มู่หนานจือ - บทที่ 327 โหมซัดสาด
เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยต่อจากคุณหนูสามตระกูลซือ โดยเอ่ยอย่างอ้อมค้อมว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก ดังนั้นจึงเชิญแขกไม่มากนัก แม่นางเกาเป็นผู้อาศัย จะให้นางมาช่วยต้อนรับแขกได้อย่างไร”
แต่คุณหนูสามตระกูลซือดันไม่เข้าใจ พอได้ยินก็มองเจียงเซี่ยนอย่างตกใจ และเอ่ยว่า “ต้อนรับแขก? พี่เกาไม่ใช่หญิงรับใช้เสียหน่อย ท่านจะบอกให้นางมาต้อนรับแขกได้อย่างไร? ท่านหญิงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!”
ในห้องเงียบสงัดและเงียบกริบทันที
ฮูหยินติงหลุบตาลง และหมุนกำไลหยกมันแพะบนข้อมือเบาๆ
ส่วนฮูหยินหลี่ก็เบิกตาโตมองคุณหนูสามตระกูลซือ เหมือนได้ยินคำพูดที่ไม่อยากจะเชื่อ
พอฮูหยินซือเห็นก็ร้อนใจมาก
ลูกสาวจะต้องทำอะไรพลาดอย่างแน่นอน
ทว่าทำอะไรพลาดกันแน่?
แม้เกาเมี่ยวหรงจะเป็นผู้อาศัย แต่ก็เป็นประชาชนธรรมดาเช่นกัน ต่อให้เจียงเซี่ยนเป็นท่านหญิง ก็ไม่สามารถให้เกาเมี่ยวหรงทำงานรับใช้ได้…ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่ก็คิดว่าเจียงเซี่ยนพูดถูกเหมือนกันอย่างนั้นหรือ? ในสายตาของพวกนางเกาเมี่ยวหรงก็เป็นหญิงรับใช้คนหนึ่งหรือ?
นางนึกถึงที่ตนเองยังอยากเป็นแม่สื่อให้เกาเมี่ยวหรง แล้วเหงื่อเม็ดเล็กๆ ก็ผุดออกมาทางหน้าผาก และรีบตวาดว่าลูกสาวว่า “ยังไม่ขอโทษท่านหญิงอีก! ที่นี่มีผู้อาวุโสอยู่มากขนาดนี้ เจ้ามีสิทธิพูดที่ไหนกัน!”
คุณหนูสามตระกูลซือยังไม่รู้ว่าตนเองผิดตรงไหน ทว่าสถานการณ์บีบบังคับ ดวงตาของนางฉายแววน้อยใจ และก้มหน้าเข้าไปขอโทษเจียงเซี่ยน
เจียงเซี่ยนดูใจกว้างมาก นางยิ้มพลางเอ่ยกับคุณหนูสามตระกูลซือว่า “อาของคุณหนูเกาเป็นผู้ช่วยของท่านพ่อ นางรับใช้อาของนางและอาศัยอยู่ที่จวนสกุลหลี่ ก็เป็นแขกของพวกเรา หากพวกเจ้าพี่น้องจัดพวกการละเล่นหรือชมรมกวี คุณหนูเกาสุภาพเยือกเย็น งดงาม และรู้หนังสือ พวกเจ้าเชิญนางด้วย ข้าดีใจยังไม่ทันเลย แต่โอกาสอย่างวันนี้กลับไม่ค่อยสะดวกที่จะเชิญนางนัก…คุณหนูลู่ทั้งสองตามฮูหยินลู่มา คุณหนูติงตามฮูหยินติงมา คุณหนูสามซือเอง…ก็ตามฮูหยินซือมา…”
แล้วเกาเมี่ยวหรงมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ในนามใคร?
เจียงเซี่ยนเกือบจะถามเรื่องนี้ออกไปแล้ว!
เกาเมี่ยวหรงมีสิทธิอะไรมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้?
คุณหนูสามตระกูลซือหน้าแดงก่ำ รู้ว่าตนเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางฮูหยินซือเหมือนขอความช่วยเหลือ
ฮูหยินซือกระวนกระวายใจแล้ว
ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจเหตุผลนี้ ทว่าทุกครั้งเกาเมี่ยวหรงปรากฏตัวอย่างสมเหตุสมผลมาก ทำให้นางคิดว่าเกาเมี่ยวหรงไม่เพียงแต่ได้รับความไว้วางใจจากฮูหยินเหอ ทว่ายังเป็นผู้ควบคุมงานของตระกูลหลี่ไปโดยปริยายด้วย และก่อนที่เจียงเซี่ยนจะแต่งเข้ามา นางมีเรื่องมาขอร้องเกาเมี่ยวหรงหลายครั้ง เกาเมี่ยวหรงก็สามารถตัดสินใจได้หมด และพูดคำไหนคำนั้น ช่วยนางจัดการเรื่องราว จนทำให้นางมองข้ามชาติกำเนิดของเกาเมี่ยวหรงไปอย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นข้อห้ามสำคัญ!
