ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่ 35 คลื่นถาโถม (2)
ยอดคุณหมอสกุลเฉิน ยอดคุณหมอสกุลเงิน – ตอนที่ 35 คลื่นถาโถม (2)
ความจริงฉีเล่ยเป็นชายหนุ่มที่สุภาพ แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ ไม่เพียงพูดจาหยิ่งจองหองอวดดียังก้าวร้าวมากอีกด้วย ฉีเลยจึงไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีกเขาหันไปบอกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนนั้นว่า
ทําไมผมจะต้องลงทะเบียนด้วย? ในเมื่อผมไม่ใช่คนนอกที่มาติดต่อธุระผมมาที่นี่เพื่อรายงานตัวเป็นเจ้าหน้าที่ในกรมอนามัย!ยังจําเป็นต้องลงทะเบียนด้วยเหรอครับ?
โอ้โห! เดี๋ยวนี้กระทั่งตําแหน่งภารโรงยังต้องมีการรายงานตัวด้วยเหรอ?
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องมองฉีเลยตั้งหัวจรดเท้าพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน เขาเคยพบเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มามากมาย เพราะมีคนพยายามที่จะ แอบเข้าไปข้างในอยู่บ่อยๆ แล้วก็แอบอ้างว่ามารายงานตัวแบบนี้
ต่อให้มารายงานตัวเป็นภารโรงคนใหม่ก็ต้องลงทะเบียน!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องมองฉีเล่ยด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม และในใจก็ได้แต่คิดว่า
หึ! แกอย่ามาหลอกฉันให้ยากเลย ฉันเจอคนอย่างแกมาเยอะแล้วชอบอ้างว่ามารายงานตัว จะได้ไม่ต้องลงทะเบียน..
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เชื่อว่าฉีเลยจะมารายงานตัวเพื่อเข้าทํางานที่นี่จริงเพราะเขาสังเกตเห็นชายหนุ่มตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถแท็กซี่แล้วหากเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีตําแหน่งในระดับสูงขึ้นไปหน่อยส่วนใหญ่จะมีรถขับกันทุกคน
แต่นี่เลยกลับเดินทางมาด้วยรถแท็กซี่สภาพแบบนี้แน่นอนว่าถ้ามารายงานตัวจริงก็คงจะเป็นตําแหน่งที่ ต่ําต้อยอย่างแน่นอน
ผมมีจดหมายจากกรมอนามัยมาด้วย!
ฉีเลยเริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย เขาหยิบจดหมายที่เลขานุการของหลิวเฟิงเจิ้นออกมาพร้อมกับคลี่ออกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ่านดู
ไหน? จดหมายอะไรกัน?
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปใกล้หลงเฉินมากขึ้นพร้อมกับจ้องมองรายละเอียดในจดหมายที่ฉีเลยถืออยู่และสิ่งแรกที่เขาสังเกตเห็นก็คือ ตราประทับสี แดงของกรมอนามัยมณฑลหนานเจียงแต่ภายในจดหมายก ลับไม่ได้ระบุตําแหน่งหน้าที่ชัดเจนมีเพียงแค่ประโยคกว้างๆสองสามประโยคเท่านั้น
หืมม
จากสีหน้าท่าทางของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเวลานี้ ฉีเล่ยถึงกับต้องถามออกมาด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
ยังต้องลงทะเบียนอีกงั้นเหรอ?
ยังไงก็ต้องลงทะเบียนก่อน!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตวาดใส่หน้าฉีเลยด้วยความโมโหก่อนจะเชิดหน้าพูดกับชายหนุ่มต่อทันที
ฉันเคยเจอคนมารายงานตัวแบบนี้เยอะแยะ จะเป็นใครก็ต้องลงทะเบียนที่นี่ก่อนทั้งนั้น ถึงจะเข้าไปข้างในได้!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ มีพี่เขยเป็นถึงผู้อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของที่นี่ จึงได้มีนิสัยจองหองอวดดีและกร่างกับผู้คนไปทั่ว แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับล่าง ไปจนถึงระดับกลางของที่นี่ยังต้องยิ้มทักทายเขาระหว่าง เข้าออก แล้วชายหนุ่มคนนี้ เพียงแค่มารายงานตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการเล็กๆ เขาจําเป็นต้องเกรงใจด้วยอย่างนั้นหรือ?
ฉีเล่ยค่อยๆพับจดหมายฉบับนั้นเก็บเข้ากระเป๋าไปตามเดิม แล้วจึงหันไปจ้องหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นพร้อมกับถามขึ้นว่า
แล้วตอนที่หัวหน้าหลิวมารับตําแหน่งเธอต้องลงทะเบียนกับคุณก่อน ถึงจะสามารถเข้าไปทํางานด้วยมั้ย?
หลังจากพูดจบ ฉีเล่ยก็เดินตรงเข้าไปด้านในทันทีโดยไม่สนใจพนักงานรักษาความปลอดภัยอีก..
