ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่217 ไม่ชอบ
ตอนที่217 ไม่ชอบ
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของชูซินซูก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมองลงเล็กน้อย ปากก็เอ่ยถามออกไปว่า
“หากเทียบกับผู้หญิงพวกนั้นแล้ว ฉันกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจขึ้นมาทันที ฉันเป็นแค่หุ่นยนต์ที่มีไอคิวสูงเท่านั้น เจียซิน เธอคิดยังไงกับคำพูดพวกนี้?”
เฉิงเจียซินได้แต่ยืนแน่นิ่ง จ้องมองประธานสาวด้วยแววตาว่างเปล่า แต่ไม่นานนัก เธอก็เริ่มเข้าใจได้ว่า คำพูดเหล่านั้นน่าจะเป็นคำพูดที่ฉีเล่ยใช้นิยามประธานสาวของเธอ
จากนั้น ใบหน้าของเฉิงเจียซินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชามากยิ่งขึ้น เธอเหลียวมองหาฉีเล่ยเพื่อที่จะคิดบัญชีกับเขา
“เจียซิน อย่าไปโกรธเขาเลย”
ชูซินซูรีบร้องบอกเลขาสาวทันทีพร้อมกับอธิบายต่อว่า “เขาคงไม่ได้คิดจะว่าฉันหรอกนะ มันเป็นแค่การอุปมาอุปไมยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นก็เท่านั้นเอง”
“ท่านประธานคะ ฉันจะไปพูดกับเขาเอง!” เฉิงเจียซินเอ่ยปลอบประธานสาว
“ต่อให้เธอทำสำเร็จแล้วยังไง? ความรู้สึกของเขาที่มีต่อฉันจะเปลี่ยนไปงั้นเหรอ? เขาจะเลิกมองฉันเป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า? ในสายตาของเขา ฉันก็ยังคงเป็นหุ่นยนต์อยู่ดี หุ่นยนต์ที่ไม่ร้องไห้ ไม่หัวเราะ ไม่โกรธ แล้วก็ไม่เอาแต่ใจเป็นเด็กน้อย… ฉันอาจจะรับรู้ไม่ได้แม้กระทั่งอุณหภูมิด้วยซ้ำไป”
เมื่อเห็นว่าประธานสาวเริ่มมีสีหน้าเศร้าโศก เฉิงเจียซินจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ประธานคะ แล้วอย่างนี้จะกำจัดฉินฟางไปได้ยังไงล่ะคะ?”
“ไม่ต้องห่วง ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ” ชูซินซูตอบกลับด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงสงบนิ่ง
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นั้น หญิงสาวก็อดที่จะยกลูกแอปเปิ้ลในมือขึ้นมองพร้อมบอกกับเฉิงเจียซินว่า “เขาให้ฉัน! เป็นไงล่ะ ฝีมือการปลอกแอปเปิ้ลของเขาดีไหม?”
จากนั้น ก็ได้ยกลูกแอปเปิ้ลขึ้นกัดซึมซบรสชาติหวานฉ่ำของมัน เพื่อให้หวานเข้าไปถึงหัวใจของตนเอง
เฉิงเจียซินได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง และแอบคิดในใจว่า ท่านประธานชอบกินแอปเปิ้ลตั้งแต่เมื่อไหร่?
ทันทีที่ฉีเล่ยเดินออกมาจากห้องประชุมส่วนตัว กลุ่มสาวๆก็พากันกรูเข้ามาล้อมร่างเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“นี่น้องชายสุดหล่อจ๊ะ ไม่ได้พบกันตั้งนาน ดูสิ ยิ่งมาก็ยิ่งหล่อ!”
“ไหนๆ มาลองให้พี่สาวสัมผัสผิวหน้าดูหน่อยสิ ยังเรียบเนียนเหมือนเดิมรึเปล่าจ๊ะ?”
“ทำไมถึงได้ผอมลงแบบนี้ล่ะ แย่แล้วๆ ไปอยู่กับพี่สาวดีกว่านะ รับรองว่าจะคอยป้อนเช้าป้อนเย็นจนกว่าเธอจะทั้งขาวทั้งอ้วนเชียวล่ะ”
“ฉีเล่ย ทำยังไงดีล่ะ? น้ำหนักฉันขึ้นมาสองสามกิโล ฉันกังวลใจจะแย่อยู่แล้ว เธอพอจะช่วยให้ฉันลดน้ำหนักได้ไหมจ๊ะ?”
