มู่หนานจือ - บทที่ 317 มอบให้
ทางเจียงเซี่ยนจัดการเรื่องแสดงงิ้วเรียบร้อยแล้วก็เริ่มสนใจเรื่องชา เหล้า และลูกอม
ดีที่จัดการเรื่องของเรือนด้านหลังเรียบร้อยแล้ว และนางก็ใช้กฎเข้มงวด ในบ้านจึงค่อยๆ กลายเป็นเงียบสงบขึ้น และหลี่ไท่ก็เป็นคนที่มีความสามารถ จึงจัดการเรื่องพวกนี้อย่างเร็วมากเช่นกัน
เจียงเซี่ยนก็เริ่มหาสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับ
เดือนเจ็ดอากาศร้อนมาก หาศาลาริมน้ำสักแห่งจะดีที่สุด มีลมพัดมาจากผิวน้ำ อากาศร้อนในฤดูร้อนก็ลดลงครึ่งหนึ่ง เสียดายที่ตระกูลหลี่ใหญ่เพียงแค่นี้ ทั้งเรือนมีสระน้ำอยู่สามแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ที่เรือนตะวันออก แห่งหนึ่งอยู่ที่เรือนตะวันตก และแห่งหนึ่งอยู่ที่เรือนเล็กที่เกาฝูอวี้อาศัยอยู่
นางคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจว่าจัดสถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับที่เรือนตะวันออกของฮูหยินเหอดีกว่า
ไป่เจี๋ยยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านจะไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
เพราะสถานที่เล็ก หากสถานที่ที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับสามารถดูงิ้วได้ด้วยจะดีที่สุด และการหาสถานที่แสดงงิ้วหรือตั้งเวทีก็ยังต้องให้คนที่มีประสบการณ์ไปดูสักหน่อยจริงๆ ไม่อย่างนั้นไกลไปก็จะไม่ได้ยิน ใกล้ไปก็จะเสียงดังเกินไป
เจียงเซี่ยนไปที่เรือนของฮูหยินเหอ โดยไป๋เจี๋ยถือร่มบังแดดให้
ระหว่างทาง พวกนางผ่านประตูข้าง
ประตูกับหน้าต่างของห้องข้างห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลเปิดกว้าง สาวใช้ที่อายุยังน้อยสิบกว่าคนกำลังก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ บริเวณโดยรอบเงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงจักจั่นเป็นระยะ พวกสาวใช้ร้อนจนบนหน้าผากและปลายจมูกเต็มไปด้วยเหงื่อ
เจียงเซี่ยนชะงักฝีเท้า
ไป่เจี๋ยเอ่ยเสียงเบาว่า “สาวใช้สองสามคนที่เรียนเขียนหนังสือกับฉิงเค่อ อาศัยเวลาว่างที่ไม่เข้าเวรมาเรียนรู้หนังสือที่นี่เจ้าค่ะ”
“สองสามคน?” เจียงเซี่ยนปรายตามองห้องข้างครั้งหนึ่ง
ไป่เจี๋ยรีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ตอนแรกมีแค่สองสามคนจริงๆ เจ้าค่ะ ตอนหลังทุกคนเห็นพี่ฉิงเค่อสอนพวกนางอย่างจริงใจ และคนรับใช้ข้างกายท่านก็ล้วนรู้หนังสือเล็กน้อย จึงต่างใจกล้ามาขอร้องกัน พี่ฉิงเค่อบอกว่า สอนคนหนึ่งก็สอน สอนสองคนก็สอน และรับคนไว้หมด เพราะล้วนมากันเฉพาะเวลาว่าง เพิ่งจะสอนได้ไม่กี่วัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนางจะทนได้หรือไม่ พี่ฉิงเค่อจึงบอกว่า อีกสองวันค่อยบอกท่านเจ้าค่ะ”
“แบบนี้ดีมาก!” เจียงเซี่ยนไม่ค่อยชอบคุมเรื่องของเรือนด้านใน ดังนั้นจึงชอบมากที่ฉิงเค่อสามารถตัดสินใจเองได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อทุกสิ่งทุกอย่าง “คนฉลาดขึ้นจากการเรียนหนังสือ พวกเจ้าตั้งใจสอนคนพวกนี้ ต่อไปเวลาที่ในจวนมีเรื่องอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอธิบายมากขนาดนั้นแล้วเช่นกัน”
ทั้งสองคนเอ่ยพลางเดินไปที่เรือนตะวันออก
ฮูหยินเหอไม่อยู่ที่เรือน บอกว่าไปเรือนของตงจื้อ
เจียงเซี่ยนคิดว่าพระอาทิตย์ดวงใหญ่ขนาดนี้ นางก็มาแล้ว ยังจะกลับไปมือเปล่าอีกอย่างนั้นหรือ?