ฮูหยินซือตกใจจนเหงื่อตกทั้งตัว
“ซานเม่ย!” นางเรียกชื่อเล่นของลูกสาวพลางจูงมือของลูกสาว แล้วขอโทษเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ “ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไม่สั่งสอนให้ดี จึงทำให้ท่านหญิงถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ข้าว่าพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปที่บ้านของใต้เท้าลู่แล้วเช่นกัน ไปที่บ้านข้ากันให้หมด ข้าเลี้ยงเหล้าทุกคน ขอบคุณท่านหญิงที่สั่งสอนธรรมเนียมให้ซานเม่ยของพวกเรา”
คุณหนูสามตระกูลซือสีหน้าซืดเผือด และไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
นางรู้ว่าวันนี้นางเสียหน้ามาก หวังเพียงว่าคุณหนูติงกับคุณหนูตระกูลลู่จะไม่ใช่คนปากมาก และไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
แน่นอนว่าพวกฮูหยินติงย่อมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ทว่าฮูหยินของผู้บัญชาการหวังกลับเป็นคนจิตใจเมตตา เห็นเด็กสาวที่สวยอย่างคุณหนูสามตระกูลซือ ก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนเล็กน้อย จึงออกมาไกล่เกลี่ย โดยยิ้มพลางเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิงยังอายุไม่เท่าคุณหนูสามตระกูลซือใช่หรือไม่? สมกับเป็นผู้หญิงที่ไทฮองไทเฮาสอนมา หากพูดถึงพวกการวางตัวในสังคม คงทิ้งห่างพวกเด็กสาวที่เลี้ยงอยู่ในตระกูลของพวกเราไปไกลมาก จะว่าไป…ข้าก็อยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อย ท่านหญิงคอยดูว่าไทฮองไทเฮาจัดการเรื่องในวังอย่างไรมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า?”
เจียงเซี่ยนไม่อยากทิ้งภาพจำที่ร้ายกาจเอาไว้ต่อหน้าทุกคน จึงปล่อยแม่ลูกสกุลซือไป และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไทฮองไทเฮาอายุมากแล้ว จึงไม่ยุ่งเรื่องจุกจิกในวังตั้งนานแล้ว มีอะไร นางกำนัลในวังก็เป็นคนจัดการหมด เรื่องพวกนี้ก็เป็นเพียงความรู้สึกที่คนธรรมดามีเท่านั้น”
เฉาไทเฮาไม่ถูกกับไทฮองไทเฮา ไทฮองไทเฮาจึงอ้างว่าเป็นหม้ายและไม่ยุ่งทุกเรื่อง เหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักต่างก็รู้ ฮูหยินหวังถามคำถามแบบนี้ออกมาอย่างจริงใจ แสดงว่าปกติฮูหยินหวังก็ไม่ค่อยติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของตระกูลขุนนางเช่นกัน
เจียงเซี่ยนครุ่นคิด พลางยิ้มและเอ่ยกับแม่ลูกสกุลซือว่า “ข้าอายุน้อย พูดจาตรงไปตรงมา หากมีตรงไหนล่วงเกินคุณหนูสามตระกูลซือไป ก็ขอให้คุณหนูสามตระกูลซืออย่าได้ตำหนิ!” และเอ่ยอีกว่า “คุณหนูเกาเป็นคนอ่อนโยน ตอนที่ข้ายังไม่แต่งเข้ามา นางมักจะอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ ท่านแม่ก็ไม่ได้เห็นนางเป็นคนนอกเช่นกัน และเห็นนางเป็นเหมือนลูกสาว นางไม่มีผู้อาวุโสที่เป็นผู้หญิงดูแล ท่านแม่ก็มักจะพานางไปออกหน้าเข้าสังคม นางก็มอบของให้กันและกัน โดยมักจะสอนการบ้านน้องสาวสามีของข้า เจ้าเล่นกับนางได้มาตลอด จะห่างเหินกับนางเพราะเรื่องในวันนี้ไม่ได้เชียว”
