มู่หนานจือ - บทที่ 309 สมใจ
ฮูหยินเหอตกใจมาก แล้วก็ส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋ง “ไม่ได้ ไม่ได้! ปีนี้นางเพิ่งจะแปดขวบ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น จะดูแลบ้านได้อย่างไร! ไม่ได้ นางทำไม่ได้!”
“ตอนนี้ต้องทำไม่ได้อย่างแน่นอน” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็ได้นี่นา! ท่านคงจะไม่ได้คิดว่าการดูแลบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายดายและประสบความสำเร็จในทันทีใช่หรือไม่? จะคุมงานได้จริงๆ อย่างไรก็ต้องห้าหกปีเช่นกัน ตอนนี้ให้นางดูและฝึกความกล้าไปก่อน ต่อไปเจออะไรก็จะได้มีความคิดเป็นของตนเอง ตอนที่ข้าอยู่ในวัง ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยมักจะสั่งสอนข้ากับท่านหญิงชิงฮุ่ยว่า ผู้หญิงจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่จะไม่มีความคิดเป็นของตนเองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฐานะยิ่งสูง ก็ยิ่งถูกคนใช้เป็นเครื่องมือง่าย และยิ่งล้มลงง่าย ในเมื่อท่านเชื่อข้า เช่นนั้นก็เชื่อฟังข้า ไม่ผิดอย่างแน่นอน”
พอฮูหยินเหอได้ยินว่านี่เป็นคำพูดที่ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยสั่งสอนเจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่ ก็สับสนเล็กน้อยทันที พอเจียงเซี่ยนพูดอีก นางก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็เชื่อฟังท่านหญิงทุกอย่าง”
เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วถามฮูหยินเหอว่ามีคนที่ใช้ได้คล่องมือหรือไม่ “…ต่อไปยังรับใช้อยู่ข้างกายท่าน”
ฮูหยินเหอได้ยินคำพูดที่มีนัยยะนี้แล้วก็อดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “เช่นนั้น…เช่นนั้นคนอื่นล่ะ?”
“คนที่เก็บไว้ได้ก็เก็บไว้ คนที่เก็บไว้ไม่ได้ แน่นอนว่าก็ต้องเปลี่ยนทั้งหมด” นึกถึงตอนนั้นนางนึกจะเปลี่ยนราชเลขาธิการกับขุนนางใหญ่ก็เปลี่ยน นับประสาอะไรกับพวกพ่อบ้านเล็กๆ เจียงเซี่ยนเอ่ย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเผยความน่าเกรงขามออกมาทางใบหน้าเล็กน้อย
ฮูหยินเหอรู้สึกกลัว จึงรีบเอ่ยว่า “ข้าอยากเก็บเสี่ยวฮุ่ยกับแม่นมเฉิงไว้ สองคนนี้ต่างซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อข้า”
แน่นอนว่าเจียงเซี่ยนรับปากอย่างเต็มปากเต็มคำ และถามถึงเรื่องในเรือนของหลี่หลิน “ถึงแม้จะเติบโตมากับท่านพ่อตลอด ทว่าอย่างไรก็เป็นหลานชาย เรื่องของเขา…ท่านสามารถตัดสินใจได้หรือไม่?”
“ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว!” ฮูหยินเหอฝืนยิ้ม และเอ่ยว่า “ตอนที่ข้าแต่งมา เขาอายุสิบสี่แล้ว ถึงพวกเราจะอยู่ด้วยกัน แต่เขาก็มีเรือนของตนเองตลอด สาวใช้กับแม่บ้านในเรือนของเขานั้นเขาก็เป็นคนจัดการเองตลอดเช่นกัน ข้าเพียงแค่ดูแลค่าครองชีพของเขาเท่านั้น!”
เจียงเซี่ยนเข้าใจได้
หลานชายที่อายุใกล้เคียงกัน คนที่เป็นอาสะใภ้ต้องหลีกเลี่ยงความสงสัย จึงย่อมไม่อาจก้าวก่ายเรื่องในเรือนของหลานชายได้
นางนึกถึงชาติก่อนหลี่หลินเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของหลี่เชียน และเอ่ยว่า “เช่นนั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่เรือนสามศีล” ฮูหยินเหอเอ่ยว่า “ที่ที่อาหลินอยู่ชื่อว่า ‘เรือนสามศีล’ ตลอด ว่ากันว่าชื่อนี้ท่านฝูอวี้ยังเป็นคนช่วยตั้งให้ด้วย”
“ก็หมายความว่า ไม่ว่าจะที่ฝูเจี้ยนหรือที่ไท่หยวน ที่ที่พี่ใหญ่อยู่ก็ชื่อว่า ‘เรือนสามศีล’ ตลอดหรือ?” เจียงเซี่ยนถาม
ฮูหยินเหอพยักหน้า
เรื่องนี้น่าสนใจนิดหน่อย!