นางจึงให้สาวใช้นำทางไปเรือนของหลี่ตงจื้อเสียเลย
ที่เรือนของหลี่ตงจื้อก็เปิดหน้าต่างกว้างเช่นกัน สาวใช้สองคนยืนอยู่ตรงทางเดินใต้ต้นไม้ที่แสงแดดส่องไม่ถึงและพิงเสาที่ทาสีแดงเข้มและใหญ่ขนาดหนึ่งคนโอบพลางสัปหงก
เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย
ก่อนที่จะจัดระเบียบงานภายใน อย่าว่าแต่อากาศที่ร้อนมากแบบนี้เลย กระทั่งช่วงต้นฤดูร้อนที่มีลมเย็นพัดเบาๆ พวกสาวใช้ที่เข้าเวรต่างก็จะหาข้ออ้างกลับไปพักที่ห้องของตนเอง
นางกับไป่เจี๋ยขึ้นบันได
มารยาทที่ดีทำให้หยกแขวนที่ใช้ควบคุมการเดินไม่ให้ก้าวใหญ่เกินไปจนเสียมารยาทตรงเอวของนางไม่มีแม้แต่เสียงกระทบ
สาวใช้สองคนที่ไม่กล้าหลับสนิทตกใจตื่นในทันใด
“ท่าน...ท่านหญิง…” พอเห็นเจียงเซี่ยน ทั้งสองคนก็ตกใจจนคุกเข่าลงบนพื้นทันที
เจียงเซี่ยนมองสาวใช้ทั้งสองคนครั้งหนึ่ง และสั่งไป่เจี๋ยว่า “เรื่องนี้มอบให้เจ้าแล้ว!” และเข้าไปในห้อง
ในห้อง หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงนั่งขัดสมาธิเคียงข้างกันเขียนหนังสืออยู่บนเตียงอรหันต์ในห้องพักผ่อน สาวใช้เจ็ดแปดคนกำลังพัดอยู่รอบพวกนาง มุมหนึ่งในห้องกองภูเขาน้ำแข็งเอาไว้ ส่งความเย็นออกมาเล็กน้อย ฮูหยินเหอกับป้าเหอนั่งโบกพัดอยู่ข้างภูเขาน้ำแข็งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนเกาเมี่ยวหรงนั้นสวมเสื้อชั้นเดียวผ้าไหมสีชมพู กำลังยืนอยู่ข้างเตียงอรหันต์ด้วยผิวขาวนวลไร้เหงื่อ ดูหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงเขียนหนังสือ
พอได้ยินเสียง คนที่อยู่ในห้องต่างก็เงยหน้าขึ้นมา และทำหน้าประหลาดใจ
เจียงเซี่ยนก็แปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน
นางคิดไม่ถึงว่าวันที่ร้อนแบบนี้หลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงยังฝึกคัดตัวอักษรอยู่อีก
ป้าเหอยังคงเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้
“ท่านหญิงมาแล้ว!” นางลุกขึ้นและเดินมาหาเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยว่า “อากาศนี้ก็ร้อนเกินไปแล้วเช่นกัน พวกเราอยู่ในเรือนต่างก็นั่งไม่ค่อยได้แล้ว แต่ปีนี้กว่าพวกเราจะกลับไท่หยวนก็ช่วงเดือนสาม จึงไม่ได้สั่งน้ำแข็งกับคลังน้ำแข็งล่วงหน้า ทำให้ตอนนี้ในจวนไม่ได้เก็บน้ำแข็งไว้สักเท่าไร พอรู้ว่าเพราะพวกตงจื้อต้องฝึกคัดตัวอักษร ทุกบ่ายจึงจะกองน้ำแข็งสองสามก้อนวางไว้ในมุม พวกเราเลยมาอยู่ด้วย คิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็สามารถประหยัดน้ำแข็งให้ในจวนได้สักสองสามก้อน…”
เอ่ยอย่างซื่อตรง
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
น้องสาวทั้งสองคนของสามีรีบลงมาจากบนเตียงอรหันต์ และคารวะเจียงเซี่ยน คนหนึ่งเรียก “พี่สะใภ้ใหญ่” อีกคนเรียก “พี่สะใภ้”
ส่วนฮูหยินเหอก็รีบสั่งให้เสี่ยวฮุ่ยยกม้านั่งมาให้เจียงเซี่ยน “ไปวางตรงเตียงอรหันต์ จะได้ไม่ถูกอากาศหนาว เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนเช่นนี้ ป่วยง่ายที่สุดแล้ว”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางรับความหวังดีของฮูหยินเหอ แล้วไปยืนข้างเตียงอรหันต์ และถามถึงการเรียนของหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียง
หลี่ตงจื้อเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “พี่เกาบอกว่า หลายวันนี้อากาศร้อนเกินไป ว้าวุ่นใจง่าย จึงหยุดการเรียนไปก่อน ทุกบ่ายฝึกคัดตัวอักษรสองชั่วยาม สงบจิตสงบใจ ไว้ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ไปแล้ว ค่อยสอนบทเรียนใหม่เจ้าค่ะ”
ส่วนเหอถงเหนียงเอ่ยพึมพำว่า “ข้า…ข้าเพิ่งจะอ่าน ‘คัมภีร์กตัญญู’ จบ ว่างไม่มีอะไรทำ จึงฝึกคัดตัวอักษรเป็นเพื่อนน้องหญิงเจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนตั้งใจมองลายมือของเหอถงเหนียง
สิ่งที่คัดคืออักษรบรรจงของฮูหยินเว่ย ค่อนข้างมีพื้นฐานทีเดียว
นางอดที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “น้องหญิงลายมือสวยกว่าข้าเสียอีก!”
