มู่หนานจือ - บทที่ 321 เข้าร่วม
ตระกูลหลี่เปลี่ยนไปอย่างมาก
แม่นมที่ติดตามอยู่ข้างกายฮูหยินซือเข้าไปในเรือนเล็กของเกาเมี่ยวหรงอยู่ ทางเจียงเซี่ยนก็ได้ข่าวแทบจะทันที
และตอนที่อิ้นไฉ่รายงานเจียงเซี่ยน ก็ยังอยู่ต่อหน้าฮูหยินเหอและป้าเหอด้วย
ทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ดีตรงไหน
ในความคิดของพวกนาง ตระกูลเกาก็เหมือนเพื่อนบ้านที่ยืมอาศัยบ้านของพวกนาง ถึงแม้ปกติมีเรื่องอะไรก็ต้องเพิ่มการดูแล แต่ไม่ถึงขนาดที่ว่าบ้านของเพื่อนบ้านมีแขกมา พวกนางก็ต้องเข้าไปก้าวก่าย
เจียงเซี่ยนพอใจกับความคิดของฮูหยินเหอและป้าเหอมาก
นางจึงไม่เตือนฮูหยินเหอกับป้าเหอแล้วเช่นกัน นางส่งสายตาให้ฉิงเค่อ แล้วนางก็ไปสวนดอกไม้ด้านหลังของเรือนตะวันออกเป็นเพื่อนฮูหยินเหอกับป้าเหอ
สองวันก่อนพวกดอกกล้วยไม้ที่นางเลี้ยงในวังส่งมาแล้ว นางให้หลี่ไท่ช่วยสร้างเรือนกระจกที่สวนดอกไม้ด้านหลัง คิดว่าไว้อากาศเย็นสักหน่อยจะปลูกพวกที่ผ่านฤดูหนาวง่ายอย่างต้นส้มกับดอกเหมย เวลานี้เรือนกระจกสร้างไปครึ่งหนึ่งแล้ว ให้ความอบอุ่นไม่ได้ ทว่ากลับบังแดด และวางดอกกล้วยไม้ได้พอดี
แต่ฉิงเค่อกลับอยู่ที่ห้องหลัก
นางเรียกพวกสาวใช้ระดับสองอย่างอิ้นไฉ่เข้ามา และสั่งพวกนางว่า “ถึงแม้แขกของคุณหนูเกาจะไม่เกี่ยวกับพวกเรา ทว่าพวกเจ้าต่างก็เป็นคนที่ออกมาจากในวัง ไม่ต้องให้ข้าบอกก็น่าจะรู้เช่นกัน ตอนนั้นวังฉือหนิง ไม่รู้ว่ามีคนที่เข้าทางเฉาไทเฮาไม่ได้ จึงวิ่งไปเสี่ยงดวง อยากบังเอิญเจอไทฮองไทเฮาหรือท่านหญิงสักหน่อย หรือหาของที่หายากและแปลกประหลาดถวายให้ไทฮองไทเฮาหรือท่านหญิงตั้งเท่าไร ไม่ว่าจะเป็นไทฮองไทเฮาหรือท่านหญิงต่างก็ทนไม่ไหว ถึงแม้ในจวนจะเทียบกับในวังไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรท่านหญิงก็ฐานะสูงศักดิ์ เรื่องบางเรื่องกลับไม่ป้องกันไม่ได้ ต่อไปพวกเจ้าจับตาดูหญิงรับใช้ของท่านเกาให้ดี อย่าให้วิ่งพล่านไปทั่วเรือนด้านใน จัดให้ไปเป็นคนรับใช้ในนามท่านเกา ก็ต้องรับใช้ท่านเกาอย่างซื่อสัตย์ อย่ามองภูเขาลูกนี้แล้วยังคิดถึงภูเขาลูกนั้นอยู่ตลอดเวลา จะสูญเสียผลประโยชน์อันใหญ่เพราะผลประโยชน์อันเล็ก และทำไม่สำเร็จทั้งสองอย่าง”
ทุกคนขานว่า “เจ้าค่ะ” พร้อมกัน
ชีกูเห็นแล้วก็ปรึกษากับฉิงเค่อว่า “แม่นาง ท่านว่าต้องบอกท่านหญิงสักหน่อยหรือไม่ ให้ยกสาวใช้ระดับสองขึ้นมาอีกสักคนสองคน?”
เวลานี้ข้างกายเจียงเซี่ยนมีแค่ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อที่ได้เงินเดือนของสาวใช้ระดับหนึ่ง เซียงเอ๋อร์กับจุ้ยเอ๋อร์เพราะเป็นคนที่หลี่เชียนส่งมา จึงได้เงินเดือนของสาวใช้ระดับสอง ชีกูครองชื่อเสียงและฐานะของแม่บ้าน ส่วนคนอื่นล้วนยังเป็นสาวใช้ที่ไม่ได้เข้าระดับ
ฉิงเค่อยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้ท่านหญิงบอกมาตั้งนานแล้วว่า พวกคนที่ออกจากวังพร้อมกับพวกเรานั้น มีคนที่รับใช้ท่านหญิงอย่างจริงใจ แล้วก็มีคนที่อยากยืมมือของท่านหญิงออกจากวัง จะกำหนดระดับตอนนี้ยังเร็วไปหน่อย ต้องลองใช้ดูก่อน”
ชีกูอดไม่ได้ที่จะกังวลเล็กน้อย และเอ่ยว่า “จะทำให้พวกนางรู้สึกท้อแท้หรือไม่?”