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย
สุภาพบุรุษสามศีล แล้วสิ่งที่งดคืออะไร?
นางยิ้มพลางเอ่ยกับฮูหยินเหอว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ยุ่งเรื่องของเรือนสามศีล ยุ่งแค่เรื่องของพวกเราเองแล้วกัน”
ฮูหยินเหอได้ยินแล้วสีหน้าก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
เจียงเซี่ยนจำเป็นต้องคาดเดาว่าฮูหยินเหอเคยเจออุปสรรคที่เรือนของหลี่หลินหรือเปล่า…
หลังจากนั้นนางกับฮูหยินเหอก็ตัดสินใจว่าในเรือนของหลี่จี้เก็บไว้แค่เสี่ยวมู่เด็กรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายกับเสี่ยวจู๋สาวใช้ประจำตัว ในเรือนของหลี่จวีเก็บไว้แค่เสี่ยวหลินเด็กรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายกับเสี่ยวเหมยสาวใช้ประจำตัว ในเรือนของหลี่ตงจื้อเก็บไว้แค่แม่บ้านแซ่เหอกับเสี่ยวเหอสาวใช้ประจำตัว คนอื่นนั้นฮูหยินเหอก็ไม่สนใจเหมือนกัน “ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขานิสัยเป็นอย่างไร ท่านหญิงดูและจัดการตามสมควรก็พอแล้ว”
เจียงเซี่ยนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เรื่องราวราบรื่นกว่าที่นางคิดมากทีเดียว
หลังจากนั้นนางก็ไปหาแม่นมเหมียวอีก และปรึกษาเรื่องคนที่ถูกเลือกให้เป็นแม่บ้านของเรือนด้านใน
แม่นมเหมียวมองเจียงเซี่ยนอย่างประหลาดใจ “แม่บ้านที่มีอยู่เดิมไม่เปลี่ยนเลยหรือเจ้าคะ?”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “คนพวกนี้ข้าก็ไม่ค่อยรู้นิสัยของพวกนางเช่นกัน แทนที่จะให้พวกคนที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งขึ้นมา สู้ไม่ขยับแบบนี้ชั่วคราวดีกว่า แต่แม่นม ต่อไปเรื่องของเรือนด้านในก็ยังคงมอบให้ท่านช่วยฮูหยินดูแลเหมือนเดิม ต้องรบกวนมากๆ แล้ว”
สีหน้าของแม่นมเหมียวประหลาดใจมากขึ้น
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับไม่ให้โอกาสนางถาม และยกชา
ไป่เจี๋ยไม่เข้าใจ จึงเอ่ยว่า “ท่านหญิง ในเมื่อจะตั้งกฎ จะไม่เปลี่ยนอะไรเลยแบบนี้ได้อย่างไร เช่นนั้นยังมีความหมายอะไรเจ้าคะ?”
แต่เจียงเซี่ยนกลับยิ้มและเอ่ยว่า “ใครว่าไม่เปลี่ยนอะไรเลย?” นางให้ฉิงเค่อหยิบพวกหน้าที่ของแต่ละฝ่ายออกมา และเอ่ยว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกเจ้าก็บอกให้หญิงรับใช้ในบ้านท่องข้อบังคับพวกนี้ ภายในเจ็ดวัน ใครท่องได้ก่อน ก็รักษาตำแหน่งในตอนนี้ไว้ได้ หลังจากเจ็ดวัน ใครยังท่องไม่ได้ ก็ยกตำแหน่งให้พวกคนที่ท่องได้แล้ว และเลือกแม่บ้านกับสาวใช้ระดับหนึ่งจากในบรรดาคนที่ท่องได้แล้ว อีกสามวัน หากยังท่องไม่ได้ ไม่ไล่ออกจากจวน ก็ไล่ไปอยู่ที่ไร่นา หากในบ้านจะรับสาวใช้กับหญิงรับใช้เข้ามาอีก ท่องข้อบังคับพวกนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยจัดงานให้ ต่อไปมีเรื่องอะไรอีก ก็ทำตามข้อบังคับ ไม่ต้องบอกว่าไม่รู้เรื่องและไม่รู้ว่าต้องหาใครอีกแล้ว แล้วก็ส่งข้อบังคับนี้ไปให้ใต้เท้ากับพวกคุณชายด้วย ให้พวกเขารู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นควรหาใคร อย่าหาผิดคน จนทำให้หญิงรับใช้ในบ้านหัวเราะเยาะ” ประโยคสุดท้าย นางเอ่ยซ้ำอีกครั้ง และเอ่ยว่า “ประโยคนี้…พวกเจ้าต้องบอกด้วย”
