ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่219 เจ้านาย-ลูกน้อง
ตอนที่219 เจ้านาย-ลูกน้อง
ฉินฟางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ หลังจากพยักหน้าให้ชูซินซูสองสามครั้ง เขาก็หันหลังเดินออกไป
ไม่ว่าจะมองมุมไหน ฉินฟางก็เป็นชายหนุ่มที่สามารถทำให้หญิงสาวหลงใหลได้ง่ายๆ
ชูซินซูยกมีดปอกผลไม้ในมือขึ้น คมมีดสีเงินส่องประกายวูบวาบกระทบกับสายตาเย็นชาของเธอ
“เฮ้อ.. เขาพูดได้ถูกต้อง! ฉันก็แค่หุ่นยนต์ที่มีไอคิวสูง ผู้หญิงที่คิดคำนวณแค่เรื่องกำไรขาดทุนอยู่ในหัว ผู้หญิงอย่างเธอท้ายที่สุดก็ต้องสูญเสียความรัก” ชูซินซูได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับรำพึงรำพันออกมา
เมื่อฉินฟางก้าวเดินออกจากประตูไป เขาก็พบเฉิงเจียซินยืนรออยู่ด้านนอก จึงได้เปรยกับเธอว่า “พยายามเกลี้ยกล่อมท่านประธานของคุณให้พักผ่อนบ้าง”
“ท่านประธานไม่ฟังคำพูดของฉันหรอกค่ะ!” เฉิงเจียซินเอ่ยตอบกลับไปตรงๆ
ฉินฟางรู้ว่าทั้งเจ้านายและลูกน้องคู่นี้มีบุคลิกที่เหมือนกันอย่างมาก ทั้งวิธีการพูดจาที่ค่อนข้างห้วน แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ยิ้มให้แล้วหันหลังเดินออกไปอย่างเงียบๆ
……..
ผู้ชายรูปร่างหน้าตาธรรมดาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราคนหนึ่ง กำลังนั่งยองๆสูบบุหรี่อยู่ข้างกำแพง เมื่อเห็นผู้หญิเดินผ่านไปผ่านมา เขาก็จะยืดคอมองตามทันทีพร้อมกับทำสีหน้าท่าทางน่าสงสาร หลายคนนุ่งน้อยห่มน้อยไม่หวาดหวั่นต่ออากาศเย็นในเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย ทำให้เขาถึงกับตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำน้ำลายไหลยืด
“สุดยอด! โอ้ว.. ฉันให้ 85 คะแนนเต็มร้อยเลยคนนี้!”
“ขายาวสวย ต้นขากลมกลึงเรียวงาม ตูดก็เต่งตึงเด้งดึ๋ง… ”
“แม่เจ้าโว้ย! คนนี้เปอร์เฟคที่สุด หืมม.. เดินแต่ละทีตูดนี่บิดไปบิดมาน่าตีชะมัด! แต่หน้าตาก็งั้นๆ คนนี้ฉันให้แค่สามสิบคะแนนก็พอ!”
“แม่เจ้า! ยัยคนนี้หน้าตาทุเรศจริงๆ ต้นขาใหญ่อย่างกับเสาบ้าน อ้วนจนแขนขากางออกหมดแล้ว..”
ชายหนุ่มคนนี้เอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ผู้หญิงที่เดินผ่านไปผ่านมา พร้อมกับให้คะแนนตามมาตรฐานของตัวเอง
เขาสวมใส่เสื้อสูทที่มีราคาแพงหูฉี่ แต่กิริยาท่าทางที่แสดงออกมากลับไม่เข้ากันกับการแต่งตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ดูทำท่าทำทางเข้าสิ!”