“…”
ผู้หญิงกลุ่มนี้เป็นลูกค้าประจำของคลินิกแห่งนี้จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับฉีเล่ยมาก พวกเธอจึงได้พูดคุยกับฉีเล่ยอย่างเป็นกันเอง บางคนอยากจะกินฉีเล่ย จึงได้ฉวยโอกาสนี้ลวนลามเขาซึ่งหน้า
หลินชูวโม่ผุดลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ทันที เธอเดินเข้าไปดึงฉีเล่ยไปไว้ด้านหลังของตนเอง ราวกับแม่ไก่ที่กำลังกางปีกปกป้องลูกของมัน ปากก็ร้องตะโกนดุลูกค้าผู้หญิงกลุ่มนั้นว่า
“นี่ๆ เผลอไม่ได้เชียวนะแม่คุณ เดี๋ยวฉันก็เก็บค่าสมาชิกเพิ่มซะเลยนี่ะ!”
จากนั้นเธอก็หันไปบอกกับฉีเล่ยว่า “ไปกันดีกว่าน้องชาย ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับนาย!”
ระหว่างที่พูดนั้น ก็ดึงแขนฉีเล่ยขึ้นไปบนพื้นที่ส่วนตัวของเธอบนชั้นสามทันที
“น้องหลินจ๊ะ ร้อนรุ่มอีกแล้วเหรอจ๊ะ? แหมๆ ฉกเอาน้องสุดหล่อไปจากพวกเราต่อหน้าต่อตาเลยนะ”
เสียงลูกค้าสาวคนหนึ่งร้องตะโกนไล่หลังไปทันที ในขณะที่คนอื่นๆต่างก็พากันกรีดร้องวี้ดว้ายออกมาอย่างมีความสุข
ส่วนถงเซียวเซียวที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟาข้างบน เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ก็รีบเอ่ยถามขึ้นทันที “เป็นไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
“ฉันก็ไม่รู้ มาดูว่าหมอนี่ปิดบังอะไรพวกเราบ้าง?”
หลินชูวโม่ร้องบอก จากนั้นเธอก็ลากฉีเล่ยไปนั่งที่โซฟา ใบหน้าสะสวยนั้นโน้มเข้าไปใกล้พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “นี่นายรู้จักกับยัยคุณหนูมหาเศรษฐีคนนี้มาก่อนใช่ไหม?”
“ใช่!” ฉีเล่ยพยักหน้า
“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเธอล่ะ?” หลินชูวโม่พอใจกับคำตอบตรงไปตรงของฉีเล่ย และเริ่มยิงคำถามต่อไป
“เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้กับหมอ แล้วก็… เธอเกือบจะกลายมาเป็นคู่หมั้นของผม”
ฉีเล่ยตอบไปตามตรง เขาไม่ได้พูดโกหก เพราะปู่ของชูซินซูบอกกับเขาเช่นนั้นจริงๆ
หลินชูวโม่ถึงกับเข่าอ่อน เธอเกือบจะทิ้งตัวลงไปในอ้อมแขนของฉีเล่ย ปากก็ร้องโวยวายเสียงดัง “อะไรนะ?! ไหนนายบอกมีภรรยาแล้วไงล่ะ? ทำไมยังไปหมั้นกับยัยคุณหนูนั่น?”
“เกือบต่างหาก…ตั้งใจฟังให้ดีหน่อย!”
ฉีเล่ยถึงกับต้องร้องตะโกนย้ำกลับไปเสียงดัง ก่อนจะเล่าต่อว่า “ผมเคยช่วยชีวิตของเธอไว้ ปู่ของเธอก็เลยอยากให้ผมแต่งงานกับหลานสาวของเขา แต่ผมไม่ได้ตกลง!”
ฉีเล่ยไม่ได้บอกเล่าถึงรายละเอียดที่เขาปฏิเสธ อย่างน้อยเขาก็จำต้องรักษาหน้าให้กับสกุลชู!
“ในเมื่อนายปฏิเสธไปแล้ว แล้ววันนี้ยัยคุณหนูนั่นมาทำไม?”
“เธอก็มายื่นข้อเสนอให้ผมแต่งงานกับเธอยังไงล่ะ! แต่ผม.. ผมปฏิเสธไปแล้ว” ฉีเล่ยตอบกลับทันที
“นายปฏิเสธงั้นเหรอ?” หลินชูวโม่ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจกับคำตอบของฉีเล่ย
“นี่นายบ้ารึเปล่า?”
“ผมไม่ได้บ้า!”
“ไม่! นายต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ฉีเล่ยฉันถามจริงๆ นี่นายป่วยใกล้ตายหรือยังไง? หรือว่ามีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่สามารถสัมผัสได้?”
ระหว่างที่ร้องถามนั้น หลินชูวโม่ก็สอดส่ายสายตาสำรวจไปทั่วทั้งร่างของฉีเล่ย ราวกับว่ากำลังตรวจหาโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา
“ผมไม่ได้ป่วย แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!”
