ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่244 เกิดเหตุระหว่างถ่ายทอดสด
ตอนที่244 เกิดเหตุระหว่างถ่ายทอดสด
ถงเซียวเซียวกลัวมากว่าฉีเล่ยจะทำเรื่องอะไรไม่ดีลงไป และที่สำคัญ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันอัดรายการแล้ว
ฉีเล่ยส่ายหน้าไปมาและตอบหญิงสาวกลับไปว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเห็นคุณตาคนนี้ล้มลงอยู่กับพื้นที่ด้านหลังประตูบันไดหนีไฟ ถ้าผมไม่ไปช่วยรักษาให้ รับรองว่าป่านนี้คงต้องตายไปแล้วล่ะ”
ก่อนหน้านี้ ถงเซียวเซียวรู้มาก่อนแล้วว่า ฉีเล่ยมีทักษะทางด้านการแพทย์ เมื่อได้ยินเขาบอกแบบนั้น เธอจึงได้แต่พยักหน้ารับรู้โดยไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
“ช่วงที่ผมไปถ่ายรายการที่สถานีโทรทัศน์พรุ่งนี้ คุณช่วยเฝ้าดูอาการของคุณตาแทนผมที ถ้ามีอะไรผิดปกติ รีบโทรบอกผมทันทีเลยนะ!”
ฉีเล่ยกำชับถงเซียวเซียวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แม้ว่าอาการของชายชราในตอนนี้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ในเมื่อมีเรื่องของหนอนกู่เข้ามาข้องเกี่ยวด้วยแบบนี้ จึงทำให้ฉีเล่ยรู้สึกว่าต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
เพียงแค่หนอนกู่ตัวเดียวเมื่อครู่ ก็เล่นเอาเขาแทบหมดเรี่ยวหมดแรงเลยทีเดียว ขืนยังมีอะไรแบบนี้ปรากฏขึ้นอีก ต่อให้เขาจะเป็นถึงประธานสภาแพทย์แผนจีนก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไร
“ถ้าคุณตาฟื้นขึ้นมาในระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรายการอยู่ คุณช่วยบอกคุณตาให้อยู่รอจนกว่าผมจะกลับมานะ ผมมีเรื่องที่จะต้องสอบถามเขา” ฉีเล่ยเอ่ยบอกถงเซียวเซียวต่อ
รายการที่ฉีเล่ยจะไปอัดนั้นอยู่ในช่วงเวลากลางคืนพอดี และไม่มีกำหนดเวลาเสร็จที่แน่นอน เพื่อที่จะสืบหาสาเหตุให้กระจ่าง ฉีเล่ยจำเป็นต้องสอบถามบางสิ่งบางอย่างจากชายชรา
และไม่ว่าต้องเผชิญหน้ากับองค์กรลี้ลับ หรือแม้แต่สิ่งแปลกประหลาดอะไร ฉีเล่ยก็รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขาที่จะต้องสืบหาความจริงให้ได้
และภาระของเขาครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะหนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา..
……….
แม้ว่าจะเป็นรายการถ่ายทอดสดในเวลาค่ำคืน แต่ในการถ่ายทำย่อมต้องมีการเตรียมการ ทั้งเซ็ทฉาก แต่งหน้า คอสตูม พนักงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องไปเตรียมงานกันตั้งแต่ช่วงบ่าย รวมทั้งตัวฉีเล่ยด้วยเช่นกัน
เวลานี้ ภายในห้องพักของเขาจึงเหลือเพียงแค่ถงเซียวเซียวกับชายชราสองคนเท่านั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ในเมื่อเขาช่วยชีวิตของชายชราผู้นี้ไว้ได้แล้ว คงจะไม่สามารถปล่อยเขาไปโดยที่อะไรยังไม่กระจ่างแบบนี้ได้
ก่อนจะออกจากห้อง ฉีเล่ยยังย้ำถงเซียวเซียวอีกครั้งว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ให้รีบโทรหาเขาทันที!
และเพื่อความปลอดภัย ฉีเล่ยถึงกับขอให้ทางโรงแรมช่วยจัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาคอยเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องพัก เพื่อคอยปกป้องถงเซียวเซียวกับชายชราอีกด้วย
และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ ฉีเล่ยเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งสิ้น
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆภายในโรงแรมจนเสร็จสิ้นแล้ว ฉีเล่ยจึงได้เดินไปขึ้นรถที่ทางสถานีส่งมารับเขาที่โรงแรม แต่เมื่อเห็นฉีเล่ยเดินลงมาคนเดียวลำพัง เจ้าหน้าที่ของทางสถานีก็ได้แต่แอบถามยิ้มๆ
“คุณฉีคะ ฉันได้ยินมาว่าคุณพาสาวข้างกายมาด้วยไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉีเล่ยรีบโบกมือพร้อมกับปฏิเสธไปหัวเราะไป “ไปกันใหญ่แล้ว! นี่คุณพูดเรื่องอะไรกันครับ? นั่นน่ะเพื่อนผมเอง ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดเลยนะครับ!”
