ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่232 สมาคมแพทย์แผนจีน
ตอนที่232 สมาคมแพทย์แผนจีน
ฉีเล่ยยังจำได้ว่าในงานสัมมนาเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนครั้งนั้น ฉีเล่ยได้เห็นคังฟานปรากฏตัวในบริเวณที่จัดงานด้วย จุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้คืออะไร?
เป็นไปได้ไหมว่าคังฟานสนอกสนใจการแพทย์แผนจีนอย่างจริงจัง? หรือว่าหมอนั่นจะป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่างอยู่ อย่างเอดส์ที่แม้แต่หมอในสหรัฐอเมริกายังรักษาไม่ได้ ก็เลยคิดจะกลับมารักษาด้วยแพทย์แผนจีนในประเทศแทน?
แต่ไม่น่าจะใช่! ไม่เห็นถงซีเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
“ทำไมสองคนนั่นถึงได้มาที่โรงเรียนแพทย์แผนจีนหัวเซี่ยที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้กันนะ? อาจารย์ฉีคะ เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามาด้อมๆมองๆเพื่อหาโอกาสทำเรื่องไม่ดี?”
ฉีเล่ยฟังแล้วได้แต่หัวเราะ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “พวกเขาอาจจะมาหาหมอก็ได้”
“อาจารย์คะ อยากให้หนูไปสืบเรื่องนี้ไหมคะ?” เหอจื่อกระซิบถาม
ฉีเล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เหอจื่อมีคอนเน็คชั่นเป็นวงกว้าง การจะสืบหาความจริงในเรื่องนี้น่าจะทำได้สะดวกรวดเร็วกว่าเขาแน่
สายของเหอจื่อน่าจะสามารถตรวจสอบตัวแทนนิติบุคคล ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรงเรียนแพทย์แผนจีนหัวเซี่ยนี้อย่างเงียบๆได้ อีกอย่าง หากเขาออกหน้าตรวจสอบเอง อาจเป็นการสร้างศัตรูให้กับตัวเองเพิ่มขึ้น
แต่สาเหตุที่เขาลังเลนั้นก็เพราะว่า เหอจื่อช่วยเขามาหลายเรื่องแล้ว และเขาก็เป็นหนี้เหอจื่อมามากแล้ว และหากยังให้เหอจื่อช่วยอีก เขาเองก็ไม่รู้จะตอบแทนเธอกลับไปได้อย่างไร
ระหว่างนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ฉีเล่ยจึงได้ล้วงออกมาดู และพบว่าหมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอนั้น เป็นหมายเลขที่เขาเองก็ไม่คุ้นเคย
“ฮัลโหล นั่นใครครับ?” ฉีเล่ยกดรับพร้อมกับเอ่ยถามปลายสายทันที
“อะไรกันน้องฉี นี่จำฉันไม่ได้แล้วเหรอเนี่ย?” เสียงผู้ชายดังตอบกลับมา
“ต้องขอโทษด้วยครับ พอดีผมไม่คุ้นเบอร์จริงๆ”
ฉีเล่ยจำไม่ได้จริงๆว่าหมายเลขที่โทรเข้ามานั้นเป็นของใครกันแน่ ถ้าเป็นเสียงผู้หญิง เขายังพอจะแยกแยะได้ว่าเป็นเสียงใคร แต่นี่เป็นเสียงผู้ชาย… เขาเดาไม่ถูกจริงๆ
“ฉันเฉินซ่งยังไงล่ะ” อีกฝ่ายตอบกลับยิ้มๆ
“อ้าวคุณเฉินเองหรอกเหรอครับเนี่ย! สวัสดีครับ ต้องขอโทษด้วยพอดีทางนี้เสียงดังหนวกหูไปหน่อย ก็เลยได้ยินเสียงของคุณเฉินไม่ค่อยชัด ผมก็เลยจำไม่ได้!”