เด็กสาวที่ออกจากวังตามฉิงเค่อชุดนี้อายุยังไม่มาก และหน้าตาก็ล้วนอยู่เหนือมาตรฐานเช่นกัน ที่สำคัญที่สุดคือ มีหลายคนที่รู้หนังสือ คิดบัญชี และคุมงานเป็น หากปล่อยออกไปเพราะเรื่องระดับก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว
ฉิงเค่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนที่พวกเราจะเข้าวัง ที่บ้านต่างก็ยากจนมาก อย่าว่าแต่รู้หนังสือเลย แม้แต่งานเย็บปักถักร้อย บางคนก็เพิ่งจะเรียนรู้หลังจากเข้าวังแล้วเช่นกัน ในเมื่อพวกเราสามารถเรียนรู้ได้ สาวใช้ที่ซื้อเข้ามาอีกก็สามารถเรียนรู้ได้เหมือนกัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่พิเศษอะไร! ยิ่งกว่านั้นหลายวันนี้ในจวนมีคนมากมายมาหาข้าเอง อยากเรียนรู้หนังสือ หากในจวนมีอะไรเปลี่ยนแปลง คนพวกนี้ก็สามารถทดแทนได้ จะไม่ทำให้ธรรมเนียมของเรือนตะวันตกรวนอย่างแน่นอน”
ชีกูคิดแล้วก็รู้สึกว่าฉิงเค่อพูดมีเหตุผลมาก จึงยิ้มและเอ่ยว่า “เพราะข้าประมาทและสะเพร่าเอง จึงไม่ได้คิดมาก”
“ชีกู ท่านเกรงใจแล้ว!” ฉิงเค่อเอ่ยอย่างเจือความนอบน้อมเล็กน้อยว่า “ท่านเพียงแค่ทุ่มเทความสนใจไปที่ท่านหญิง จึงสนใจพวกเรื่องจุกจิกน้อยลงเท่านั้น”
ชีกูเป็นคนของหลี่เชียน ท่านหญิงปฏิบัติกับหลี่เชียนอย่างมีมารยาท พวกนางก็จะปฏิบัติกับชีกูอย่างมีมารยาท
ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะกัน แล้วไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง
เจียงเซี่ยนกำลังยืนคุยกับฮูหยินเหอและป้าเหออยู่ข้างจุหลัน “…ชื่อหม่านถังหง เป็นของที่ผู้ว่าราชการมณฑลฝูเจี้ยนในตอนนั้นส่งบรรณาการมา เป็นดอกกล้วยไม้ที่ออกดอกสีแดงน้อยในจุหลัน และยิ่งแดดส่องแรง สีของมันก็จะยิ่งแดง ดังนั้นจึงต้องเลี้ยงอยู่กลางแจ้ง ไม่อย่างนั้นดอกไม้ที่บานออกมาก็จะไม่สวย ด้วยเหตุนี้ อุทยานซั่งหลินจึงคิดขึ้นมาวิธีหนึ่ง วางกระจกทองแดงไว้หน้าเทียนที่จุดไฟ แล้วสะท้อนแสงไปที่ดอกกล้วยไม้ จะทำให้ดอกของมันแดงมากขึ้น ทว่าข้าเห็นแล้วกลับรู้สึกเหมือนฝืนกฎธรรมชาติ น่าสงสารมาก จึงไม่ใช้วิธีของพวกเขา ปล่อยให้มันโตอย่างอิสระ เจอปีไหนอากาศร้อน ดอกไม้ก็จะออกแดงหน่อย เจออากาศธรรมดา ดอกไม้ก็จะออกซีดหน่อย”
ฮูหยินเหอกับป้าเหอพยักหน้าติดกันหลายครั้ง
ป้าเหอมองหม่านถังหงที่ถูกบรรจุอยู่ในกระถางเซี่ยนหยาง และเอ่ยอย่างกังวลว่า “ท่านหญิง ดอกไม้นี้ต้องแพงมากแน่นอนใช่หรือไม่? ข้าว่าท่านทำเครื่องหมายไว้บนกระถางนี้ดีกว่า จะได้ไม่ถูกคนคิดว่าเป็นวัชพืชทั่วไปและถอน นั่นก็แย่แล้ว”
“ไม่หรอก!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คนในเรือนของข้าล้วนรู้จักดอกกล้วยไม้เหล่านี้”
“แต่เทียบกับคนอื่นที่ไม่รู้จักไม่ได้นี่นา!” ป้าเหอมองดอกกล้วยไม้เหมือนมองทองวางกองอยู่ภายใต้สายตาของทุกคนอย่างสะเปะสะปะ จึงกระวนกระวายมาก “ท่านหญิง ท่านฟังที่ข้าเตือนสักคำเถอะ! ไว้ผ่านไปสักระยะ ทุกคนต่างรู้ว่าดอกกล้วยไม้นี้ล้ำค่าแค่ไหนแล้ว ท่านค่อยวางไว้แบบนี้ก็ไม่สายเช่นกัน ไม่อย่างนั้นหากมีอุบัติเหตุ ต่อให้ร้องไห้ก็ไม่มีทางชดใช้ได้อยู่ดี!”