คำพูดอธิบายว่าทำไมก่อนหน้านี้เกาเมี่ยวหรงถึงเข้าสังคมเป็นเพื่อนฮูหยินเหอได้อย่างชัดเจนมาก แถมยังถือโอกาสมัดคุณหนูสามตระกูลซือกับเกาเมี่ยวหรงไว้ด้วยกัน…หากตั้งแต่นี้ไปพวกนางไม่เล่นด้วยกันอีก คุณหนูสามตระกูลซือก็จะถูกสงสัยว่าเอนเอียงไปหาฝั่งที่เป็นประโยชน์และหลีกเลี่ยงฝั่งที่เป็นอันตราย
ฮูหยินซือใกล้จะรักษารอยยิ้มเอาไว้ต่อไปไม่ได้แล้ว
แต่คุณหนูสามตระกูลซือกลับโกรธจนตัวสั่น
นางชอบเกาเมี่ยวหรงจริงๆ และไม่เกี่ยวกับเกาเมี่ยวหรงมีชาติกำเนิดอย่างไรด้วยซ้ำ พอเจียงเซี่ยนพูดแบบนี้ ก็เหมือนนางรังเกียคนจนและชอบคนรวย มิตรภาพกับเกาเมี่ยวหรงเป็นของปลอมทั้งหมด
คุณหนูสามตระกูลซืออ้าปากอยากจะแก้ต่างเล็กน้อย ทว่าฮูหยินซือที่มีประสบการณ์กว่านางกลับรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีกแล้ว หยุดไว้ตรงนี้จะดีที่สุด มีเรื่องอะไร ค่อยอธิบายทีหลัง
“ท่านหญิงเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็ต้องขุดอุโมงค์ใต้ดินแล้ว” ฮูหยินซือแสร้งทำเป็นยิ้ม “ลูกสาวคนที่สามของข้าคนนี้ ถูกคนตามใจจนเสียคนแล้ว ยังดีที่วันนี้ท่านหญิงช่วยข้าอบรมสั่งสอนนาง ข้าขอบคุณยังไม่ทันเลย จะกล้าว่าท่านหญิงผิดได้อย่างไร”
“คุยกันชัดเจนแล้วก็ดี!” ฮูหยินหวังยิ้มพลางเป็นคนไกล่เกลี่ยอีกครั้ง “คุณหนูสามซือต่อไปเจอเรื่องแบบนี้อีกจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้อีกแล้วนะ ท่านหญิงนั้น…ก็เป็นคนใจกว้างเช่นกัน” นางเอ่ยจบก็ถามฮูหยินซือกับฮูหยินลู่ว่า “พรุ่งนี้พวกเราไปบ้านใครกันแน่? ข้าจะไปกินข้าวฟรี ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ให้ข้าสักที่เถอะ!”
ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน
ฮูหยินลู่รีบเอ่ยว่า “ทุกเรื่องก็ต้องว่ากันตามลำดับก่อนหลังกระมัง? พรุ่งนี้ต้องไปบ้านข้าอยู่แล้ว! พวกเจ้าใครก็ห้ามแย่งข้าทั้งนั้น!”
“ได้สิ!” ฮูหยินหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเหมือนกับฮูหยินหวัง ขอเพียงมีของกินก็พอ ไม่สนหรอกว่าเป็นของตระกูลซือหรือของตระกูลลู่”
ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง
เรื่องนี้จึงเหมือนจะปล่อยไปแบบนี้แล้ว
จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกแล้ว ฮูหยินติงกับฮูหยินหลี่นั่งในรถม้าคันเดียวกัน
ฮูหยินติงหลับตาพักผ่อนครู่หนึ่ง พอรู้สึกว่ารถม้าออกจากจวนสกุลหลี่แล้ว ถึงจะเอ่ยกับฮูหยินหลี่ว่า “เรื่องในวันนี้…เจ้าคิดอย่างไร?”
“เก่งมาก!” ฮูหยินหลี่คิดแล้วก็พึมพำว่า “แล้วก็ร้ายกาจมากเช่นกัน เกรงว่าต่อไปตระกูลหลี่ก็คงจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางแล้ว”
ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงที่ฐานะมีอำนาจมากตั้งเท่าไรที่แต่งไปบ้านสามี และสุดท้ายกลับควบคุมแม้แต่อนุภรรยาคนหนึ่งไม่ได้
อย่างเจียงเซี่ยนที่แต่งเข้ามาก็จัดการพ่อแม่สามีได้เลยนั้น…มีน้อยมาก!