มู่หนานจือ - บทที่ 313 ช่วยเหลือ
ฮูหยินเหอลำบากใจมาก จนแทบอยากจะปิดปากของป้าเหอ
ไม่ว่าอย่างไร การที่นางอยากให้หลานสาวของครอบครัวตนเองแต่งงานกับหลี่จี้ แต่กลับไม่สมปรารถนาสักที ก็เป็นเรื่องเสียหน้า ให้พี่สะใภ้ของนางตะโกนออกมาอย่างส่งเดชแบบนี้ ต่อไปนางยังจะมีหน้าอยู่ต่อหน้าลูกสะใภ้ได้อย่างไร?
แม้นางจะคิดว่าจะให้เจียงเซี่ยนช่วยพูดให้นางต่อหน้าหลี่ฉางชิง ทว่าก็คิดว่าจะแอบไปขอร้องเจียงเซี่ยนเป็นการส่วนตัว ไม่ได้คิดว่าจะเปิดเผยเรื่องราวออกมาราวกับเปิดโปงเรื่องน่าอายของตระกูลเองเหมือนอย่างตอนนี้
จะว่าไปพี่สะใภ้ของนางก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน ทำไมตอนนี้กลับโง่ขึ้นมาเล่า?
นางรีบเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ นานๆ ทีท่านหญิงจะมาได้สักครั้ง ท่านก็พูดพวกเรื่องที่ทำให้เสียอารมณ์น้อยๆ หน่อยเถอะ! ท่านเอาข้าวใหม่มาไม่ใช่หรือ? ข้าจะสั่งให้ห้องครัวทำขนมข้าวแล้วกัน!” แล้วก็เอ่ยกับเจียงเซี่ยนด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้ยินในห้องครัวบอกว่า ทางท่านมักจะทำขนมข้าว ไม่ท่านชอบกินก็คุณชายใหญ่ชอบกิน ไม่ว่าใครชอบกิน ตอนกลับท่านก็เอากลับไปหน่อย”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้าขอบคุณ
ป้าเหอไม่พอใจแล้ว และเอ่ยว่า “ข้าไม่ชอบฟังน้องหญิงเอ่ยเช่นนี้ ท่านหญิงก็ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย มีอะไรต้องปิดบังนางหรือ? หรือว่านางยังจะหัวเราะเยาะข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่เพียงแต่เอาข้าวใหม่มา ทว่ายังเอาพุทราแดงที่สดมาด้วย ท่านหญิงผอมและอ่อนแอแบบนี้ กินพุทราแดงมากหน่อย จะได้บำรุงเลือดลม”
ฮูหยินเหอลำบากใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจว่าป้าเหอได้ จึงทำได้เพียงขอโทษเจียงเซี่ยนว่า “พี่สะใภ้ของข้าเป็นคนตรงไปตรงมา ท่านหญิงอย่าได้ใส่ใจเด็ดขาด”
แม้จะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่เจียงเซี่ยนเข้าใจแล้ว
นางคิดแล้วก็เอ่ยว่า “น้องหญิงสกุลเหอชื่ออาถงหรือ?”
พอท่านป้าเหอได้ยินเจียงเซี่ยนเรียกลูกสาวของตนเองว่า ‘น้องหญิง’ ก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบทันที นางพยักหน้าติดกันหลายครั้งและเอ่ยว่า “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! นางชื่อถงเหนียง คนในครอบครัวต่างเรียกนางว่าอาถง”
“นางเหมือนอาของนาง หน้าตาสะสวย แล้วก็นิสัยดีเช่นกัน”
“ท่านหญิงเป็นคนที่เหมือนเทวดา ไม่รู้เรื่องราวในตระกูลสามัญชนอย่างพวกเรา!” นางถอนหายใจและเอ่ยว่า “ต้องโทษที่ข้าไม่มีความสามารถ มีลูกแค่อาถงคนเดียว เดิมทีข้าก็อยากรับอนุภรรยาให้พ่อของอาถงสักคนเหมือนกัน แต่พ่อของนางไม่ยอม ตอนแรกข้าก็ไม่ยอมเช่นกัน จึงทำตามสถานการณ์มาจนถึงวันนี้ เดิมทีคิดว่าไม่ว่าอย่างไรน้องสาวสามีก็แต่งงานกับขุนนาง อาถงของพวกเรามีอาของนางดูแลอยู่ ก็ไม่ต้องการลูกเขยที่ร่ำรวยและสูงศักดิ์มาก ไม่ว่าแต่งไปตระกูลไหนก็ไม่มีใครกล้าดูถูกนางอยู่ดี”
“แต่ใครจะรู้ว่าน้องสาวสามีของพวกเราคนนี้จะเป็นคนไม่เข้าสังคม”