ฉีเล่ยเอ่ยตอบพร้อมกับพูดต่อว่า “คุณไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ!”
หลินชูวโม่จ้องมองฉีเล่ยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด ริมฝีปากเซ็กซี่คู่นั้นสั่นระริก
“นี่น้องชาย เดี๋ยวนี้ทำตัวดุดันเป็นนักเลงหัวไม้ไปได้ มาๆ อยากให้ฉันลองสัมผัสตรงไหนบ้างล่ะ?” หลินชูวโม่ทำสีหน้าท่าทางลามกออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“เฮ้อ.. ผมก็แค่จะยืนยันว่าผมไม่ได้บ้า แล้วก็ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรทั้งนั้น!” ฉีเล่ยตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ก็ถ้านายไม่ได้บ้า แล้วก็ไม่ได้ป่วย ทำไมนายถึงได้ปฏิเสธล่ะ?” หลินชูวโม่ร้องถามกลับมาทันที
“เหตุผลข้อแรก ผมมีภรรยาแล้ว และข้อสอง ผมไม่ชอบ!” ฉีเล่ยตอบ
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของฉีเล่ย หลินชูวโม่ถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง หลังจากหายตกใจเธอก็ตรงเข้าไปบีบคอฉีเล่ยพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“ไม่ชอบ? ไม่ชอบก็ปฏิเสธได้งั้นเหรอ? ใครอนุญาตให้นายปฏิเสธกันห๊ะ? นายปฏิเสธไปได้ยังไง? นายรู้มั๊ยว่าจะไปหาสะใภ้รวยๆมากความสามารถแบบยัยคุณหนูนั่นได้ที่ไหน? แล้วถ้านายปฏิเสธไปแบบนั้น แล้วต่อไปจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงฉันกับเซียวเซียวล่ะ?”
“…”
หลังจากระเบิดอารมณ์ไปแล้ว หลินชูวโม่ก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้อีกครั้ง เธอจึงถามฉีเล่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่นายพูดจริงๆเหรอ?”
“มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องโกหกคุณ?” ฉีเล่ยยิ้มขื่นและได้แต่คิดอยากให้เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกเสียมากกว่า
“นี่นายไม่ชอบเธอจริงๆน่ะเหรอ?” หลินชูวโม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมาและตอบไปว่า “ความจริงก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างเกลียดขี้หน้าเธอด้วยซ้ำ แต่หลังๆเธอดูเหมือนจะปรับปรุงตัวขึ้น ไม่ค่อยเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อน”
“ฉันอยากจะบ้าตาย! เธอเป็นฝ่ายมาหานายถึงที่นี่ทั้งสองครั้ง นายยังจะว่าเธอเอาแต่ใจอีกงั้นเหรอ? ยัยคุณหนูนี่ตาบอดหรือยังไง ถึงได้มาหลงรักผู้ชายไร้หัวใจแบบนายได้? แบบนายนี่นะ นอกจากหล่อแล้ว ยังมีอะไรดีอีกนะ เฮ้อ…”
หลินชูวโม่ทำราวกับว่าตัวเองเป็นชูซินซูเสียเอง และถึงกับก่นด่าฉีเล่ยไม่หยุด
ฉีเล่ยยิ้มขื่น “นี่.. ต่อให้เธอจะเป็นลูกค้าระดับ VIP ของคุณ ก็ไม่จำเป็นต้องออกหน้าเถียงแทนเธอขนาดนี้ก็ได้จริงไหม?”
หลินชูวโม่ถอนหายใจพร้อมตอบกลับไปว่า “เฮ้อ.. นายนี่มันโง่จริงๆ ช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลย! ฉันบอกตามตรงนะ ผู้หญิงอย่างยัยคุณหนูนั่น ถ้าเธอไม่เต็มใจที่จะหยุดคุยกับนายแล้วล่ะก็ คนอย่างนายไม่มีทางได้เฉียดเข้าใกล้วงสังคมของผู้หญิงอย่างเธอแน่!”
“คุณยังไม่เข้าใจ”
“คุณเข้าใจ?” สือเหล่ยหัวเราะและถาม เขาต้องการถาม Lin Qiumo เสมอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเขา อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ถามทุกครั้งที่คำพูดออกจากปากของเขา เนื่องจากผู้หญิงคนนี้ไม่เต็มใจที่จะพูด ดังนั้นเธอจึงมีเหตุผลของเธอเอง
“ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ!”
ฉีเล่ยคิดที่จะถามหลินชูวโม่ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ แต่ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะผู้หญิงทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น