สังคมสมัยนี้ คำพูดของคนเป็นเรื่องที่น่ากลัว ฉีเล่ยจึงต้องรีบเตือนอีกฝ่ายทันที
“ฉันแค่หยอกล้อเล่นเท่านั้นค่ะอาจารย์ฉี ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่พูดอะไรแบบนั้นออกไปแน่ค่ะ พร้อมจะไปกันรึยังคะ?”
นี่เป็นครั้งแรกของการมาออกรายการทางทีวีของฉีเล่ย มิหนำซ้ำยังเป็นรายการถ่ายทอดสดอีกด้วย ฉีเล่ยจึงค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้นและกดดันอย่างมากทีเดียว
“อาจารย์ฉีคะ คุณได้อ่านคำถามที่ทางเราส่งไปให้แล้วใช่ไหมคะ?”
พนักงานเอ่ยถามฉีเล่ยเพื่อความมั่นใจ และได้บอกกับเขาว่า การทำรายการสดเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายอย่างมากสำหรับแขกรับเชิญ และทีมงาน
ไม่ว่ารายการจะมีคนดูจำนวนมากหรือไม่ หรือมีเนื้อหาเช่นใด นั่นยังไม่สำคัญเท่าว่า หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยระหว่างรายการ อาจทำให้เกิดผลเสียต่ออาชีพการงานของคุณได้ในทันที
และแน่นอนว่า ทั้งทีมงานและแขกรับเชิญ ไม่ว่าใครย่อมไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเป็นแน่
“แต่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ ถึงแม้คุณจะลืมคำตอบจริงๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ด้านนอกคอยถือป้ายคำตอบที่คุณส่งมาให้ดู คุณก็แค่คอยเหลือบมองเป็นไกด์ได้”
จากนั้น ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปที่สตูดิโอนั้น พนักงานคนนี้ก็ได้ซ้อมถามและตอบกับฉีเล่ยตลอดทาง ทำให้เขารู้สึกกดดันยิ่งกว่าเก่า
แต่ฉีเล่ยก็เข้าใจอีกฝ่ายดี เพราะนี่เป็นรายการถ่ายทอดสด ทีมงานทุกคนจึงต้องเตรียมงานที่ตนเองรับผิดชอบอย่างดีที่สุด เขาในฐานะแขกรับเชิญจึงต้องให้ความร่วมมือเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้
“อาจารย์ฉี อย่าเพิ่งหงุดหงิดนะคะ ฉันจำเป็นต้องซ้อมเพื่อให้คุณคุ้นเคย จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด ขืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างถ่ายทำ ฉันคงต้องลาออกเป็นการไถ่โทษแน่ๆเลยค่ะ”
หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้าอ่อนแรงของฉีเล่ย พนักงานสาวก็ถึงกับต้องเอ่ยขอโทษ พร้อมกับหัวเราะแก้เขิน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจดี รับรองว่าผมจะทำตามที่คุณบอก และจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดเด็ดขาดเลยครับ!”
หลังจากมาถึงสตูดิโอของทางสถานี ฉีเล่ยยังต้องซ้อมเตรียมถามตอบคำถามต่างๆ กับพิธีกรต่ออีกตลอดทั้งบ่าย และเพื่อให้การซ้อมเสมือนจริง รายการถึงกับหาเอ๊กซ์ตร้าอีกสามคนมานั่งเป็นผู้ชมให้ เพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับการถ่ายทอดจริง
แม้ว่าฉีเล่ยจะพอได้ฟังทีมงานบรีฟลักษณะรายการให้ฟังคร่าวๆแล้ว แต่เมื่อการถ่ายทอดสดใกล้จะเริ่มต้นขึ้นจริงๆ เขาก็ถึงกับตื่นเต้นตกใจไม่น้อยทีเดียว
‘การถ่ายทอดสดทางทางทีวีเป็นแบบนี้เองน่ะเหรอ?!’
