยตรงไปตรงมามากเช่นกัน พวกเราเข้ากันได้ไม่เลว”
ฮูหยินฉีทำลายความกระตือรือร้นของลูกสาวทั้งสองว่า “ข้าว่าไม่ใช่เพราะไท่หยวนเจริญรุ่งเรืองกว่าต้าถงหรอก แต่เพราะที่นี่ไม่มีคนคุมพวกเจ้ากระมัง?”
สองพี่น้องก็เกาะติดฮูหยินฉีและออดอ้อน ต้องให้ฮูหยินฉีตกปากรับคำต่อไปพวกนางจะได้มาเป็นแขกที่ไท่หยวนบ่อยๆ
เจียงเซี่ยนเป็นคนมาสองชาติก็ไม่เคยเสวยสุขกับช่วงเวลาที่เล่นตามอำเภอใจแบบนี้เช่นกัน นางดูอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกดีใจแทนพวกนาง
—
ทว่าในห้องหนังสือนั้น หลี่เชียนกำลังคุยเรื่องของตระกูลเซ่ากับเจียงลวี่ “…เพราะไม่รู้ว่าท่านลุงคิดอย่างไร ข้าก็ไม่อาจพูดเรื่องนี้ได้มากนักเช่นกัน แค่ถ่ายทอดคำพูดให้ใต้เท้าเซ่าเท่านั้น ส่วนต้องทำอย่างไรนั้น ข้าจะรอข่าวจากท่านลุงและท่านพี่”
คิ้วของเจียงลวี่ขมวดเป็นตัวอักษรชวน และถามหลี่เชียนว่า “เจ้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดมากอย่างนั้นหรือ? เซ่ารุ่ยมาร่วมงานแต่งงานของเจ้า สุดท้ายกลับมีคนใช้กำลังฝ่าด่านอวี๋หลิน…ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางที่จะแล้วกันไปแบบนี้! เซ่ารุ่ยล่วงเกินใครหรือเปล่า? เขาเก็บสี่ในสิบที่ด่านอวี๋หลินมานานขนาดนี้แล้ว กลับไม่มีคนกล่าวโทษเขา จะเห็นได้ว่าเขาจัดการความสัมพันธ์ของทั้งหน่วยงานเรียบร้อยหมดแล้ว เกิดข้อผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า? หากไม่สืบเรื่องราวให้แน่ชัด ไม่ว่าจะท่านพ่อหรือข้าก็ไม่อาจมอบความเชื่อมั่นให้เขาได้ทั้งนั้น”
เขาเอ่ยแบบนี้ แสดงว่าสนใจเรื่องภาษีที่เก็บสี่ในสิบของด่านอวี๋หลิน
หลี่เชียนไอเบาๆ อย่างลำบากใจเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ท่านพี่แค่อยากฉวยโอกาสเอาของคนอื่นไปหรือว่าอยากเก็บตระกูลเซ่าเอาไว้?”
ฉวยโอกาสเอาของคนอื่นไปก็คือหาเงินจากตระกูลเซ่าสักก้อน เก็บเอาไว้ก็คือบดขยี้และแบ่งสัดส่วนกับตระกูลเซ่า และต้องแบ่งก้อนใหญ่ จนกระทั่งเข้าแทนที่
เจียงลวี่มองท่าทางของหลี่เชียน จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ คิดว่าหลี่เชียนกล้าลักพาตัวแม้แต่เจียงเซี่ยน ความคิดที่ใจกล้าความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมองของเขาทันที
เขามองหลี่เชียน พลางครุ่นคิดและเอ่ยว่า “เรื่องนี้…คงจะไม่ได้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?”
