ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่227 มีคนอยากพบ(2)
ตอนที่227 มีคนอยากพบ(2)
“แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไง?”
“เอ่อ..”
ไท่โหล่วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดต่อว่า “นั่นสิสะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วง ฉันบอกว่าไม่ทำก็ไม่ทำแน่นอน!”
“ฉันเสียใจด้วย ฉันไม่ว่างจริงๆ ลาก่อน!”
ฉีเล่ยตอบกลับไปและกำลังจะหันหลังเดินจากไป เขาไม่ต้องการไปพบฉินฟาง แล้วก็ไม่ต้องการที่จะอยู่คุยกับคนนิสัยแปลกประหลาดตรงหน้านี้ต่อ
“นายรู้จักผู้หญิงที่ชื่อชูซินซูไหม?” ไท่โหล่วร้องตะโกนถามไล่หลัง
ในที่สุดไท่โหล่วก็เผยจุดประสงค์ของตนเองออกมา ฉีเล่ยรู้ว่าถ้าเขาบอกว่าไม่รู้จัก อีกฝ่ายก็ต้องรู้อยู่ดีว่าเขาพูดโกหก
ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาเขาถึงที่ได้ มีหรือที่จะไม่สืบรู้เรื่องราวอื่นๆเกี่ยกับตนเองได้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจรู้แม้กระทั่งว่า ชูซินซูไปพบเขาที่คลินิกของหลินชูวโม่มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
“รู้จัก” ฉีเล่ยตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า
“นี่นายไม่อยากรู้ข้อมูลของว่าที่ภรรยาคนต่อไปของนายบ้างรึงไง? นี่แสดงว่าพวกนายสองคนน่าจะยังรักกันไม่มากพอสินะ”
ไท่โหล่วยิ้มคล้ายกับคนที่กำลังคิดลามกอยู่ คิ้วทั้งคู่ขมวดเข้าหากันแน่นขณะรอคอยคำตอบจากฉีเล่ย เขาอ้าปากหาวเล็กน้อย พร้อมกับหยิบบุหรี่อีกครึ่งที่เหลือซึ่งเก็บเข้าไปไว้ในกระเป๋าเมื่อครู่ออกมาจุดสูบใหม่ เขาดูดควันเข้าปอดไปอีกอึกใหญ่
ฉีเล่ยอยากจะตอบกลับไปว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่ได้จะมาเป็นว่าที่ภรรยาของเขาอีกคนด้วย แต่เมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายดูเหมือนจะคลางแคลงใจในตัวเขาเป็นอย่างมากแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะชูซินซูไปให้ข้อมูลผิดๆกับพวกเขาก็เป็นได้
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็น่าจะไปพูดคุยอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังอย่างกระจ่างแจ้งจะดีกว่า เพราะถ้าเขาไม่ไปวันนี้ คนพวกนี้ก็คงจะคุกคามเขาไม่จบไม่สิ้นแน่
“แล้วจะให้ฉันไปพบที่ไหน?” ฉีเล่ยร้องถามกลับไปทันที
ไท่โหล่วหัวเราะหึๆพร้อมตอบกลับไปว่า “ไปกับฉัน รับรองว่าต้องเป็นสถานที่รับรองอย่างดีแน่ มีเหล้ายาอาหารพร้อมสรรพ อ่อ.. ยังมีสาวๆสวยๆด้วยนะ”
ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินตามไท่โหล่วออกจากมหาวิทยาลัยไปทันที
เหอจื่อยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องเรียน จ้องมองฉีเล่ยเดินออกไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง
“ผู้ชายคนนั้นทำไมถึงได้คุ้นๆนะ เขาเป็นใครกัน?”