ผู้ชมที่ดูทางทีวีก็จะเห็นเพียงแค่ฉากหน้าที่กล้องถ่ายให้เห็นเท่านั้น ไม่มีโอกาสได้เห็นเบื้องหลังการทำงานทั้งหมดของรายการนั้นๆ
ตอนนี้ ทีมงานได้เตรียมการทั้งหมดจนพร้อมแล้ว เหลือเพียงแค่รอให้เข้าสู่เวลาของการถ่ายทอดสด เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า กระทั่งในที่สุด ก็ถึงเวลาถ่ายทอดสดเสียที
ฉีเล่ยเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตนเองในระหว่างที่ยืนรอขึ้นเวที แต่กลับไม่พบข้อความ หรือสายเรียกเข้าจากถงเซียวเซียวเลย ทำให้เขารู้สึกโล่งอกและวางใจขึ้นมาก
-ผมกำลังจะขึ้นไปบนเวทีแล้ว ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง?-
ฉีเล่ยส่งข้อความไปถามข่าวคราวจากถงเซียวเซียว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบ แต่ในระหว่างที่พิธีการประกาศชื่อฉีเล่ยเท่านั้น ข้อความจากถงเซียวเซียวก็เด้งขึ้นมาทันที
-ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ! ถ่ายรายการเสร็จแล้วรีบๆกลับมาล่ะ อ่อ.. แล้วก็อย่าลืมซื้ออะไรกลับมาให้ฉันกินด้วยนะ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว-
ในท้ายข้อความที่ส่งมา ถงเซียวเซียวยังได้กดอิโมจิแลบลิ้นส่งมาให้เขาด้วย
ฉีเล่ยอ่านข้อความแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที หลังจากนั้นจึงได้ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับทีมงานของทางรายการ ส่วนเขาก็ค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมในห้องส่ง
เป็นเพราะฉีเล่ยมาออกรายการในคืนนี้ ทำให้รายการเวทีแพทย์แผนจีนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของหลินชูวโม่ และบรรดาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาก่อน ได้กลายเป็นที่สนอกสนใจของทุกๆคนขึ้นมาทันที
อาจารย์ฉีมาแล้ว อยากถ่ายรูปด้วยจังเลย!
ผู้ชมในห้องส่งต่างก็คิดเหมือนกัน…
ด้วยฝีมือของทีมคอสตูมและช่างแต่งหน้า ทำให้คืนนี้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผมของฉีเล่ยล้วนดูดีไปหมด
วันนี้ ฉีเล่ยได้รับการแนะนำต่อสาธารณชนด้วยสถานะใหม่ซึ่งก็คือ ‘ประธานสภาแพทย์แผนจีน’ แม้ว่าองค์กรนี้จะยังไม่ได้เริ่มต้นก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็จริง แต่ก็อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่
และด้วยตำแหน่งประธานที่พิธีกรประกาศออกไป ก็ถึงกับทำให้หญิงวัยกลางคนต้องหันกลับมามองหน้าจอทีวีด้วยความสนอกสนใจทันที
และในรายการนี้ ฉีเล่ยก็ได้แสดงความสามารถพื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนให้ทุกคนได้ประจักษ์ แต่แน่นอนว่า นี่เป็นการเตรียมการล่วงหน้าของทางรายการมาก่อน
แต่เมื่อมาอยู่หน้าทีวี ก็ต้องแสดงออกมาให้เห็นว่าเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ไม่ได้เตรียมการมาล่วงหน้า!
ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นดี และไม่มีใครคิดว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลังจากที่รายการดำเนินไปได้ครึ่งทางแล้ว
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนเดิมโดยไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นคำถาม พิธีกร หรือกระทั่งแขกรับเชิญคือฉีเล่ย แต่แล้วจู่ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในรายการ
เพราะจู่ๆ ผู้ชมในห้องส่งคนหนึ่งก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แต่ดูจากเหตุการณ์แล้ว มันดูไม่เหมือนการเซ็ทฉากขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
ฉีเล่ยหันไปมองหน้าพิธีกรด้วยสีหน้างุนงงสับสน เพราะคิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ทางรายการจัดฉากขึ้น แต่จากสีหน้าของพิธีกร ทำให้ฉีเล่ยรู้ได้ทันทีว่า เหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องจริง เขาจึงรีบวิ่งลงจากเวทีไปดูผู้ชมคนนั้นทันที
เดิมทีผู้ชมในห้องส่งเองก็คิดว่าเป็นการจัดฉาก แต่หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนจึงเริ่มรู้ว่านี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ
แต่เนื่องจากนี่เป็นรายการถ่ายทอดสด และรายการก็ได้ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องทำการถ่ายทอดสดต่อไป
ฉีเล่ยตรวจดูอาการของผู้ชมในห้องส่งคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีความผิดปกติที่หัวใจ จึงทำให้ทรุดล้มลงไปแบบนั้น และเวลานี้หัวใจยังเต้นอ่อนมากอีกด้วย