นางไม่เชื่อหรอกว่า ตระกูลหลี่ยังมีคนที่หน้าไม่อาย และไม่กลัวหญิงรับใช้หัวเราะเยาะ
ฉิงเค่อขานว่า “เจ้าค่ะ” ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และแบ่งข้อบังคับที่ก่อนหน้านี้คัดลอกเรียบร้อยแล้วกับไป่เจี๋ยส่งไปถึงมือพวกหลี่ฉางชิง
ทว่ากระแสของจวนสกุลหลี่ที่รู้ตั้งนานแล้วว่าเจียงเซี่ยนจะจัดระเบียบตระกูลหลี่ใหม่นั้น ฮูหยินเหอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนคนที่อยู่ข้างกายเจียงเซี่ยนก็สืบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ขณะที่แต่ละคนหวาดกลัวจนตัวสั่นและไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี จู่ๆ ได้ยินข่าวแบบนี้ ก็เหมือนอาหารในหม้อกระเด็นออกจากหม้อไปทั่วทิศทันที เดินไปไหนก็เต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ พวกฉิงเค่อยังไม่ทันบอกให้พวกเขาท่องข้อบังคับเหล่านั้น ก็มีหญิงรับใช้ที่รู้หนังสือมาหาถึงที่ ขอพวกฉิงเค่อให้พวกนางคัดลอกชุดหนึ่ง คืนนี้จะกลับไปเริ่มท่อง
ฉิงเค่อก็ดีใจที่หลุดพ้นจากงาน จึงตอบรับคำขออย่างง่ายดาย
—————————————————–
หลี่ฉางชิงเห็นข้อบังคับเหล่านั้นแล้วก็หัวเราะและส่งสัญญาณให้เกาฝูอวี้มาปรายตามองด้วย “เป็นอย่างไร? ลูกสะใภ้ของข้าคนนี้ไม่ธรรมดาใช่หรือไม่! แค่ไม่กี่วันนี้ ก็เข้าใจเรื่องในบ้านเป็นอย่างดี เจ้าดูที่ข้อบังคับนี้เขียนสิ ‘ฤดูหนาวจุดโคมกลางยามโหย่ว[1] ฤดูร้อนจุดโคมต้นยามซวี’ ต่อไปเพียงแค่จุดโคม พวกเราก็รู้ได้ว่าเป็นยามอะไรแล้ว…”
เขาอ้าปากหัวเราะ แลดูรู้สึกเป็นเกียรติและโชคดี ทำให้เกาฝูอวี้ทนมองไม่ค่อยได้ “เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร?”
“ข้ารู้สิ!” หลี่ฉางชิงเอ่ยอย่างเหม่อลอย สายตาจับจ้องไปที่พวกกระดาษเซวียนจื่อที่เขียนข้อบังคับอยู่ตลอด “คนสกุลเหอเคยบอกข้าว่า ท่านหญิงบอกนางล่วงหน้าแล้วว่า ให้นางต่อไปอย่าเอะอะก็จับใครสักคนแล้วก็สั่งให้ไปทำนั่นทำนี่ มีเรื่องอะไร หาใคร ต่อไปต้องทำตามกฎ…ข้าคิดว่าแบบนี้ดีมากทีเดียว! เหมือนพวกเรากรีธาทัพทำสงคราม ทหารห้าสิบนายก็ห้ามล้ำหน้ารองผู้บัญชาการ…หากทหารห้าสิบนายล้ำหน้ารองผู้บัญชาการ จะไม่วุ่นวายไปหมดอย่างนั้นหรือ แบบนี้ดีมาก! แบบนี้ดีมาก! ต่อไปข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเรือนด้านในอีกแล้ว!”
เกาฝูอวี้ยิ้มพลางส่ายหน้า เขาคุยเล่นกับหลี่ฉางชิงอีกเล็กน้อย ก็กลับเรือนที่ตนเองอยู่
เกาเมี่ยวหรงรอเขาอยู่หน้าประตู
หลังจากเห็นเขาก็ยิ้มและเข้ามาคารวะอย่างนอบน้อม นางเรียกว่า “ท่านอา” และเอ่ยว่า “วันนี้ท่านกลับมาเร็วกว่าปกติ ห้องครัวยังไม่ได้ทำอาหาร ท่านไปดื่มชาที่ห้องหนังสือก่อน ข้าจะไปเร่งห้องครัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”