ฉีเล่ยเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย และคนที่โทรมาก็คือเฉินซ่งเลขานุการของโจวเซียวตงนั่นเอง
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่ตอนนี้น้องฉีอยู่ที่ไหนล่ะ? คืนนี้พอจะมีเวลาว่างรึเปล่า?” เฉินซ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม
“ไม่ทราบมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?” ฉีเล่ยเอ่ยถาม
“คืออย่างนี้นะ ท่านรองรัฐมนตรีโจวอยากจะทานอาหารเย็นกับเธอ แล้วก็ปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องสภาแพทย์แผนจีนด้วย” เฉินซ่งเอ่ยตอบ
สีหน้าแววตาของฉีเล่ยเป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมกับร้องถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ไม่ทราบว่าตอนนี้ไปถึงไหนแล้วเหรอครับ?”
หลายวันมานี้ เขาเองก็เฝ้ารอข่าวคราวเรื่องนี้จากโจวเซียวตงเช่นกัน เพราะหากไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา เขาเองก็ไม่สามารถที่จะก่อตั้งสมาคมแพทย์แผนจีนแห่งชาติได้สำเร็จอย่างแน่นอน หรือต่อให้ก่อตั้งได้สำเร็จ ก็คงถูกมองว่าเป็นองค์กรที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน
“เรื่องนี้ให้ท่านรองรัฐมนตรีโจวเป็นคนบอกเธอด้วยตัวเองจะดีกว่านะ”
เฉินซ่งตอบกลับฉีเล่ย และในฐานะที่เป็นเลขานุการของโจวเซียวตง เขารู้ดีว่าควรต้องปิดปากเงียบในเรื่องใด
“ได้ครับ! แล้วนี่จะให้ผมไปพบท่านตอนกี่โมง และที่ไหนดีล่ะครับ?” ฉีเล่ยเอ่ยถามทันที
“คืนนี้หนึ่งทุ่มตรงพบกันที่โรงแรมโกลด์สตาร์ เธอไปถึงโรงแรมแล้วก็ให้โทรหาฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจะพาไปห้องรับรองพิเศษของทางโรงแรมเอง” เฉินซ่งตอบกลับ
“ได้ครับ ขอบคุณคุณเฉินมากครับ ผมต้องขอโทษคุณเฉินอีกครั้ง เพราะเรื่องของผมแท้ๆทำให้คุณเฉินต้องลำบาก”
“นี่น้องฉี จนป่านนี้แล้วทำไมยังต้องเกรงอกเกรงใจฉันแบบนี้อีก? เอาล่ะ ฉันไม่รบกวนเวลาของเธอแล้วล่ะ แค่นี้นะ”
หลังจากกดวางสายไปแล้ว สีหน้าของฉีเล่ยก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้น และดูมีความสุขอย่างมาก
เหอจื่ออดที่จะยิ้มไปด้วยไม่ได้ ปากก็ร้องถามฉีเล่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น “จารย์ฉี ดีอกดีใจเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“ก็ต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดีน่ะสิ ผมถึงได้ดีใจ!”
