ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่249 ถูกพิษหนอนกู่
ตอนที่249 ถูกพิษหนอนกู่
“ขอบคุณมาก แต่ไม่ดีกว่า พวกเราสองคนมาเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงเท่านั้นเอง”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะหลังเป็นคนเอ่ยตอบคนขับแท็กซี่ไป
“อ่อ.. มาหาเพื่อนเองหรอกเหรอครับเนี่ย ไม่ทราบว่าพวกคุณสองคนมาอยู่เจียงหลิงนานแค่ไหนแล้วเหรอครับ? แล้วนี่รู้ไหมครับว่า ตอนนี้มีหมอที่กำลังโด่งดังมากคนหนึ่งมาเที่ยวเจียงหลิงเหมือนกัน?”
คนขับรถแท็กซี่ร้องบอกสองสามีภรรยาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ถ้าพวกคุณสองคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็ลองไปหาคุณหมอท่านนี้ดูสิครับ เพื่อนผมบอกว่า หมอคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนด้วย อยากรู้จริงๆว่าจะเก่งแล้วก็มหัศจรรย์แค่ไหน?”
“ใช่คุณหมอที่ชื่อฉีเล่ยรึเปล่าล่ะ? ถ้าใช่ พวกเราสองคนได้ดูรายการที่เขาให้สัมภาษณ์เมื่อคืนนี้แล้วล่ะ ดูท่าจะเก่งสมคำร่ำลือนั่นล่ะ!”
“ใช่ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ! บางคนก็ออกมาบอกว่าเป็นการจัดฉากของทางรายการ แต่ผมไม่เชื่อหรอก ผมว่าหมอคนนี้น่าจะมีฝีมือจริงๆนะครับ”
คนขับรถแท็กซี่ยังคงพูดไม่หยุด แต่สองสามีภรรยาที่นั่งอยู่เบาะหลัง ก็เพียงแค่หันไปมองหน้ากันยิ้มๆไม่พูดอะไร ราวกับว่ากำลังสื่อสารข้อความอะไรบางอย่างกันอยู่
และแน่นอนว่า สองสามีภรรยาคู่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากอี้ชากับซิ่วเอ๋อที่เพิ่งจะออกมาจากซิงหัวพลาซ่านั่นเอง และหลังจากที่ได้ยินชื่อของฉีเล่ย ทั้งคู่ก็หันไปมองหน้ากันยิ้มๆ
……..
ทางด้านฉีเล่ยที่เห็นสองสามีภรรยาเดินจากไปนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่างมาก
แม้จะได้รู้แล้วว่า สองสามีภรรยากับชายชราที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้นั้นมีเรื่องบาดหมางส่วนตัวกันอยู่ แต่สัญชาติญาณของเขาก็บอกว่า หากปล่อยสองสามีภรรยาคู่นี้ไว้จะต้องเกิดเรื่องบางอย่างที่เป็นอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้เขารู้สึกว่า จำเป็นที่ตัวเขาเองจะต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองนี้เสียแล้ว
หลังจากได้ถงเซียวเซียวมาเป็นผู้ช่วย อีกฝ่ายก็เริ่มช่วยฉีเล่ยสืบหาฐานะที่แท้จริงของชายชราคนนั้น
และนับว่าเป็นความโชคดี เพราะในระหว่างที่ถงเซียวเซียวอยู่กับชายชราตามลำพังสองคนภายในห้องพักนั้น ทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันมาบ้างแล้ว ทำให้หญิงสาวพอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับชายชรามาบ้าง และได้นำชื่อของเขามาค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เนต
“นี่คุณแน่ใจนะว่าคุณตาคนนั้นเป็นคนๆนี้แน่ๆ?”
ฉีเล่ยร้องถามหลงเซียวเซียวพร้อมกับจ้องมองรูปภายในโทรศัพท์มือถือ ปากก็ยังคงร้องถามย้ำด้วยความตกอกตกใจไม่หยุด
“เซียวเซียว แน่ใจนะว่าใช่คนเดียวกันน่ะ?”
“ไม่ผิดแน่ๆ!”
ในคืนที่ชายชราเดินออกจากห้องพักของเขาไปนั้น ฉีเล่ยเองก็รู้สึกเช่นกันว่า ชายชราคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้บอกเล่าความจริงทั้งหมดให้เขารู้ และคล้ายกับว่ามีบางส่วนที่เขาโกหกอีกด้วย
หลังจากที่ได้ล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของชายชราคนนั้นแล้ว ฉีเล่ยก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น นั่นเพราะชายชราคนนั้นเป็นถึงเจ้าของบริษัทยาที่ใหญ่โตอย่างมากในเมืองเจียงหลิง!
และนั่นทำให้ฉีเล่ยรู้สึกสงสัยคลางแคลงใจอย่างที่สุด และเริ่มมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขา!
น่าแปลก ทำไมวันนั้นเจ้าของบริษัทใหญ่โตถึงได้ไปเดินอยู่ที่นั่นได้?
