ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่210 นางแบบคนดีคนเดิมมาอีกแล้ว
ตอนที่210 นางแบบคนดีคนเดิมมาอีกแล้ว
ภายในใจฉีเล่ยสั่นสะท้านขึ้นมาวูบหนึ่ง น้ำเสียงแผ่วเบาลงทันทีอย่างช่วยไม่ได้ เขาเอ่ยถามขึ้นว่า
“ใครกัน?”
“เดี๋ยวเธอออกมาก็รู้เองล่ะ”
“ผมจะรู้จักเธอด้วยเหรอ?”
“แน่นอน นายรู้จักดีเลยล่ะ เหลือแค่ขึ้นเตียงด้วยกันเท่านั้น”
“….”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยสนทนากันอยู่นั้นเอง ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ปรากฏเป็นสาวสวยร่างสูงสุดเซ็กซี่เดินออกมา
เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ผมยาวพาดบ่า สวมรองเท้าผ้าฝ้าย เอกลักษณ์ที่โดดเด่นสุดของหญิงสาวคนนี้คงจะหนีไม่พ้นเรียวขาวยาวนวลเนียน ซึ่งช่วยให้เธอดูมีเสน่ห์เข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาแบบนี้ที่ไม่มีอะไรปกคลุม
หญิงสาวเดิมตรงเข้ามาหาฉีเล่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูมีความสุขอย่างมาก เธอสวมกอดฉีเล่ยแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ฉีเล่ย มาถึงแล้วเหรอ!”
ฉีเล่ยสัมผัสได้ถึงเนินอกนวลเนียนของอีกฝ่าย ประกอบกับกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูและครีมอาบน้ำที่ฟุ้งออกมา เขาถึงกับเผลอกวาดสายตามองไปที่ขอบชุดคลุมอาบน้ำแวบหนึ่ง และมองเห็นเนินอกสวยนวลเนียนราวกับลูกพีชนั้นได้อย่างชัดเจน เขาถึงกับใจสั่นรีบหลบเลี่ยงหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ถงเซียวเซียวกำลังสวมกอดฉีเล่ยแน่นนั้น เขาก็อดยิ้มอ่อนพร้อมกับเอ่ยถามออกไปไม่ได้ว่า
“คุณเซียวเซียว นี่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
ถงเซียวเซียวปล่อยมือออกจากเอวของเฉีเล่ย แสร้งทำเป็นปั้นหน้าบูดบึ้งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจ
“ทำไมถึงต้องเรียกฉันว่าคุณด้วย? เราสองคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”
ฉีเล่ยหัวเราะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเก้อเขิน
“ขอโทษครับ พอดีผมชินกับการเรียกแบบนั้นไปแล้ว”
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้าใกล้ฉีเล่ย เขามักจะเว้นระยะห่างจากพวกเธอเหล่านั้นเสมอ ฉะนั้นแล้ว การที่เขาเรียกอีกฝ่ายว่า ‘คุณเซียวเซียว’ ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทีประหม่าเก้อเขินของฉีเล่ย ถงเซียวเซียวจึงได้ตอบกลับไปยิ้มๆ
“งั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าเซียวเซียวก็พอ นี่ฉันตรงมาจากสนามบินเลย ก็อย่างที่ฉันเคยบอกไว้ ฉันแค่อยากจะตอบแทนที่นายเคยช่วยฉันไว้คราวนั้น และตั้งใจว่าจะชวนนายไปดินเนอร์สักมื้อ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า พี่หลินจะโทรชวนนายมาไวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ากำลังทำงานทำการอยู่หรอกเหรอ? ยังไงฉันก็ต้องขอโทษแทนพี่หลินด้วยละกัน”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของถงเซียวเซียว หลินชูวโม่ก็ถึงกับเบะปากใส่พร้อมตอบโต้กลับไปทันที
“เชอะ! ประโยคแรกที่แกพูดกับฉันที่สนามบินก็คือ ช่วยโทรหาฉีเล่ยให้หน่อยสิ ประโยคต่อมาที่แกพูดกับฉันก็บอกว่าคิดถึงเขา แต่ตอนนี้กลับมาเล่นบทนางใสซื่อเหรอจ๊ะ?”
ทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของผู้หญิงคนนี้ ไม่ต่างจากการพ่นพิษออกมาจริงๆ เธอหันไปหาฉีเล่ยและพูดขึ้นว่า
“นี่ฉีเล่ย ไม่ต้องเรียกยัยนั่นว่าเซียวเซียวแล้วล่ะ เรียกว่าเมียเลยก็ได้ ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด”
ถงเซียวเซียวยิ้มพร้อมกับทำเสียงดุไปว่า
“แหมม คุณพี่หลิน นี่เธออิจฉาฉันเหรอจ๊ะ?”