ฉีเล่ยตอบกลับยิ้มๆ เพราะถ้าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ นั่นย่อมหมายความว่า เป้าหมายในการพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นอีกหนึ่งก้าวแล้ว
……
เวลา 6.50 นาฬิกา ฉีเล่ยก็ไปถึงโรงแรมโกลด์สตาร์ตามที่ได้นัดหมายกันไว้ โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่กระทรวงสาธารณสุขมักจะใช้เป็นที่รับรองแขกต่างชาติ หรือไม่ก็จัดงานประชุมต่างๆ แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่โรงแรมระดับห้าดาว แต่ภายในก็ตกแต่งไว้อย่างหรูหรามีระดับมากทีเดียว
ฉีเล่ยยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม และกดโทรหาเฉินซ่งทันที ไม่นานนักเฉินซ่งก็เดินออกมารับ เขาจับมือทักทายกับฉีเล่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ตรงเวลาเป๊ะเลยนะน้องฉี ท่านรองรัฐมนตรีโจวกำลังรออยู่พอดี”
“นัดกับผู้หลักผู้ใหญ่จะมาช้าได้ยังไงกันล่ะครับ”
ฉีเล่ยเอ่ยตอบยิ้มๆ เขาไม่กล้าเรียกขานตำแหน่งพร้อมแซ่ของอีกฝ่ายตามเฉินซ่ง เพราะเกรงว่าจะเป็นการทำตัวตีสนิทจนเกินงาม จึงได้ใช้คำว่าผู้หลักผู้ใหญ่แทน
เฉินซ่งเดินเข้าไปตบบ่าฉีเล่ยเบาๆ ก่อนจะเดินนำเขาขึ้นลิฟท์วีไอพีไปชั้นบนของโรงแรม
ภายในห้องส่วนตัวใหญ่โต โอ่โถง และหรูหรา ฉีเล่ยพบโจวเซียวตงกำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
วันนี้เขาสวมเสื้อสูทสีดำและเนคไทสีเดียวกันแทนเสื้อคลุมเหมือนที่ผ่านมา ในยามที่เขาสวมใส่ชุดสูทอย่างเป็นทางการแบบนี้ ก็ดูสง่างาม และมีราศรีมากเลยทีเดียว
เมื่อเห็นฉีเล่ยเดินเข้ามาในห้อง โจวเซียวตงก็เอ่ยปากทักทายทันที “ฉีเล่ยมาแล้วเหรอ วันนี้ฉันมีข่าวดีมาบอกเธอถึงสองเรื่อง เธออยากจะฟังเรื่องไหนก่อนดีล่ะ?”
“ทุกครั้งที่ผมมาพบท่านรองรัฐมนตรี ก็มักจะได้ยินแต่ข่าวดีเสมอเลยครับ”
ฉีเล่ยเอ่ยประจบทันที “ในเมื่อเป็นข่าวดีทั้งสองข่าว จะฟังเรื่องไหนก่อนก็เหมือนกันครับ”
“ฮ่าๆๆๆ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มต้นด้วยข่าวนี้เลยแล้วกัน โครงการก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนของเธอได้รับการอนุมัติแล้วนะ”
โจวเซียวตงร้องบอกฉีเล่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และดูเหมือนว่าเรื่องนี้ก็ทำให้ตัวเขาเองดูมีความสุขอย่างมากเช่นกัน
“ขอบคุณมากครับท่าน!”
ฉีเล่ยร้องตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจระคนดีใจ แม้ว่าเขาจะคาดเดาไว้ก่อนหน้าแล้วว่า เรื่องนี้มีโอกาสที่จะสำเร็จสูง แต่ก่อนที่จะได้รับข่าวคราวอย่างเป็นทางการ เขาก็อดที่จะกังวลใจไม่ได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้ โจวเซียวตงเป็นคนบอกข่าวดีเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวเอง นั่นย่อมหมายความว่า เรื่องนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว หากจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้บ้าง ก็คงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในประเด็นปลีกย่อยเท่านั้น หาไม่แล้ว โจวเซียวตงคงไม่กล้านำเรื่องนี้มาบอกกับเขาอย่างแน่นอน
“เธอจะมาขอบคุณฉันทำไมกัน? ทั้งหมดนี้เป็นการทำเพื่อพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนทั้งสิ้น ไม่ใช่แต่เธอที่ร้อนใจนะ เพื่อนๆของฉันในกระทรวงก็ร้อนใจไม่แพ้กัน พวกเขาต่างก็ถูกกดดันและบีบคั้นจากแพทย์แผนตะวันตกเข้ามาทีละเล็กทีละน้อย จนทุกวันนี้กระทั่งยาจีนยังจะถูกกำจัดให้หายไปจากวงการแพทย์ หลายคนในกระทรวงเองก็รู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ นี่ถ้ายาจีนถูกกำจัดออกไปได้สำเร็จจริงๆ ต่อไปคนรุ่นหลังที่มีของพวกนี้อยู่ในมือ จะไม่กลายเป็นอาชญากรไปหรือยังไงกัน?”