“สามปีก่อนหลานชายของผู้นำตระกูลเหอก่อคดีฆาตกรรมและไปขอร้องถึงบ้าน กลับยังถูกตัดสินเนรเทศสามพันลี้ ไม่กี่วันผู้นำตระกูลก็สั่งลงมาว่า ครอบครัวของพวกเรามีลูกสาวแค่คนเดียว จะให้สายนี้ขาดทายาทไม่ได้ จำเป็นต้องรับลูกบุญธรรมเป็นทายาทคนหนึ่งจากในตระกูล พ่อของอาถงไม่ยอม จะแต่งลูกเขยเข้าบ้าน ปรากฏว่าแถวนี้ ไม่มีตระกูลไหนยอมแต่งเข้าสักตระกูล ข้ากับพ่อของนางไม่มีทางเลือก อยากขายทรัพย์สินส่วนหนึ่งไปพึ่งพาอาศัยพ่อสามีของท่านที่ฝูเจี้ยน ใครจะรู้ว่ากลับขายที่ดินไม่ออกแม้แต่หมู่เดียว จึงจำเป็นต้องให้อาคนหนึ่งในตระกูลเดียวกันเช่าที่นา และยืมเงินจำนวนหนึ่งไปฝูเจี้ยน…”
นางยังพูดไม่จบ ฮูหยินเหอก็ทั้งอายและโกรธแล้ว จึงไม่มีเวลาสนใจว่าเจียงเซี่ยนที่เป็นลูกสะใภ้ก็อยู่ด้วย และเอ่ยแทรกป้าเหอว่า “พี่สะใภ้ ท่านพูดแบบนี้ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยปู่เจ็ด แต่ตระกูลหลี่ช่วยไม่ได้จริงๆ! พวกเราอยู่ฝูเจี้ยน แล้วก็เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ หลานชายของปู่เจ็ดอยู่เฝินหยาง แล้วก็อยู่ซานซี สำนักข้าหลวงยุติธรรมมณฑลกำลังสอบสวนคดี พวกเราช่วยอะไรไม่ได้เลย ไม่ว่าอย่างไรท่านก็อยู่ที่ฝูเจี้ยนมาสามปีเช่นกัน ตระกูลหลี่อยู่ในสภาพไหน ในใจท่านยังไม่รู้อีกหรือ? ท่านพูดแบบนี้ นี่มันแทงใจข้าไม่ใช่หรือ?”
ฮูหยินเหอพูดไปก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดตาและร้องไห้ออกมา
ป้าเหออึ้งไปทันที
เจียงเซี่ยนก็ตกตะลึงเช่นกัน
นางโตมาขนาดนี้ ก็เพิ่งเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก...
ไม่ถูก ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเจอ
เพียงแต่นางไม่ได้เจอญาติที่อายุมากกว่าตนเองร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าตนเองแบบนี้
ไม่ว่าจะที่ตระกูลเจียงหรือในวัง นางก็เป็นคนที่อายุค่อนข้างน้อย พวกนางต่างก็สงสารที่นางลำบาก ต่อให้ถูกกลั่นแกล้งก็จะไม่ร้องไห้ต่อหน้านาง มีความลำบากก็จะไม่มาหานางเช่นกัน
ทว่าหลังจากนางเป็นไทเฮา เวลาที่สำนักราชเลขาธิการกับซือหลี่เจียนทะเลาะกันอย่างไม่มีเหตุผล พวกราชเลขาธิการพูดไปพูดไปก็คุกเข่าต่อหน้านางและร้องไห้ถึงจ้าวอี้…มาเร็วกว่าฮูหยินเหอ แล้วก็ร้องไห้ได้เศร้ากว่าด้วย!
นางรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ฮูหยินเหอ
ฮูหยินเหอร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเช็ดน้ำตา
ป้าเหอเอ่ยเสียงเบาอย่างลำบากใจว่า “ข้า…ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกัน! ตอนนี้ข้าก็ไม่มีทางเลือกแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าไม่มอบอาถงให้เจ้า แล้วยังจะมอบให้ใครได้?”
ฮูหยินเหอเอ่ยว่า “แล้วข้ามีหนทางอย่างนั้นหรือ? ใต้เท้าไม่ตกลง ก็ไม่ได้เด้งออกมาจากในท้องข้าเสียหน่อย ท่านยังจะใช้กำลังบังคับอีกอย่างนั้นหรือ?”
ป้าเหอฝืนยิ้มอย่างไม่พอใจ
เจียงเซี่ยนก็เอ่ยว่า “ท่านป้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ามีความคิดหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าควรพูดหรือไม่?”