“นี่ยังไม่ยอมรับอีกใช่ไหมว่าตัวเองผิด? ตอนที่ฉันไปรับแกที่สนามบิน ไม่เห็นจะกระโดดกอดฉันแบบนี้เลย เชอะ แต่พอเห็นหน้าฉีเล่ยแวบเดียว กลับโผเข้าไปกอดซะแน่นเชียว! ยังจะกล้าพูดอีกเหรอว่า แกไม่ใช่คนที่ตื๊อให้ฉันโทรเรียกเขามาที่นี่?”
“คุณพี่หลิน ปากคอเราะร้ายเชียวนะ ในปากมีสุนัขอยู่กี่ตัวเหรอจ๊ะ?”
“ก็รับฝากสุนัขจากปากแกนั่นแหละ”
“.…”
การที่ถงเซียวเซียวมาที่นี่ นอกจากเพื่อจะได้พบกับฉีเล่ยโดยเฉพาะแล้ว ก็ยังมาเพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ของเขาด้วย
เวลานี้สูตรลับผงยาของฉีเล่ยได้ถูกแปรรูปมาเป็นครีม ‘ชูวโม่ซูหยาน’ ที่ดำเนินการผลิตและพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์โดยหลินชูวโม่ เมื่อใดที่เริ่มทำการโปรโมทออกไปเบื้องต้น รับรองได้ว่าจะต้องกลายเป็นสินค้าขายดีติดตลาดอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องการโปรโมทสินค้านั้น แน่นอนว่าจำเป็นที่จะต้องใช้ดารา หรือนางแบบมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และนางแบบผู้มีเรียวขายาวงดงามก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
ลองคิดดูสิว่า แค่ใช้ครีมตัวนี้ทามือหรือขาก็สามารถมีผิวนวลเนียนสวยอย่างถงเซียวเซียว นางแบบอันดับหนึ่งแห่งเจียนหนานได้แล้ว แบบนี้ใครบ้างล่ะที่จะไม่สนใจ?
ผู้หญิงไม่เคยพึงพอใจกับรูปลักษณ์ของตนเอง พวกเธอมีแต่อยากจะสวยและสวยมากขึ้นไปเรื่อยๆ!
และการที่หลินชูวโม่พาถงเซียวเซียวมาที่นี่ ก็เพื่อจะมาถ่ายงานโฆษณานั่นเอง หลังจากได้ภาพแล้วจึงค่อยเอาไปโปรโมทตามอินเตอร์เน็ต และนิตยสารความสวยความงามต่อไป
เมื่อหลินชูวโม่ถามถึงค่าตัว ปรากฏว่าถงเซียวเซียวกลับปฏิเสธและให้เหตุผลว่า เธอเคยได้รับความช่วยเหลือจากฉีเล่ยจนสามารถเดินอยู่บนเส้นทางอาชีพนี้ได้ต่อไป เธอจึงเต็มใจที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โดยไม่คิดค่าตัวแม้แต่หยวนเดียว
ถงเซียวเซียวดึงฉีเล่ยเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก พร้อมกับเอ่ยปากชวนคุยต่อทันที
“ฉีเล่ย ฉันเล่าเรื่องของนายให้น้องสาวของฉันฟังด้วย น้องสาวของฉันชื่นชมในตัวนายมากเลยนะ เมื่อก่อนเธอก็เคยเป็นนางแบบเหมือนฉันนี่แหละ แต่เพราะขาของเธอดันไปถูกของร้อนราดใส่จนกลายเป็นแผลเป็น ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจำใจลาจากวงการนี้ไป แต่พอเธอรู้ข่าวว่าฉันกำลังจะบินมาที่นี่เพื่อถ่ายโฆษณาให้กับสินค้าของนาย เธอก็ขอร้องให้ฉันนำสินค้าตัวนี้กลับไปให้เธอลองใช้ด้วย!”
ดวงตากลมโตเป็นประกายของหลี่ถงซีจับจ้องอยู่ที่ใบนหน้าของฉีเล่ยไม่กระพริบ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีเสน่ห์ขนาดนี้กันนะ? เพิ่งจะห่างกันไปไม่นานแท้ๆ แต่ทำไมกลับมาคราวนี้ เขาถึงได้หล่อเหลาขึ้นเป็นกองได้ขนาดนี้นะ?
เขา…เขาช่างเป็นผู้ชายที่น่ารักมากจริงๆ!
“ได้สิครับ ให้คุณหลินเอาตัวทดลองไปให้น้องสาวของคุณลองใช้ก่อนเลย”
ฉีเล่ยหันไปมองหลินชูวโม่พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“ว่าแต่สินค้าของเราจะเริ่มออกสู่เมื่อไหร่ครับ?”
หลินชูวโม่ปรายหางตามองสวนกลับไปทันที
“อายไหมที่ถามฉันแบบนี้? นี่เป็นผลิตภัณฑ์ของนายนะ มิหนำซ้ำกำไรที่ได้เกือบทั้งหมดก็เข้ากระเป๋าของนายด้วย แต่นายกลับไม่รู้แม้กระทั่งวันเปิดตัวสินค้านี่นะ?”
ฉีเล่ยตอบกลับด้วยสีหน้าเก้อเขิน
“ก็คุณไม่ได้โทรมาบอกผมนี่?”