ฉินเฟิงเดินตรงเข้าไปนั่งยองๆข้างชายหนุ่มคนนั้น พร้อมกับพูดต่อว่า “ขอบุหรี่ให้ฉันมวนสิ”
“ฮ่าๆ คุณชายอยากได้ยี่ห้อไหนล่ะ?”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยตอบ เผยให้เห็นฟันเต็มปากและพ่นควันโขมงออกมา
“อะไรก็ได้!” ฉินฟางเอ่ยตอบ
“นั่นน่ะสินายน้อย! สูบบุหรี่ก็เพื่อความสนุกสนาน ยี่ห้อไหนก็สูบๆเข้าไปเถอะน่า”
ชายหนุ่มคนนั้นร้องตอบพร้อมกับล้วงเอาบุหรี่ยี่ห้อหนึ่งออกมาจากกระเป๋าส่งให้กับฉินฟาง
ฉินฟางรับมาพร้อมกับหัวเราะ ปากก็ก่นด่ากลับไป “ฉันขอบุหรี่แกสูบหน่อย นี่แกถึงกับกล้าอบรมฉันเชียวเหรอวะ? นอกจากแกแล้วคงไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉันแน่!”
ระหว่างที่พูดนั้น ฉินฟางก็ได้กดไฟแช็คจุดบุหรี่สูบไปด้วย เขาดูดควันเข้าปอดคำใหญ่
“ฮ่าๆๆ ดูดๆเข้าไปล่ะ อย่าให้ควันดีๆแบบนี้เสียเปล่า ขนาดตัวฉันเองยังไม่ค่อยกล้าสูบบ่อยๆเลย เสียดาย!” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มกว้างตอบ
“สูบๆไปเถอะน่า! ไว้หมดเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่เอง!” ฉินฟางร้องบอกทันที
“ฮ่าๆๆ ก็ดีเหมือนกัน!”
ชายหนุ่มคนนั้นร้องตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มกว้างเช่นเคย เขาเงยหน้าขึ้นมองอาคารสูงเสียดฟ้า ปากก็ร้องถามออกไปว่า
“แล้วยัยผู้หญิงคนนั้นปฏิเสธคุณชายมั๊ยครับ?”
“นี่ไท่โหล่ว ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าแกจะเรียกผู้หญิงคนอื่นยังไง? แต่สำหรับชูซินซูคนนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่ฉันชอบ เพราะฉะนั้นนายจะต้องให้เกียรติเธอ” ฉินฟางเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอโทษๆ ผมผิดไปแล้ว!”
ไท่โหล่วรีบร้องขอโทษฉินฟางทันที พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “ไท่โหล่วขอโทษคุณชายอีกครั้ง ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ตอบรับคำเชิญมั๊ยครับ?”
“นี่! เลิกประชดประชันประจบประแจงฉันซะที! แกอยากจะให้เขามาเป็นพี่สะใภ้ แกคู่ควรหรือยังไงห๊ะ? แต่เธอยอมตกลงรับคำเชิญของฉันโว้ย!” ฉินฟางร้องบอกพร้อมกับโอ้อวด
“โถ่เอ๊ย! แล้วเมื่อกี้ทำเป็นถอนหายใจทำไม? หลอกขอบุหรี่จากฉันนี่หว่า!” ไท่โหล่วตอบกลับด้วยความโมโหหงุดหงิด
“เฮ้อ แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่แกคิดไงล่ะ”
ฉินเฟิงถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดต่อทันที “บอกฉันที ฉันต้องไปเผชิญหน้ากับศัตรูหัวใจ นายว่าหมอนั่นมันพร้อมที่จะประจันหน้ากับมันรึยัง?”
“ฮ่าๆๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าหมอนั่นมันพร้อมรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ ฉันพร้อมที่จะดูการแสดงแล้ว คงจะสนุกน่าดูที่จู่ๆก็มีผู้ชายสองคนมาแย่งผู้หญิงคนหนึ่งให้ดู” ไท่โหล่วยิ้มเยาะ
“นี่นายยิ้มอะไร? ขืนยังยิ้มแบบนี้อีก ฉันจะหาเมียให้นาย!” ฉินฟางร้องตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย
ไท่โหล่วถึงกับใจสั่น และแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที
ฉินฟางดับบุหรี่ในมือแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกับร้องบอกไปว่า “ไปกันแล้ว! กลับกันดีกว่า ฉันขี้เกียจมานั่งยองๆเมื่อยๆแบบนี้ อีกอย่าง ขืนให้ใครมาเห็นพวกเราสองคนในสภาพนี้ พวกเราก็เสียหน้าแย่สิวะ!”
