มู่หนานจือ - บทที่ 319 สินค้าจากทางใต้
วันรุ่งขึ้น หลี่ไท่ก็ซื้อน้ำแข็งที่ต้องการกลับมาแล้ว
จัดการเรื่องสถานที่ที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับแล้ว พวกเรื่องเล็กน้อยอย่างชา เหล้า และลูกอมก็จัดการง่ายแล้ว
เจียงเซี่ยนคุยกับฮูหยินเหอและป้าเหอในห้องข้างตะวันออกของเรือนหลักของเรือนตะวันตกทุกวัน ส่วนหลี่ตงจื้อกับเหอถงเหนียงนั้นตอนเช้าฝึกคัดตัวอักษรในห้องข้างตะวันตก ตอนบ่ายตามฉิงเค่อไปดูว่านางจัดการพวกเรื่องจุกจิกของเรือนตะวันตกอย่างไร
เพราะเจียงเซี่ยน พวกสาวใช้จึงพัดอยู่ในห้องข้างตะวันออก ส่วนห้องข้างตะวันตกนั้นกองภูเขาน้ำแข็งไว้ที่มุมกำแพงแล้ว
ป้าเหอเป่าลมเย็นเบาๆ และกินแตงหวานที่แช่เย็นด้วยตู้แช่ รู้สึกว่าความเย็นจากก้นบึ้งของหัวใจไปถึงทั่วร่างตลอด ไม่รู้ว่าสบายแค่ไหน
นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและเอ่ยว่า “เรือนตะวันตกก็ยังดีกว่าอยู่ดี! ดูต้นฉัตรจีนโบราณที่โตอยู่บนหลังคาของห้องข้างตะวันออกสิ คลุมทั้งหลังคาแล้ว ร่มรื่นมาก สบายกว่ากองภูเขาน้ำแข็งเอาไว้เสียอีก”
เจียงเซี่ยนไม่รู้ว่าป้าเหอเอ่ยเช่นนี้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
ตามหลัก ในบ้านมีของดีก็ควรมอบให้ผู้อาวุโส
แผนผังของเรือนนางกับเรือนตะวันออกคล้ายกัน แค่เพราะหลังหนึ่งอยู่ทางตะวันออกอีกหลังอยู่ทางตะวันตก จึงให้หลี่ฉางชิงอยู่ฝั่งตะวันออก และพวกเขาเลือกฝั่งตะวันตก แต่ใครจะรู้ว่าฝั่งตะวันตกกลับเย็นสบายกว่าฝั่งตะวันออก ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ ก็ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น!
เจียงเซี่ยนจึงยิ้มและเอ่ยกับฮูหยินเหอว่า “ไม่อย่างนั้นต่อไปตอนเที่ยงท่านก็มาพักผ่อนที่เรือนของข้าเถอะ!”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง!” ฮูหยินเหอคิดว่าเรือนตะวันออกกับเรือนตะวันตกต่างก็ซื้อของคนอื่นมา ฝั่งไหนอยู่สบาย นั่นเป็นเจตจำนงของสวรรค์ อย่างไรนางก็ไม่อาจมารบกวนเจียงเซี่ยนบ่อยๆ เพราะเรื่องนี้ได้ “ที่เรือนของข้าก็ดีมากเหมือนกัน ข้าชอบดอกโบตั๋นสองดอกในลานของห้องหลักมาก ไว้ตอนที่ดอกไม้บาน ข้าจะให้สาวใช้เด็ดมาให้ท่านติดเล่นสักสองสามดอก”
เจียงเซี่ยนอดที่จะถอนหายใจในใจไม่ได้ นึกถึงชาติก่อนไป๋ซู่แต่งงานแล้ว ฮูหยินเฒ่าจิ้นอันโหวโกรธไป๋ซู่เพราะของว่างที่ในวังมอบให้เป็นรางวัลสองกล่อง ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ของแม่สามีกับลูกสะใภ้ก็ไม่มีช่วงเวลาที่ดีอีกเลย
ถึงแม้ฮูหยินเหอจะมีข้อบกพร่องมากมาย ทว่ากลับเป็นมิตรกับคนมาก แค่เพียงเรื่องนี้ นางก็ควรดีกับฮูหยินเหอเช่นกัน
ตอนเย็นหลี่เชียนกลับมาอย่างเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว เขาเปลือยท่อนบนและล้างหน้าบ้วนปากต่อหน้านาง
เขาตัวสูงขายาว เอวบางไหล่กว้าง ผิวที่ขาวสะอาดลายละเอียด หยดน้ำไหลไปตามไหล่ และจมอยู่ตรงเอวอย่างคลุมเครือ…ทำให้เจียงเซี่ยนไม่กล้ามองอีก นางหลุบตาลงและถามเขาว่า “วันนี้ไปไหนมา? ทำไมถึงเหงื่อออกมากขนาดนี้?”