ที่สำคัญ นี่เขาไปมีเรื่องอะไรกับสองสามีภรรยาชาวเผ่าเหมี่ยว จนพวกเขาถึงกับต้องใช้วิชากู่เล่นงานเอาแบบนั้นนะ?
มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ?
ชายชราคนนี้มีชื่อว่าซือไถ และมีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัทเครื่องมือแพทย์ของตระกูลซือในเมืองเจียงหลิง เมื่อหลายปีก่อนนั้น ซือไถนับเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในเจียงหลิง กระทั่งกลุ่มบริษัทของตระกูลซือเอง ก็ยิ่งใหญ่จนถึงขนาดกลายเป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจในเจียงหลิงไปแล้ว
แต่สองสามปีที่ผ่านมานี้ ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรเช่นกัน จู่ๆ กลุ่มบริษัทของตระกูลซือก็เริ่มตกต่ำ และค่อยๆจางหายไปจากสายตาของผู้คนในเมืองเจียงหลิง
บ้างก็ว่าเป็นเพราะคุณนายซือบริหารงานได้ไม่ดี และตอนนี้ตระกูลซือก็กำลังใกล้จะล้มละลายแล้ว แต่บ้างก็บอกว่า นี่เป็นกลยุทธ์และแผนการของคุณนายซือ ส่วนประธานบริษัทตัวจริงนั้นก็ได้หายหน้าหายตาไปจากวงการธุรกิจอย่างไร้ร่องรอย
แต่เมื่อจู่ๆ ซือไถก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแบบนี้ กลายเป็นว่า หลายๆคนกลับไม่รู้สึกคุ้นเคยกับภาพที่ปรากฏนัก
“นี่ฉีเล่ย หรือว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะตัวของซือไถเอง?”
ถงเซียวเซียวหันไปมองฉีเล่ยพร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ทั้งนั้น”
“เอาล่ะ คุณกลับไปรอผมที่โรงแรมก่อนก็แล้วกัน ผมจะสืบเรื่องคุณตาคนนี้ต่อ เสร็จแล้วจะรีบตามกลับไป อ่อ.. แล้วถ้าได้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับถงซีล่ะก็ ต้องรีบรายงานให้ผมรู้ทันทีเลยล่ะ!”
ถงเซียวเซียวเพียงแค่พยักหน้าไม่พูดอะไรมาก แต่ตอบกลับไปเพียงแค่ประโยคเดียวสั้นๆ
“ระมัดระวังตัวด้วยล่ะ!”
หลังจากพูดจบ ถงเซียวเซียวก็เดินจากไปทันที
…….
ภายในบ้านใหญ่หลังหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเจียงหลิง ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ชั้นล่างเวลานี้ ก็คือชายชราที่ชื่อซือไถนั่นเอง เขากำลังนั่งก้มหน้าก้มตาจ้องมองหน้าอกของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งที่เข็มเงินของฉีเล่ยแทงทะลุผ่าน
แต่ในระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงกดกริ่งดังขึ้น
ติ๊งต่อง.. ติ๊งต่อง..
และทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น ชายชราก็ถึงกับขนลุกขนชันไปทั่วทั้งร่าง เขาลุกขึ้นไปยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปเสียงดัง
“นั่นใคร?”
“เจ้าหนี้ยังไงล่ะ!”
เสียงร้องตะโกนตอบกลับของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตูรั้วด้านนอก
“พี่ซือ ยังจำได้ไหมว่าตัวเองเป็นหนี้ติดค้างฉันอยู่ไม่น้อยเลย นี่พี่คงจะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้สินะ? ครั้งก่อนพี่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ก็จริง แต่ถ้าวันนี้ไม่ยอมออกมาเจรจากันดีๆแล้วล่ะก็ รับรองว่าพี่จะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเป็นครั้งที่สองแน่!”
ซือไถทำสีหน้าคล้ายกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ และดูเหมือนเขาเองจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงได้ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้านทันที
และเมื่อไปถึง ก็พบอี้ชาและซิ่วเอ๋อกำลังยืนอยู่ด้านหน้าประตู เขาจึงได้เดินนำคนทั้งคู่เข้ามาในบ้าน
“พี่อยู่ที่นี่จริงๆด้วยสินะ ดูเหมือนว่าพวกเราตามหาไม่ผิดที่จริงๆ”
เสียงอ่อนหวานมีเสน่ห์น่าฟังของซิ่วเอ๋อดังขึ้น จากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นจ้องลึกลงไปในดวงตาของซือไถพร้อมกับพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“แต่ความจริงแล้ว.. ต้องพูดว่า พี่ตั้งใจวางแผนให้พวกเรามาที่นี่น่าจะถูกต้องกว่าสินะ?”
ซือไถหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอ ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“นี่รู้กันบ้างไหมว่า พวกเธอสองคนได้ตกเป็นเป้าหมายของคนจากสภาแพทย์แผนจีนแล้ว ถ้าเขารู้ว่าพวกเธอสองคนปรากฏตัวในเจียงหลิงแบบนี้ล่ะก็ คิดเหรอว่าเขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลย?”