โจวเซียวตงร้องบอกฉีเล่ยพร้อมกับโบกมือไปมาอย่างไม่เห็นด้วย
“ผมเชื่อมั่นว่า ยังไงซะแพทย์แผนจีนก็จะต้องอยู่คู่ประเทศของเรา ใครก็ไม่สามารถกำจัดออกไปได้” ฉีเล่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อืมม ฉันเองก็เชื่อแบบนั้น!”
โจวเซียวตงพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับพูดต่อทันที “เพราะข่าวดีเรื่องที่สองนี่ล่ะ ที่ทำให้ฉันมั่นอกมั่นใจได้ขนาดนี้”
“อย่างนั้นเหรอครับ? แล้วไม่ทราบว่าข่าวดีเรื่องที่สองเป็นเรื่องอะไรกันเหรอครับท่าน?” ฉีเล่ยเอ่ยถามยิ้มๆ
“ก็ในโครงการที่ฉันเสนอเข้าที่ประชมน่ะสิ ฉันเสนอให้แต่งตั้งเธอเป็นประธานคนแรกของสภาแพทย์แผนจีน แล้วก็ให้อำนาจเธอในการก่อตั้ง และบริหารจัดการเกี่ยวกับเรื่องต่างๆทั้งหมดภายในองค์กรด้วย”
ประธานคนแรกของสภาแพทย์แผนจีนงั้นเหรอ?
ฉีเล่ยถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง!
แต่เมื่อได้สติเขาก็รีบโบกมือพร้อมกับปฏิเสธเสียงหลง
“ไม่นะครับท่านรองรัฐมนตรี! ผมยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะรับตำแหน่งนี้ นอกจากผมจะอายุยังน้อยแล้ว ประสบการณ์ในด้านนี้ก็ยังน้อยมากด้วย ผมเกรงว่าตัวเองจะไม่มีศักยภาพมากพอที่จะโน้มน้าวมวลชนให้เชื่อถือได้”
โจวเซียวตงฟังแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นสูง พร้อมกับเอ่ยถามฉีเล่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉีเล่ย เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงได้มั่นอกมั่นใจในตัวเธอมากขนาดนี้?”
“เป็นเพราะอะไรเหรอครับท่าน?” ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมา
“เพราะความเป็นกบฏในตัวเธอยังไงล่ะ! เธอรู้ตัวไหมว่าเธอเป็นคนหนุ่มที่ดื้อรั้นไปถึงขั้วกระดูกเชียวล่ะ เธอไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโดยอาศัยอารมณ์ความรู้สึกนำหน้า เพราะถ้าเธอเป็นคนแบบนั้น ก็คงยากที่จะทำเรื่องใหญ่โตให้สำเร็จได้!”
โจวเซียวตงเอ่ยตอบฉีเล่ย “ถ้าฉันต้องเลือกคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิที่เหมาะสมมาเป็นประธานแบบเดิมๆ แล้วฉันจะก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรกันล่ะ? คนพวกนั้นจะมีปัญญารักษาวงการแพทย์แผนจีนให้อยู่รอดได้งั้นเหรอ?”
“แต่เธอ.. เป็นคนหนุ่มไฟแรง มิหนำซ้ำยังเฉลียวฉลาดมากด้วย ตอนนี้ฉันก็แค่ฝากความหวังทั้งหมดในการทำให้แพทย์แผนจีนกลับมาผงาดอีกครั้งไว้ในมือของเธอ เธออย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังล่ะ”
ฉีเล่ยนิ่งเงียบครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่ครู่หนึ่ง และเริ่มเห็นด้วยกับโจวเซียวตงว่า นอกจากเขาแล้วคงจะไม่มีใครสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จแน่ จึงได้พยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“ได้ครับ! ผมรับปากจะทำหน้าที่นี้อย่างสุดความสามารถให้สมกับที่ท่านไว้วางใจ และจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังอย่างเด็ดขาด”