“ฮ่าๆๆ คนที่เสียหน้าคือคุณชายต่างหากไม่ใช่ฉัน!”
ไท่โหล่วพูดจบก็ดีดก้นบุหรี่ลงไปในถังขยะ ก่อนจะเดินออกไปทันที
จากนั้น เขาก็เดินตรงไปที่จอดรถ แล้วจึงขับเมอร์เซเดส-เบนซ์สีดำมาจอดตรงหน้าฉินฟาง ฉินฟางจัดการเปิดประตูรถออก แล้วเข้าไปนั่งด้านในทันที จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครรู้ว่าไท่โหล่วเป็นใครมาจากไหน จู่ๆเขาก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายฉินฟาง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินฟางนั้นเป็นทั้งเจ้านายกับลูกน้อง เป็นทั้งเพื่อนและน้องชาย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นคนขับรถ บอดี้การ์ด และทำงานต่างๆให้กับฉินฟางด้วย ไม่ว่าฉินฟางจะไปไหนต่อไหน ก็มักจะเอาไท่โหล่วติดไปข้างกายด้วยแทบทุกครั้ง
ภายใต้การคุ้มกันของไท่โหล่ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อันตรายขึ้นกับฉินฟางเลยสักครั้ง กระทั่งข่าวคราวว่าฉินฟางได้รับบาดเจ็บก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น
ในปักกิ่งมีเรื่องเล่าล่ำลือเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้มากมาย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องไหนที่เป็นความจริง นอกจากคนที่เกี่ยวข้องแล้ว คนอื่นๆนอกเหนือจากนั้นไม่มีใครล่วงรู้เลย
…………..
เพื่อให้สินค้ากลายเป็นที่นิยมในท้องตลาด หลินชูวโม่ไม่เพียงเชิญนางแบบชื่อดังอย่างถงเซียวเซียวมาจากเจียงหนาน เพื่อให้มาถ่ายโฆษณาทำการโปรโมทผลิตภัณฑ์ให้ แต่ยังได้เชิญผู้กำกับชื่อดังมาช่วยกำกับโฆษณาให้ด้วย
วันนี้ ทุกคนมาถ่ายภาพโฆษณา จึงได้มาทำการถ่ายภาพที่สตูดิโอของจงเหวินไคที่ชานเมืองปักกิ่ง
จางเหวินไคเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี ผมดำขลับของเขาถูกหวีไว้เรียบแปล้ ดวงตาสองข้างกลมใหญ่ คิ้วทั้งคู่หนาเตอะ จมูกโด่ง ดูเป็นคนดุดันอย่างมาก
หลินชูวโม่แนะนำถงเซียวเซียวและฉีเล่ยให้อีกฝ่ายรู้จัก เขาจับมือทักทายทั้งสองคนตามธรรมเนียม หลังจากนั้น เขาก็หันไปสนทนากับหลินชูวโม่และถงเซียวเซียว เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายทำโฆษณาครั้งนี้
จางเหวินไคไม่สนใจฉีเล่ยเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ ในสายตาของเขา ฉีเล่ยเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยของสองสาวนี้เท่านั้น
อีกอย่าง ตอนที่หลินชูวโม่แนะนำฉีเล่ยนั้น ก็แนะนำสถานะของเขาค่อนข้างกำกวมไม่ชัดเจน จึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปเช่นนั้น
ฉีเล่ยไม่ได้สนใจกับท่าทีของจางเหวินไค เขายินดีที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ อีกอย่าง เรื่องนี้ควรยกให้มืออาชีพอย่างสองสาวเสียมากกว่า
ทั้งสามคนนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจางเหวินไคก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางถงเซียวเซียว พร้อมกับหันไปบอกผู้ช่วยของเขาว่า
“พาคุณผู้หญิงคนนี้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว!”