หลี่เชียนไม่คิดที่จะปิดบังเจียงลวี่
ในเมื่อเขาอยากแทนที่ตระกูลเซ่า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แพร่งพรายข่าวออกไป แทนที่จะค่อยอธิบายกับตระกูลเจียงตอนนั้น และทำให้ตระกูลเจียงไม่พอใจ สู้ยอมรับตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า ไม่แน่ตระกูลเจียงอาจจะเห็นแก่ที่ทั้งสองฝ่ายเป็นญาติที่เกี่ยวดองกัน และช่วยเขารับมือก็ได้
ทว่าการถามอย่างตรงไปตรงมาของเจียงลวี่ก็ยังทำให้หลี่เชียนที่อายุยังน้อยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
เขาแกล้งไอเบาๆ อีกสองสามครั้ง และเอ่ยว่า “เรื่องนี้ข้าเป็นคนให้คนไปทำจริงๆ…ตระกูลหลี่เพิ่งมาถึง หากไม่ก่อความวุ่นวายเช่นนี้ ตระกูลหลี่จะมีที่ยืนที่ไหน”
เจียงลวี่เติบโตในเมืองหลวงมาตั้งแต่เด็ก สถานที่ที่ไปมากที่สุดก็คือต้าถง เมืองเซวียน ฐานที่มั่นเทียนจิน และเมืองจี้ ไม่ค่อยผูกพันกับซานซีนัก จึงไม่สนใจเช่นกันว่าที่ไหนมีคนตายที่ไหนแผ่นดินไหว เขาได้ยินแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็ว่า ใครจะไม่ไว้หน้าตระกูลเซ่าขนาดนั้น ที่แท้ก็เจ้านี่เอง! แต่เจ้าทำแบบนี้หากเรื่องแดงออกมา เจ้าเคยคิดว่าจะรับมืออย่างไรหรือไม่?”
หลี่เชียนเอ่ยอย่างไม่สนใจแม้แต่นิดเดียวว่า “โจมตีให้กลัวแล้ว ก็ย่อมรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด มีอะไรให้กังวลกัน”
นัยน์ตาทั้งสองข้างของเจียงลวี่แลดูมีชีวิตชีวาทันที เขาตะโกนเสียงดังว่า “ดี” และเอ่ยว่า “ก็เพราะเหตุผลนี้ พวกท่านพ่อมักจะคิดว่านี่ก็ต้องระมัดระวัง นั่นก็ต้องระมัดระวัง บางครั้งโจมตีแล้วค่อยว่ากันดีกว่า” แลดูให้ความสำคัญกับหลี่เชียนมาก
ทว่าเจียงหานกลับตกใจมาก
ด่านอวี๋หลินก็กล้าบุกเข้าไปโดยพลการหรือ?
น้องเขยของเขาคนนี้ดูมีชีวิตชีวาและกล้าหาญมาก!
แต่เขารู้สึกว่าแบบนี้ดีมาก
ดูเหมือนขุนนางฝ่ายบู๊
เขามองหลี่เชียนตาไม่กะพริบ
หลี่เชียนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ และเอ่ยว่า “แน่นอนว่า เดิมทีข้าก็ไม่กล้าเช่นกัน แต่เวลานี้มีท่านลุงกับท่านพี่อยู่ ข้าคิดว่า…ขอเพียงหาคนแนะนำเจอ และพวกเราจ่ายค่าตอบแทนอีก เรื่องในราชสำนักก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วเช่นกัน เช่นนั้นข้าจะทรมานอย่างไรก็ไม่กลัวทั้งนั้น”
“วางใจเถอะ!” เจียงลวี่ตบอกและเอ่ยว่า “เรื่องที่เมืองหลวงมีข้ากับท่านพ่อ”
ผลประโยชน์อันน้อยนิดของตระกูลเซ่านั้น เขายังไม่ชอบ แล้วนับประสาอะไรกับบิดาของเขา ได้เพิ่มเงินค่าเครื่องสำอางให้เจียงเซี่ยนพอดี
หลี่เชียนคิดไม่ถึงว่าเจียงลวี่จะเข้ามายุ่งเรื่องนี้
ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนแบบที่ชอบผลักงานให้คนอื่นเช่นกัน
เขาอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ท่านพี่แค่ต้องบอกข้าเวลาที่มีคนเคลื่อนไหวเรื่องนี้ในเมืองหลวงก็พอ”
เจียงลวี่ยิ้มเยาะ “เจ้าคิดว่าตระกูลเจียงของพวกเราปกป้องเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
————————————–