“ไม่หรอก ไม่หรอก!” เหอถงเหนียงเอ่ยเสียงเบา อยากถ่อมตนสักหน่อย ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี จึงยืนทำอะไรไม่ค่อยถูกอยู่ตรงนั้น
ป้าเหอเกลียดที่ลูกสาวไม่ได้เรื่อง ทว่าก็ไม่อาจตำหนิลูกสาวต่อหน้าเจียงเซี่ยนได้ จึงรู้สึกร้อนใจมาก
ใครจะรู้ว่าเจียงเซี่ยนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าพูดจริงๆ หากเจ้าไม่เชื่อ วันไหนข้าเขียนให้เจ้าดูสักสองสามตัว เจ้าก็รู้แล้ว แต่ในเมื่อเจ้าฝึกฮูหยินเว่ย ก็คิดว่าจะต้องชอบจงเหยา[1]มากเช่นกันอย่างแน่นอน ที่ข้ามี ‘แบบลี่มิ่ง’ ที่วังเจินนักเขียนพู่กันจีนในราชวงศ์ก่อนคัดตอนอายุยังน้อยอยู่พอดี มอบให้เจ้าแล้วกัน เดี๋ยวเจ้าอย่าลืมให้สาวใช้ไปเอาที่เรือนของข้าล่ะ”
‘แบบลี่มิ่ง’ เป็นผลงานชิ้นเอกของจงเหยา ของแท้ไม่รู้ไปไหนตั้งนานแล้ว และวังเจินก็เป็นนักเขียนพู่กันจีนอันดับต้นๆ ของราชวงศ์ก่อน ผลงานของแท้ของเขาก็มีค่ามากเช่นกัน ถึงแม้ ‘แบบลี่มิ่ง’ ที่เขาคัดจะเทียบจงเหยาไม่ได้ นั่นก็เป็นของล้ำค่าที่ทำได้เพียงเฝ้ารอและไม่สามารถบังคับได้เช่นกัน
เหอถงเหนียงอึ้งไปตรงนั้น
เกาเมี่ยวหรงยิ่งสีหน้านิ่ง แล้วความหม่นหมองก็ฉายวาบผ่านไปในดวงตาอย่างเบาบาง
‘แบบลี่มิ่ง’ ที่วังเจินคัด เจียงเซี่ยนก็มอบให้เหอถงเหนียงแบบนี้
เหมือนมอบผักกาดขาวให้
เจียงเซี่ยนรู้หรือไม่ว่าลายมือนั้นมีค่าแค่ไหนกันแน่?
เกาเมี่ยวหรงอัดอั้นตันใจ จนพูดอะไรไม่ออกสักคำนานมาก
ทว่าเหอถงเหนียงได้สติกลับมาแล้ว
นางโบกมือติดกันหลายครั้ง “พี่สะใภ้ ไม่ได้ ไม่ได้ มีค่ามากเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ!”
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ของมีค่าควรมอบให้คนที่เหมาะสมใช้ถึงจะสามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ น้องหญิงชอบพอดี เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าอีกแล้ว ส่วนมีค่าหรือไม่ นั่นก็แตกต่างกันไปตามแต่ละคนเช่นกัน อย่างข้านั้น…ชอบอักษรกึ่งหวัดมากกว่าอักษรบรรจง ‘แบบลี่มิ่ง’ อยู่กับข้า ก็เพียงแค่เก็บไว้ก้นหีบและเอาออกมาตากแดดเป่าลมทุกวันที่หกเดือนหก ดังนั้นมอบให้น้องหญิงชมดีกว่า”
ทว่านี่ก็มีค่าเกินไปแล้วเช่นกัน!
เหอถงเหนียงยังอยากปฏิเสธ ป้าเหอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วว่า “ในเมื่อเป็นสิ่งที่พี่สะใภ้ของเจ้ามอบให้ เจ้าก็รับเอาไว้เถอะ พี่สะใภ้ของเจ้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า นางชอบอักษรกึ่งหวัด ต่อไปหากเจ้าเจอแบบคัดลายมือที่ดี ก็อย่าลืมซื้อมาให้พี่สะใภ้ของเจ้าแล้วกัน คนในครอบครัว…ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้”
————————————
[1] จงเหยา นักเขียนพู่กันจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยสามก๊ก