“ควรพูด! ควรพูด!” ป้าเหอได้ยินก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด พลางครุ่นคิดในใจว่า หรือว่าท่านหญิงมีตัวเลือกที่เหมาะสมและจะเป็นแม่สื่อให้อาถงของพวกเราอย่างนั้นหรือ? ท่านหญิงมาจากตระกูลแบบไหน คนที่สามารถทำให้ท่านหญิงประทับใจได้ หากไม่ใช่คนร่ำรวยก็เป็นชนชั้นสูง! “ท่านว่ามา ท่านว่ามา ข้าฟังอยู่!”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “อายุของน้องหญิงสกุลเหอจะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อยเช่นกัน ท่านอยากให้นางแต่งมาตระกูลหลี่ ก็เพียงเพราะอยากขอความคุ้มครอง ข้าว่า…หากท่านต้องการเพียงแค่นี้ ก็ไม่ต้องรีบเช่นกัน พูดถึงข้าแต่งมาตระกูลหลี่ก็เกือบหนึ่งเดือนแล้ว กำลังจะเชิญพวกฮูหยินที่รบกวนให้มาช่วยเรื่องแต่งงานของข้ากับท่านแม่ทัพในตอนนั้นมานั่งที่บ้าน หากท่านตกลง ถึงเวลานั้นก็เชิญน้องหญิงมาช่วยข้า ช่วยข้าต้อนรับพวกคุณหนูที่มาเล่นกับน้องสาวสามี ท่านว่าอย่างไร?”
ป้าเหอดีใจจนนั่งก็นั่งไม่ติดแล้ว
เจียงเซี่ยนฐานะมีอำนาจมาก ภายในเขตซานซีไม่มีใครเทียบนางได้ เพราะติดที่นางยังเพิ่งแต่งงาน ทุกคนจึงไม่อาจมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านได้ ทว่าพอครบเดือนแล้ว ต่อให้เจียงเซี่ยนไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของบรรดาตระกูลขุนนางในไท่หยวน เหล่าสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับนางอยู่ดี หากอาถงได้ติดตามอยู่ข้างกายเจียงเซี่ยน ก็เท่ากับเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันที่เจียงเซี่ยนยอมรับแล้ว และเป็นคุณหนูที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับตระกูลหลี่อย่างแท้จริง อาถงยังกังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานกับตระกูลที่ดีอีกหรือ!
ทำไมนางยังจะต้องให้ลูกสาวแต่งมาตระกูลหลี่อีก ทั้งที่รู้ว่าหลี่ฉางชิงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้
“ท่านหญิง!” นางตื่นเต้นจนจับมือของเจียงเซี่ยนเอาไว้ น้ำตาคลอเบ้าตลอด “ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของข้าจริงๆ! ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตของข้า ยังช่วยชีวิตของอาถงของพวกเราด้วย…”
เจียงเซี่ยนเหงื่อออกตรงหน้าผาก และหัวเราะแห้งๆ
หลังจากนั้นหากป้าเหอไม่คีบอาหารกับรินน้ำให้นาง ก็ตักข้าวกับเติมน้ำแกงให้นาง จนเจียงเซี่ยนอึดอัดมาก นางกินเล็กน้อยพอเป็นพิธีก็ลุกขึ้นบอกลา
ฮูหยินเหอก็ตำหนิพี่สะใภ้ของตนเอง “ท่านดูสิ ท่านทำแบบนี้ ทำให้ท่านหญิงอึดอัดแค่ไหน! หากนางรู้สึกรำคาญ และขี้เกียจที่จะสนใจอาถงจะทำอย่างไร?”
“นี่ตำหนิข้าหรือ?” ป้าเหอบ่นว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านและไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น ข้าอยากให้เจ้าคุยเรื่องแต่งงานให้อาถง เจ้าก็ไม่รู้จักใครเลย ข้าจะต้องให้อาถงแต่งมาตระกูลหลี่ทำไม?”
ฮูหยินเหอหมดคำพูด
นางอ่อนแอและไร้ความสามารถ พูดอะไรที่ตระกูลหลี่ไม่ได้ อยากหาการแต่งงานที่ดีให้หลานสาวของตนเอง คนอื่นก็มีแต่จะคิดว่าตระกูลเหอแต่งงานกับคนที่ฐานะสูงกว่าตนเอง…นางก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่หลี่ฉางชิงมักจะเอานางไปเทียบกับแม่แท้ๆ ของหลี่เชียน เทียบไปเทียบมา นางก็ไม่มีดีสักอย่าง แล้วนางจะทำอะไรได้?
ฮูหยินเหอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็ร้องไห้ออกมาอย่างน้อยใจอีก!