เหอจื่อพึมพำกับตัวเอง แต่เมื่อเห็นจังหวะที่ชายหนุ่มคนนั้นดีดก้นบุหรี่ลงถังขยะที่อยู่ไกลออกไปอย่างแม่นยำ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ และในที่สุดเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยพบเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน
เธอเคยพบหน้าผู้ชายคนนี้ที่งานเลี้ยง ความจริงรูปลักษณ์ของเขาเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายืนอยู่ด้านหลังของผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างฉินฟาง ซึ่งไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะกลายเป็นจุดเด่นท่ามกลางฝูงชน
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ก็ไม่อาจหลุดรอดไปจากสายตาของเหอจื่อได้ กระทั่งวันนี้ก็เช่นกัน กิริยาที่ดีดบุหรี่ของไท่โหล่วก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นสายตาของเหอจื่อไปได้
เหอจื่อยังจำได้ชัดเจนว่า ตอนนั้นเธอขมวดคิ้วจ้องมองผู้ชายคนนี้ด้วยความไม่พอใจ และรู้สึกว่าเขาเป็นคนไร้มารยาทมากที่กล้าสูบบุหรี่ในห้องจัดเลี้ยง ซึ่งนับเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจมาก กระทั่งสูบเสร็จยังขี้เกียจที่จะเดินไปดับก้นบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ที่จัดเตรียมไว้ให้ด้วย
เธอยังจำภาพที่ก้นบุหรี่ลอยขึ้นเป็นเส้นโค้งอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งอยู่ไกลออกไปได้อย่างแม่นยำ
“นั่นมันคนของฉินฟางนี่? แล้วมาหาอาจารย์ฉีทำไมกัน?”
เหอจื่อพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกกังวลใจ เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น และกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับฉีเล่ย จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรออกทันที
สถานที่ที่ไท่โหล่วพาฉีเล่ยไปนั้นเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมอย่างที่บอกไว้จริงๆ เขาไม่รู้หรอกว่าข้างในจะมีเหล้าดีอาหารอร่อยอย่างที่บอกไว้จริงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ด้านหน้าประตูทางเข้านั้นมีผู้หญิงสวยๆยืนคอยต้อนรับอยู่มากมายจริงๆ แต่ละคนดูเหมือนจะอยู่ในวัยนักศึกษาไม่มีผิด มิหนำซ้ำยังสวยระดับดาวมหาวิทยาลัยเลยด้วย
“กีกี้ นี่ผมลงอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? รู้ไหมว่าผอมลงแบบนี้พี่โหล่วปวดใจนะรู้รึเปล่า?”
“โอ้โหเว่ยเว่ย วันนี้หน้าอกเด้งออกมาขนาดนี้ แน่ใจนะว่าไม่ได้ยัดฟองน้ำไว้ข้างใน?”
“มาจูบหน่อยคนสวย! รับรองว่าคืนนี้พี่โหล่วจะไม่ปล่อยให้น้องหนูหนีรอดไปได้อีกแล้วนะรู้ไหม?”
ดูท่าไท่โหล่วจะเป็นลูกค้าประจำที่ร้านนี้ ตลอดทางที่เดินเข้าไป เขาก็จะร้องทักทายสาวๆสวยๆที่เดินผ่านมาอย่างสนิทสนม คำพูดคำจาที่หลุดออกมาก็ฟังดูราวกับว่า ทุกคนล้วนผ่านการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขามาแล้วทั้งนั้น
เมื่อหันมาเห็นสีหน้าประหลาดใจของฉีเล่ย ไท่โหล่วก็บอกกับเขาด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจว่า “นี่ ไว้นายสนิทสนมกับฉันมากกว่านี้ก่อน ฉันจะแนะนำเพื่อนๆของฉันให้นายรู้จัก”
หลังจากหยุดคิดเล็กน้อย เขาก็พูดต่อว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาวๆสวยๆพวกนั้น”
“อืมม” ฉีเล่ยพยักหน้า
“มีผู้ชายคนไหนบ้างไม่ชอบผู้หญิงสวยๆใช่ไหม? นี่ ใครที่กล้าบอกฉันว่าเป็นชายแท้แต่ไม่หวั่นไหวกับผู้หญิงสวยๆแล้วล่ะก็ ฉันบอกได้เลยว่าเป็นพวกคนตอแหล ปากไม่ตรงกับใจ!”
“อืมม” ฉีเล่ยพยักหน้า
“แล้วนายล่ะชอบผู้หญิงพวกนั้นไหม?”
“ชอบ!”