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยากจะไล่ตามไปและจับชายหนุ่มโยนออกไปด้านนอกแต่ในจดหมายฉบับนั้นก็ยืนยันได้ว่าเขาเข้ามารายงานตัวเพื่อทํางานที่นี่ จริง เพียงแต่ไม่รู้ว่าตําแหน่งใดเท่านั้นเองเพราะฉะนั้นเขาซึ่งเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงไม่สามารถห้ามไม่ให้ฉีเลยเข้าไปได้ทําได้เพียงแค่ยืนกัดฟันกรอดด้วยความโมโห..
นี่นายมัวแต่ยืนทําอะไรอยู่? ทําไมยังไม่รีบไปเปิดประตูอีก?
เสียงมีอํานาจคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังของพนักงานรักษาความปลอดภัยเขาจึงรีบหันไปร้องบอกคนผู้นั้นทันที
พี่เขย พี่เขยมาได้เวลาเหมาะเจาะพอดี ผู้ชายที่เพิ่งเดิน เข้าไปเมื่อครู่ไม่ยอมลงทะเบียนตามกฎระเบียบแต่อ้างว่ามารายงานตัวเข้าทํางานแล้วก็เดินเข้าไปเลย..
แต่เป็นเพราะเขาถือจดหมายที่ออกโดยกรมมาด้วยฉันก็เลยไม่สามารถห้ามเขาไม่ให้เข้าไปได้! ไม่ว่าฉันจะพยายามอธิบายให้ฟังยังไงหมอนั้นก็ไม่ยอมท่าเดียว!
เวลานี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้แต่กระหยิ่มยิ้มองอยู่ในใจ และได้แต่คิดว่า ฉันอาจจะทําอะไรแกไม่ได้แต่พี่เขยของฉันจัดการกับแกได้แน่? เขามีตําแหน่งเป็นถึงผู้ อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลให้มันรู้ไปว่าจะจัดการกับเจ้าหน้าที่ ที่เพิ่งจะมารายงานตัวไม่ถึงวันอย่างแกได้
ผู้อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลถึงกับขมวดคิ้ว พร้อมกับร้องถามออกไปว่า เขามารายงานตัวเข้าทํางานหน่วย ไหน?
ในหนังสือฉบับนั้นไม่ได้ระบุรายละเอียดพวกนี้เพียงแค่เขียนประโยคสั้นๆว่า ทีมแพทย์พิเศษ!
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะไม่เข้าใจความสําคัญของคําว่าทีมแพทย์พิเศษดีนัก!
ผู้อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลถึงกับต้องถามย้ําอีกครั้ง นี่นายแน่ใจนะว่าอ่านไม่ผิด?
ไม่ผิดแน่นอนครับพี่เขย ฉันเห็นชัดเจน!
ในฐานะที่เป็นถึงผู้อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจตําแหน่งต่างๆ ในองค์การของตนเองเป็นอย่างดีและคําว่า ทีมแพทย์พิเศษ นั้น ย่อมบ่งบอกว่ามีฐานะที่พิเศษไม่ธรรมดา
ปกติแล้ว แพทย์พิเศษจะต้องมารายงานตัวพร้อมกับคณะกรรมการของกรมอนามัยประจํามณฑลนี่!แต่ทําไมครั้งนี้ถึงได้มารายงานตัวคนเดียวล่ะ?
ผู้อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้แต่ครุ่นคิดด้วยสีหน้างุนงงสงสัย และที่สําคัญ แพทย์ที่จะมาอยู่ในทีม แพทย์พิเศษนั้นล้วนแล้วแต่ต้องเป็นหมอที่มีอายุมาก และ ผ่านประสบการณ์มาหลายปีที่อายุน้อยที่สุดก็ยังสี่ สิบปีขึ้นไป แต่ทําไมแพทย์พิเศษคนนี้ถึงได้ยังดูหนุ่มแน่นขนาดนี้!
หลังจากใคร่ครวญดูครู่หนึ่งแล้ว จู่ๆ สีหน้าของผู้อํานวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีนักเขาจึงรีบสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมว่า
รีบไปตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาอีกสักสองสามคนแล้วรีบตามฉันเข้าไป!
แผนกรักษาความปลอดภัยนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายทรัพยากรบุคคลด้วย ผู้อํานวยการจึงมีหน้าที่สั่งการได้อย่างเต็มที่
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายนั้นยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข และได้แต่คิดในใจว่า ดูท่าพี่เขยของเขาคงจะช่วยจัดการหมอนั่นแทนเขาแน่เขาจึงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไป ตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในห้องให้ตามไปด้วยทันที
ฉีเลยเดินเข้าไปในอาคาร และจากป้ายที่ติดอยู่ด้านนอกทําให้เขารู้ว่าที่ที่เขาจะต้องไปรายงานตัวนั้นอยู่ชั้นสาม
หลังจากขึ้นไปถึง ชายหนุ่มก็ได้ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องและจากประตูที่เปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่งนั้น ทําให้เขาได้ เห็นชายหนุ่มแต่งตัวสะอาดสะอ้านคนหนึ่งกําลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะทํางาน
ก๊อกๆ
ฉีเล่ยเคาะประตูอย่างมีมารยาท ชายหนุ่มที่อยู่ด้านในเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับร้องถามออกไปว่า
คุณมาพบใคร?