ดูเหมือนว่า การที่ฉีเล่ยมาเจียงหลิงในครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเป็นฝีมือของชายชราคนนี้ แต่ซิ่วเอ๋อกลับไม่สนใจคำข่มขู่ของซือไถเลยแม้แต่น้อย
“นี่พี่กำลังพูดถึงชายหนุ่มที่เป็นประธานสภาแพทย์คนนั้นน่ะเหรอ กระทั่งหนอนกู่ที่เราใส่เข้าไปในร่างกายของพี่ เขายังต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะกำจัดออกมาได้ ฉันเองก็อยากจะรู้นักว่า เขาจะเก่งกาจสักแค่ไหนกันเชียว? ฉันว่าเจ้าหนุ่มนั่นคงจะขี้โม้โอ้อวดจนน่าขยะแขยงมากกว่า”
“สภาแพทย์แผนจีนแล้วยังไง?!”
ซิ่วเอ๋อหัวเราะเย้ยหยันก่อนจะพูดต่อว่า “องค์กรไร้น้ำยา ผู้นำองค์กรก็กระจอก อีกอย่าง ตอนนี้ในสภาแพทย์แผนจีนนั่นจะมีคนดีมีฝีมืออยู่สักกี่คนเชียว? ฮ่าๆๆ ดูท่าพี่คงจะต้องหมดหวังแล้วล่ะนะ”
“พี่ซือ ถ้าภายในสามวัน พวกเรายังไม่ได้เห็นของที่พี่รับปากไว้แล้วล่ะก็ อย่าได้หาว่าพวกเราเหี้ยมโหดก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ หญิงชาวเหมี่ยวก็ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของซือไถพร้อมกับกระซิบเสียงเบา “พี่เองก็แก่ชราผ่านโลกมามากแล้ว คงรู้สินะว่าฉันไม่ได้แค่ขู่!”
“คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่า พวกคุณสองคนต้องไม่ใช่คนดีอะไรนัก?”
จู่ๆ ก็มีเสียงร้องตะโกนดังออกมาจากด้านนอก
ทุกคนในบ้านเวลานี้ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเสียงนั้นดี และดูเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร เมื่อหันมองออกไปก็พบว่าฉีเล่ยกำลังเดินตรงเข้ามาข้างในอย่างช้าๆ แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป
“คุณฉี! นี่คุณไม่ได้อ่านข้อความในกระดาษโน้ตที่ฉันตั้งใจทิ้งไว้ให้รึยังไง? หรือว่าได้อ่านแล้ว แต่ยังต้องการที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้?”
หญิงชาวเหมี่ยวร้องตะโกนถามฉีเล่ยด้วยความไม่พอใจ ในขณะที่อี้ชาตรงเข้าไปยืนขวางหน้าภรรยาของเขาไว้ พร้อมกับหรี่ตาจ้องมองฉีเล่ยที่กำลังก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“ถ้าจะว่ากันตามเหตุและผล ผมก็ไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น เพราะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ใครผิดใครถูก และใครดีใครเลว แต่…”
ฉีเล่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า “บังเอิญว่าผมมาทันได้ยินคนพูดจาดูถูกสภาแพทย์แผนจีนของผมเข้าพอดี นี่พวกคุณคงคิดว่าสภาแพทย์แผนจีนไร้น้ำยามากสินะครับ?”
หลังจากที่ฉีเล่ยพูดจบ อี้ชาก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที แล้วจึงตอบกลับไปว่า
“คุณฉี ผมว่าคุณคงจะหูแว่วไปรึเปล่า ยังไม่มีใครพูดถึงสภาแพทย์แผนจีนอะไรที่ว่านั่นเลย อีกอย่าง พวกเราสองคนก็พอจะได้ยินชื่อเสียงของคุณมาบ้างแล้วว่า เก่งกาจและแข็งแกร่งมากแค่ไหน พวกเรารู้ว่าไม่หลายคนนักหรอกนะที่จะสามารถทำอย่างที่คุณทำได้ในเวลา”
“บางที ระหว่างพวกเราอาจมีเรื่องเข้าใจผิดไป เอาอย่างนี้ดีไหมครับคุณฉี? รอให้ผมสะสางปัญหาส่วนตัวเสร็จแล้ว ผมจะไปขอโทษคุณด้วยตัวเอง ไม่ทราบคุณคิดเห็นยังไงล่ะ?”
“แล้วถ้าผมตอบว่าไม่ล่ะครับ?”
ฉีเล่ยตอบกลับยิ้มๆ แต่รอยยิ้มของเขากลับดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“คนแซ่ฉี! อย่าปฏิเสธขนมปัง แล้วหันไปกินของเสียจะดีกว่า นี่อย่าบอกนะว่า แม้แต่ตัวคุณเองยังไม่รู้ว่าถูกพิษหนอนกู่ของพวกเราเข้าไปแล้ว!”
หญิงชาวเหมี่ยวร้องบอกฉีเล่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ห๊ะ?! อะไรนะ?!
ฉีเล่ยถึงกับตกใจสุดขีด!