ดอกกล้วยไม้เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เจียงเซี่ยนเลี้ยงในวัง และเลี้ยงมาหลายปีแล้ว จึงมีความผูกพัน
ชาติก่อน นางยังเคยพูดเล่นกับเมิ่งฟางหลิงว่า หากนางตาย ก็ฝังดอกกล้วยไม้เหล่านี้ไปพร้อมกับนางแล้วกัน
นางได้ยินแล้วก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็สั่งให้ไป่เจี๋ยย้ายดอกไม้ไปที่ห้องหลัก
ป้าเหอโล่งอก พอกลับถึงห้องข้างที่ตนเองอยู่ก็สั่งสอนคนที่อยู่ข้างกายว่า “ดูให้ดีล่ะ อย่าคิดว่าหน้าตาเหมือนต้นหอมก็เป็นต้นหอมจริงๆ ไม่แน่นั่นอาจจะเป็นดารารัตน์ก็ได้ ต่อให้ขายพวกเจ้าไปก็ซื้อไม่ไหวอยู่ดี หากมีใครลงมือทำลายของในจวน และทำให้ข้าเสียหน้า อย่าโทษว่าข้าไม่ไว้หน้า ข้าจะขายให้ซ่องโสเภณีชั้นต่ำให้หมด และอย่าได้คิดที่จะลืมตาอ้าปากอีกเลย”
พวกคนรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายตกใจจนหน้าซีด และขานว่า “เจ้าค่ะ” อย่างตัวสั่น
สีหน้าของป้าเหอถึงจะดีขึ้น และไปหาเหอถงเหนียง ปรึกษาว่าวันที่สองจะใส่อะไรดี
ตระกูลเหอลงแรงอบรมสั่งสอนเหอถงเหนียงไปมาก สายตาของนางก็ต้องสูงกว่ามารดาของนางขั้นหนึ่ง
“ท่านก็ใส่เสื้อกั๊กยาวผ้าโปร่งสีแดงอ่อนกับเสื้อชั้นเดียวบางๆ ลายแท่งเงินสีขาวแล้วกัน” นางหาเสื้อผ้าสองตัวจากในหีบของมารดา “ส่วนเครื่องประดับ…ก็ติดดอกไม้ดอกใหญ่ที่ประดับด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้ากับตุ้มหูมรกตแล้วกัน อากาศร้อน และท่านก็ไม่มีพระราชโองการพระราชทานบรรดาศักดิ์จากราชสำนัก แต่งตัวยิ่งใหญ่เกินไป จะทำให้คนเห็นแล้วก็ร้อน กลายเป็นไม่ดี”
ป้าเหอพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และถามเหอถงเหนียงว่า “เช่นนั้นเจ้าจะใส่อะไร?”
“ข้าใส่เสื้อกั๊กยาวผ้าโปร่งสีเขียวขจี” เหอถงเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ตงจื้อใส่สีฟ้าน้ำทะเล แบบนี้พวกเราก็ไม่ซ้ำกันแล้ว” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และเอ่ยว่า “แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นที่มาร่วมงานเลี้ยงจะใส่ชุดอะไรบ้าง? ตงจื้อส่งคนไปถามคุณหนูเกาแล้ว คุณหนูเกาบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ!”
ป้าเหอนึกถึงเกาเมี่ยวหรงที่สุภาพเรียบร้อยและสุขุมเยือกเย็น แล้วมองลูกสาวของตนเองที่ขี้ขลาดและรู้จักแต่หลบอยู่หลังนาง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ พลางเอ่ยว่า “คุณหนูเกาแต่งตัวเป็นมาโดยตลอด แทนที่เจ้าจะเป็นห่วงนาง สู้เป็นห่วงตนเองดีกว่า”
เหอถงเหนียงเม้มปากยิ้ม ท่าทางสงบนิ่งเหมือนดอกมะลิที่บานอย่างเงียบเชียบ
ป้าเหออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจอีกครั้ง
ช่างเถอะ ช่างเถอะ!
ทุกคนต่างก็จะมีเส้นทางชีวิตของตนเอง บางทีนี่อาจจะเป็นชีวิตของถงเหนียงของพวกนางก็ได้
ก็บังคับไม่ได้เช่นกัน!