หลี่เชียนเปลี่ยนเสื้อชั้นในที่ทอด้วยด้ายละเอียดใหม่ ดื่มน้ำบ๊วยที่สาวใช้ยกเข้ามา สูดหายใจอย่างสบายแล้ว ถึงจะเข้ามาใกล้นาง และหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “พวกอวิ๋นหลินกลับมาแล้ว ได้มาค่อนข้างมากทีเดียว วันนี้ข้าไปดูในคลังเก็บของกับพวกเขามาแล้ว”
เจียงเซี่ยนได้ยินก็สนใจขึ้นมาทันที จึงไม่มีเวลาไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วเช่นกัน และเอ่ยว่า “พวกอวิ๋นหลินนำสินค้ากลับมาจากฝูเจี้ยนด้วยอย่างนั้นหรือ?”
หลี่เชียนพยักหน้า และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นำใบชากับผ้ามา”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็คิดออกอย่างหนึ่ง จึงเอ่ยว่า “ชาเหยียนกับผ้าไหมจางหรือ?”
หลี่เชียนอึ้งไป แล้วก็หัวเราะเสียงดัง เขาประคองใบหน้าของเจียงเซี่ยน และเอ่ยว่า “ทำไมเจ้าถึงฉลาดขนาดนี้? เดาก็ถูกเลย!” เขาพูดไปก็หอมแก้มนางติดกันสองครั้ง
ตั้งแต่เขาจูบนางครั้งก่อน ก็ไม่เคยทำแบบนี้อีกเลย
เจียงเซี่ยนตัวแข็งทื่อ แต่หัวใจกลับเต้นแรง และอดที่จะแอบครุ่นคิดในใจไม่ได้ว่า หากหลี่เชียนยังจูบนางเหมือนครั้งก่อนอีก นางจะผลักเขาออกหรือปล่อยเขาไปดี…
ก่อนแต่งงาน ป้าสะใภ้ใหญ่เคยบอกนางว่า หลี่เชียนรับปากว่าจะไม่แตะต้องนางจนกว่านางจะอายุครบสิบห้าปีเต็ม แถมยังบอกนางว่า แม้หลี่เชียนจะรับปากแล้ว ทว่าจะปฏิบัติตามและอดทนได้หรือไม่กันแน่ ตระกูลเจียงย่อมไม่อาจจับตาดูได้ สุดท้ายก็ยังต้องพึ่งพาตัวนางเองอยู่ดี อยู่แยกห้องจะดีที่สุด หากเขาก่อกวนมาก ก็ให้เขารับสาวใช้ข้างกายเป็นเมียบ่าว
นางเห็นด้วยกับการอยู่แยกห้อง ส่วนเรื่องรับสาวใช้เป็นเมียบ่าวนั้น…เจียงเซี่ยนคิดว่า นี่มีแต่จะทำให้เรื่องราวค่อนข้างซับซ้อน ถึงเวลานั้นดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจ
ใครจะรู้ว่าวันแรกที่พวกเขาแต่งงานกัน หลี่เชียนก็ไม่ยอมอยู่แยกห้อง และรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดตลอด นี่ทำให้เจียงเซี่ยนประหลาดใจมาก แล้วก็นับถือเล็กน้อยเช่นกัน จึงอยากดีกับเขาในเรื่องอื่นสักหน่อย
ใครจะรู้ว่าเขาหอมนางสองทีก็ปล่อยนางแล้ว
เหมือนการนัวเนียในวันนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เจ้าเดาได้อย่างไรว่าพวกอวิ๋นหลินนำชาเหยียนกับผ้าไหมจางกลับมา?” หลี่เชียนมองนางพลางยิ้มตาหยี สายตาสดใสและแวววาว ทอประกายระยิบระยับ สวยที่สุด
“สินค้าที่พวกเจ้านำกลับมาต้องเป็นของที่อยากขายไปนอกด่านอย่างแน่นอน” เจียงเซี่ยนมองตาของเขา และเอ่ยอย่างจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวว่า “ฝูเจี้ยนจะมีอะไรที่สามารถขายไปนอกด่านได้? ก็มีแต่ชาเหยียนกับผ้าไหมจางแล้ว!”
หลี่เชียนก็ยิ้มและถูจมูกของนาง แล้วเอ่ยอย่างสนิทสนมมากว่า “ข้านำกลับมาให้เจ้าหลายพับด้วย พอถึงฤดูหนาวจะได้ตัดเสื้อกันหนาวที่มีซับในให้เจ้าใส่หลายๆ ชุด”
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม และเอ่ยว่า “ใครเขาใช้ผ้าไหมจางตัดเสื้อกันหนาวที่มีซับในกัน…ผ้าไหมจางนั้นใช้สำหรับตัดเสื้อคลุมกับเสื้อคลุมยาว”
“แล้วแต่เจ้า” หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าแบบไหนดีก็ทำแบบนั้น!”