“มันต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นคนจริง! นี่ วันหน้าวันหลังถ้านายอยากได้สาวๆแก้เหงาก็แวะมาหาฉันได้ ฉันจะแนะนำให้นายสักคนสองคน รับรองได้ว่านายต้องถูกใจแน่ๆ”
ไท่โหล่วกระซิบข้างหูฉีเล่ยพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย
“ขอบใจ” ฉีเล่ยเอ่ยตอบพร้อมกับทำสีหน้ากระอักกระอ่วน
เขาเดินรอบภูเขาที่สร้างขึ้นไปตามทางเดิน และในที่สุดไท่โหล่วก็พาฉีเล่ยไปหยุดอยู่หน้าเรือนไม้หลังหนึ่ง
ไท่โหล่วยกมือขึ้นเคาะประตู และรอจนกระทั่งมีเสียงดังออกมาจากด้านใน จึงได้ยกมือขึ้นผลักประตูเดินเข้าไป พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“คุณชายครับ ผมเชิญอาจารย์ฉีมาแล้วครับ!”
บ้านหลังนี้เป็นเรือนจีนโบราณที่สร้างจากไม้ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในจึงทำจากไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ไม้ไผ่ ผนังไม้ที่มีทั้งภาพวาด และภาพอักษรที่ยากจะเข้าใจติดอยู่ บางมุมก็มีแจกันลายครามที่พื้นแจกันเป็นสีขาว และลายดอกไม้เป็นสีฟ้าประดับตกแต่งอยู่
การตกแต่งเน้นความเรียบง่าย แต่สง่างาม และสะอาดสะอ้าน คล้ายกลับเรือนจีนโบราณในอดีตไม่มีผิด
ชายหนุ่มคนหนึ่งหนึ่งกำลังนั่งชงชาอยู่บนเก้าอี้ไม้ริมหน้าต่าง เขาสวมกางเกงสแล็คสีขาวสะอาดตา เสื้อเชิ้ตลายหมากรุก รองเท้าสีน้ำตาลไม่มีส้น ผมอ่อนนุ่มปอยหนึ่งห้อยตกลงมาที่หางตา รอยยิ้มละมุนอ่อนโยนปรากฏอยู่บนใบหน้า แม้หน้าตาของเขาจะไม่จัดว่าหล่อเหลาอะไรมากมาย แต่โดยรวมแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้พบเจอเข้า ก็ต้องตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกเจออย่างแน่นอน
ผู้ชายบางคนหน้าตาหล่อเหลาอย่างมาก แต่ก็ขาดเสน่ห์ ในขณะที่บางคนกลับดูธรรมดาๆ แต่โดยรวมกลับมีเสน่ห์เหลือล้นจนสามารถดึงดูดผู้หญิงให้มาสนใจได้ในทันทีที่พบเห็น
กระทั่งฉีเล่ยซึ่งเป็นผู้ชายไม่ทันโลก ทันทีที่ได้เห็นชายหนุ่มคนนี้เข้า เขากลับสัมผัสได้ถึงความสงบเยือกเย็น และสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกของผู้ชายคนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้คนที่เข้าใกล้ไม่รู้สึกกดดัน หรือรู้สึกเป็นอันตรายแม้แต่น้อย
“เชิญนั่งก่อนสิครับ”
ฉินฟางเอ่ยปากบอกทันที เขารู้ว่าฉีเล่ยกำลังประเมินตนเองอยู่ และนี่เป็นปฏิกิริยาปกติที่คนแปลกหน้าพึงมีให้กันเมื่อพบเจอ
เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองฉีเล่ย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเห็นฉีเล่ย เพียงแต่อีกฝ่ายไม่เคยรู้เท่านั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องจ้องมองเพื่อประเมินท่าทีของอีกฝ่าย
บางครั้ง ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในกระดาษอาจจะลึกซึ้งมากกว่าที่ตัวจริงที่ปรากฏอยู่เสียอีก เพียงแต่คนๆนั้นต้องมีปัญญาเฉลียวฉลาดพอที่จะแยกแยะระหว่างความจริงกับความเท็จได้
“ขอบคุณ” ฉีเล่ยเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่ายทันที
“คุณชอบดื่มชาหลงจิ่งไหมครับ?”
ฉินฟางรินน้ำร้อนลงไปในกาน้ำชาดินเผาสีขาว จากนั้นจึงได้บรรจงรินชาในกาลงไปในถ้วยเล็กๆที่วางเรียงรายอยู่
“ดื่มได้ไม่ขัดอะไร”
ฉีเล่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ภายในใจกลับคิดว่า พวกเศรษฐีร่ำรวยชอบทำอะไรไร้สาระแบบนี้ทุกคนน่ะเหรอ สงสัยจะมีเวลาว่างกันมาก