สวัสดีครับ คือผมมารายงาน…
ระหว่างที่พูด ฉีเลยก็ได้หยิบจดหมายฉบับเดิมออกมาอีกครั้งและเตรียมตัวที่จะอธิบายเหตุผลให้กับชายหนุ่มตรงหน้าฟังแต่เขากลับยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับพูดแทรกขึ้นทันที
คุณรอประเดี๋ยวก่อน ตอนนี้ผมยุ่งมาก!
จากนั้น ชายหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาเขียนต่อโดยไม่สนใจฉีเล่ยเลยแม้แต่น้อย
ฉีเล่ยยังคงรอคอยอย่างอดทนอีกราวสองสามนาที แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคงจะยังไม่เขียนเสร็จง่ายๆแน่ ทําให้ฉีเลยได้แต่ยืนเก้ๆกังๆพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศรีษะด้วยความกระ อักกระอ่วนใจอยู่เป็นครั้งคราวและได้แต่แอบบ่นพึมพําอยู่ในใจ
เฮ้อ.. นี่จะหยุดเขียนสักครู่ไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ? มันเสียเวลาของเขาขนาดนั้นเลยหรือยังไง? กระทั่งเก้าอี้ให้นั่งรอก็ยังไม่มี!
หลังจากยืนรออยู่ครู่ใหญ่ และไม่มีท่าทีว่าชายหนุ่มจะหยุดเขียนเสียทีฉีเล่ยจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับยื่นจดหมายในมือให้ชายหนุ่มและพูดขึ้นว่า
ขอโทษนะครับ! รบกวนช่วยจัดการเรื่องของผมก่อนจะได้มั้ยครับ?
ชายหนุ่มร้องตอบฉีเลย โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง คุณจะรีบร้อนไปไหนกัน? ไม่เห็นหรือยังไงว่า ผมกําลังเร่ งทํางานที่หัวหน้าหลิวสั่งอยู่?ธุระของคุณสําคัญกว่าธุระขอ งหัวหน้าหลิวหรือยังไง?ไหนลองตอบผมที่สิ?
ฉีเลยได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงสงสัย นี่คุณนายหลิวไม่ได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านงั้นเหรอ? หรือว่าจะมีหัวหน้าหลิวหลายคน?
ฉีเล่ยจึงได้เอ่ยปากถามชายหนุ่มออกไปว่า ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่มีหัวหน้าหลิวกี่คนครับ?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขายกมือขึ้นตบโต๊ะ พร้อมกับลุกขึ้นยืนตวาดใส่หน้าฉีเลยทันที
กลับไปยืนรออยู่หน้าประตูเดี๋ยวนี้! ถามอยู่ได้ รู้มั้ยว่าคุณกําลังรบกวนสมาธิในการทํางานของผมอยู่? นี่ถ้าผม ส่งงานให้หัวหน้าหลิวล่าช้าคุณจะรับผิดชอบไหวเหเรอ?
หลังจากนั้นด้วยความโมโห ชายหนุ่มจึงได้กระชากจดหมายในมือของฉีเลยมา และเตรียมที่จะขยําทิ้งขยะไป แต่ ในระหว่างนั้นบังเอิญสายตาของเขาได้เหลือบไปเห็นคําว่า ทีมแพทย์พิเศษ ที่อยู่ในจดหมายเข้า
ห้ะ?!
ชายหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และรีบยกจดหมายในมือขึ้นมาดูชัดๆอีกครั้ง และเมื่อได้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจนเขาก็ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมองฉีเลยด้วย ความตกตะลึงก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ค่อนข้างสั่น
เอ่อ.. นี่คุณมารายงานตัวในฐานะแพทย์พิเศษเหรอครับ?
ครับ! ฉีเลยพยักหน้า และตอบกลับเพียงแค่สั้นๆ
ขอโทษครับ! กรุณายกโทษให้ผมด้วย!
ชายหนุ่มรีบโค้งคํานับเล่ยด้วยใบหน้าที่แดง พร้อมกับเอ่ยขอโทษทันทีก่อนจะถามร้องถามฉีเล่ยต่อว่า
คุณ.. คุณคงจะเป็นคุณหมอฉีสินะครับ? ผมต้องขอโทษคุณหมอฉีที่เสียมารยาทเมื่อครู่นี้! ผมคิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นหนึ่งในทีมแพทย์พิเศษจริงๆครับ!
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็รีบกระวีกระวาดยกเก้าอี้มาให้ฉีเล่ยนั่งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางนอบน้อม
เชิญคุณหมอฉีนั่งก่อนครับ และนี่น้ําดื่ม ผมจะรีบไปรายงานหัวหน้าเกาให้ทราบก่อนนะครับ!