ขอเพียงเจียงเซี่ยนมีความสุขก็พอ
เขาถามถึงสิ่งที่นางทำในช่วงหลายวันนี้ “เรื่องจัดงานเลี้ยงต้อนรับเตรียมเสร็จแล้วหรือ? ไม่มีตรงไหนให้ข้าช่วยจริงๆ หรือ?”
“เจ้าเป็นห่วงเรื่องของตัวเจ้าเองเถอะ” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แค่เชิญผู้หญิงของเรือนด้านในมาไม่กี่คนเท่านั้น มีอะไรให้ยุ่งกัน แต่เจ้าน่ะ…อวิ๋นหลินกลับมาแล้ว พวกเจ้าก็ต้องไปที่ด่านอวี๋หลินอีกใช่หรือไม่? ครั้งที่แล้วตระกูลเซ่าตั้งตัวไม่ทัน จึงปล่อยให้พวกเจ้าบุกผ่านไปได้ ครั้งนี้คงจะเตรียมพร้อมรับมือข้าศึก ดังนั้นอย่าทำสินค้าที่นำกลับมาจากฝูเจี้ยนตกหล่นที่ด่านอวี๋หลิน จะถูกคนจับจุดอ่อนได้”
สินค้าชุดใหญ่ขนาดนั้น ขนส่งจากฝูเจี้ยนมายังซานซี ไม่มีทางที่จะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ หากถูกเปิดโปง ก็จะถูกตระกูลเซ่าจับจุดอ่อนได้ง่ายมาก
หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ หากข้ามีฝีมือแค่นี้ จะหาเงินค่าเครื่องสำอางให้เจ้าได้อย่างไร?”
“พูดเหมือนเจ้าทำเพื่อข้า” เจียงเซี่ยนเบ้ปาก “ข้ายังขาดเงินค่าเครื่องสำอางอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าไม่ขาดหรอก!” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ใครรังเกียจที่จะมีมากล่ะ!”
ทั้งสองคนผลัดกันพูด ข้ามคำพูดที่ว่า ‘พูดเหมือนเจ้าทำเพื่อข้า’ ไป และล้อเล่นกัน
—————————————————–
เรือนเล็กที่จัดให้เกาฝูอวี้ทางตะวันออกของจวนสกุลหลี่มืดสนิท
เกาเมี่ยวหรงร้อนจนนอนไม่ค่อยหลับ
ปีนี้ตระกูลหลี่น้ำแข็งไม่พอใช้ ท่านอาของนางก็ได้แบ่งมาไม่กี่ก้อน อย่างไรพวกนางก็ไม่อาจไปรับน้ำแข็งที่อยู่ในนามของท่านอามาใช้โดยไม่คำนึงถึงร่างกายของท่านอาได้
ทว่าหลายวันนี้ก็ผิดปกติเกินไปแล้วเช่นกัน นี่ยังไม่เข้าสู่ช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปี อากาศก็ร้อนจนทำให้คนเวียนศีรษะและตาพร่าเหมือนจะเป็นไข้แดดตลอดเวลาแล้ว
นางลุกขึ้นมาโบกพัดอีกครั้ง
และเพราะออกแรง บนร่างกายที่เพิ่งจะล้างทำความสะอาดจึงเริ่มเหงื่อออกอีกครั้ง ไม่นานก็ทำให้เสื้อด้านหน้าเปียก
นางโยนพัดกลมไผ่เซียงเฟยลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด
เซียงจื่อที่ได้ยินเสียงตื่นขึ้นมาทันที และเรียกว่า “คุณหนู” แล้วลุกขึ้นมานั่ง
เกาเมี่ยวหรงรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร เจ้านอนเถอะ!” นางเอ่ย แต่ในใจกลับเหมือนซ่อนไฟกองหนึ่งเอาไว้ ราวกับจะลุกไหม้ขึ้นมาในลมหายใจถัดไป
ทว่าเซียงจื่อกลับลุกจากเตียง และเอ่ยว่า “คุณหนู ข้ารินชาให้ท่านสักถ้วยดีกว่า! อากาศร้อนไปหน่อย ท่านดื่มน้ำสักนิด จะได้ชุ่มคอ!”
“ชุ่มคออะไรล่ะ!” ในที่สุดความโกรธที่เก็บเอาไว้มาตลอดก็ค่อยๆ ปะทุออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว “อากาศร้อนขนาดนี้ ดื่มน้ำจะมีประโยชน์หรือ?”