“นี่ฉันกลายเป็นแม่ของนายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“….”
หลังจากหลุดปากไปแบบนั้น หลินชูวโม่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ตนเองพูดไปเมื่อครู่นั้นฟังดูตลกชะมัด เธอถึงกับหลุดขำออกมาทันที ถงเซียวเซียวที่นั่งอยู่ก็หัวเราะขึ้นด้วยเช่นกัน สาวสวยทั้งสองนั่งกอดกันบนโซฟาพลางระเบิดเสียงหัวเราะไม่หยุดหย่อน
หลินชูวโม่หายใจหอบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้าฉันมีลูกชายแบบนี้ มีหวังถูกฉันฟาดด้วยไม้เรียวทุกวันแน่ ฮ่าฮ่าๆ…”
“ถ้าเขาเป็นลูกชายของพี่จริงๆ อย่างนั้นฉันก็ต้องโดนเรียกพี่ว่าป้าสินะใช่ไหม? ไม่เอาอ่ะ! ฟังดูทุเรศชะมัด! ฮ่าฮ่าๆๆ…”
ถงเซียวเซียวร้องบอกพร้อมกับกุมท้องขำไม่หยุด
ฉีเล่ยรู้สึกเหนื่อยหน่ายอย่างบอกไม่ถูก
เฮ้อ…ถ้าฉันมีแม่แบบนี้ ฉันก็คงจะแทงตัวเองตายให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่า
หลังจากนั้น ฉีเล่ยกับสองสาวก็นั่งปรึกษาหาเรืองกับสาวสวยทั้งสองคนด้วยสีหน้าจริงจัง
แต่จะว่าไป… ความจริงแล้วก็จริงจังเพียงแค่ช่วงที่พูดคุยเรื่องหัวข้อโฆษณาสินค้าตัวนี้เท่านั้นล่ะ เพราะหลังจากผ่านไปเพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น จู่ๆหลินชูวโม่ก็ถามโพล่งขึ้นมาว่า ฉีเล่ยเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่? จากนั้นก็ตามมาด้วยคำถามไร้สาระอีกมากมาย….
ชาดำถ้วยหนึ่งพร้อมกับขนมยามว่างถูกนำมาเสิร์ฟ แถมด้วยต้นขาเรียวงามและเนินหน้าอกอวบอิ่มของสองสาวสุดเซ็กซี่ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ฉีเล่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ครั้งนี้ถงเซียวเซียวตั้งใจว่าจะทำอาหารให้ฉีเล่ยทานด้วยตัวเอง
และในเมื่องถงเซียวเซียวอุตส่าห์ลงทุนบินมาปักกิ่งเพื่อมาหาเขาโดยเฉพาะ ฉีเล่ยจึงอายเกิดนกว่าที่จะตอบปฏิเสธ และทิ้งอีกฝ่ายไปอย่างที่ต้องการ จึงได้แต่ต้องโทรกลับไปแจ้งหลี่ฮั่วเฉินว่าคงไปกลับไปทานอาหารเย็นด้วย
ฉีเล่ยคิดไม่ถึงว่า ถงเซียวเซียวจะมีฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ด้วยรสชาติอาหารที่เข้มข้นของทางใต้ และด้วยความที่ฉีเล่ยเองก็เป็นคนจีนทางใต้เช่นกัน เขาจึงรู้สึกติดใจรสชาติอาหารฝีมือของถงเซียวเซียวเป็นพิเศษ
หลังจากรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของหลินชูวโม่เสร็จแล้ว ฉีเล่ยก็อยู่พูดคุยกับสองสาวต่ออีกครู่หนึ่ง และเมื่อฉีเล่ยเกริ่นขึ้นว่าจะขอตัวกลับก่อนเป็นครั้งที่สอง ก็กลับถูกสองสาวเอ่ยปากค้านขึ้นทันที
ถงเซียวเซียวชักสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ฉีเล่ย จะรีบกลับไปไหน? บ้านนี้ก็หลังตั้งใหญ่ มีห้องนอนให้เธอนอนอยู่แล้ว มาคุยกันต่อเถอะ กำลังสนุกเชียว”
หลินชูวโม่เองก็รีบพูดสนับสนุนขึ้นทันที
“สบายใจได้น่า พวกเรารู้อยู่แล้วว่า นายไม่ทำเรื่องไม่ดีอยู่แล้ว”
ฉีเล่ยยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมตอบสวนกลับไปทันที
“แน่นะว่าเชื่อใจผมได้?”
อันที่จริงเมื่อคืนนั้นเขายังฝันว่าทำเรื่องบนเตียงกับหลินชูวโม่อยู่เลย
หลินชูวม่ายักไหล่ตอบไปว่า
“ฉันไม่ได้เชื่อใจนายขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่เราเชื่อมั่นในทักษะการป้องกันตัวของพวกเราเองต่างหากล่ะ ลองปีนขึ้นมาบนเตียงของฉันดูสิ เดี๋ยวแม่จะถีบให้คว่ำเชียว! ฮ่าฮ่าๆๆ”