ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่261 สถานที่คุ้นเคย
ตอนที่261 สถานที่คุ้นเคย
ซือไถได้แต่นึกเสียใจ เขาควรจะเชื่อฟังฉีเล่ย หมกตัวอยู่แต่ในห้องพัก ไม่ดื้อรั้นโผล่หัวออกมานอกห้องแบบนี้
แต่จะมานึกเสียใจเอาตอนนี้ก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว ซือไถทำได้เพียงแค่จ้องมองชายหญิงเผ่าเหมี่ยวทั้งสองคน พร้อมกับอ้อนวอนขอร้องด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ได้โปรดเถอะนะ ฉันไหว้ล่ะ! ที่ผ่านมาฉันทำผิดไปแล้ว แต่พวกเธอสองคนก็ได้ลงโทษฉันอย่างสาสมไปแล้วนี่ ทรัพย์สินเงินทองของฉันทั้งหมด พวกเธอก็ยึดไปจนฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ…”
ซิ่วเอ๋อแสยะยิ้มพร้อมกับจ้องมองซือไถ ในขณะเดียวกันปากก็เอ่ยตอบไปว่า
“ประธานซือ พูดอะไรแบบนั้นล่ะ คุณทำเหมือนกับว่าพวกเราสองคนรุมข่มเหงรังแกคุณอย่างนั้นล่ะ ไม่เอาน่า.. ทำใจให้สบาย พวกเราไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณสักหน่อย พวกเราแค่อยากจะมาเชิญคุณไปยังสถานที่แห่งหนึ่งกับเรา เป็นสถานที่ที่คุณเองก็เคยใช้ชีวิตอยู่มาก่อน”
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ซือไถจึงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนต้องการอะไรจากเขากันแน่?
แต่ในเมื่อตอนนี้ไม่มีฉีเล่ยอยู่ข้างกายคอยช่วยเหลือ ซือไถเองก็ไม่มีความสามารถที่จะรับมือกับชายหญิงชาวเหมี่ยวคู่นี้เช่นกัน จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า และถามให้มั่นใจว่า
“พวกเธอสองคนจะไม่ทำอะไรฉันแน่ใช่ไหม?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ทำอะไรคุณอย่างแน่นอน! เรื่องบาดหมางระหว่างเราได้รับการสะสางจนจบไปแล้ว ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะต้องการให้คุณทำอะไรให้หน่อยก็เท่านั้นเอง”
ซิ่วเอ๋อเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเชื่อถือ
ซือไถรู้ตัวว่าไม่มีทางเลือกอื่น จึงได้แต่เดินตามคนทั้งคู่ออกไปจากห้อง แต่ในขณะที่กำลังเดินลงบันไดหน้าโรงแรมไปนั้น จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางโรงแรมคนหนึ่ง เดินเข้ามายืนขวางหน้าพวกเขาทั้งสามคนไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พวกเราได้รับคำสั่งว่า ห้ามไม่ให้อาวุโสท่านนี้ออกไปนอกโรงแรมครับ!”
ก่อนที่ฉีเล่ยจะออกเดินทางไปตามหาอาจารย์ของตนเองนั้น เขาได้ให้เงินจำนวนหนึ่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมไว้ พร้อมกับกำชับหนักแน่นว่า ไม่ว่าจะยังไงก็ตามแต่ ต้องไม่ให้ซือไถออกไปนอกโรงแรมได้เป็นอันขาด และทางที่ดีควรให้เขาอยู่แต่ในห้องพักเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นหนึ่งในสามคนที่กำลังเดินลงบันไดมา มีหน้าตาคล้ายกับซือไถ เขาจึงรีบหยิบรูปถ่ายที่ฉีเล่ยมอบไว้ให้ออกมาดู และเมื่อมั่นใจว่าเป็นคนๆเดียวกัน เขาจึงได้รีบออกมาขัดขวางไว้ทันที
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉีเล่ยได้เตรียมการไว้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง
ซือไถรู้สึกดีอกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้รู้ว่าฉีเล่ยไม่ได้ทอดทิ้งตนเอง แต่ในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นที่ข้างเอว
‘นี่มันใบมีดรึเปล่า? ฉันถูกมีดจี้อยู่เหรอ?’
ซือไถได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ และไม่กล้าแม้แต่จะก้มลงไปมอง ทำได้เพียงแค่คาดเดาเอาจากความรู้สึกเท่านั้น
ซิ่วเอ๋อก้าวเดินขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะร่วน เธอจ้องมองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมกับกระซิบเสียงเบา
“นี่พี่ชายคะ พวกเราทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนของประธานฉี และที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะได้รับคำสั่งจากประธานฉี ให้มาพาอาวุโสท่านนี้ออกไปพบต่างหากล่ะ”
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายรู้จักกับฉีเล่ย และด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะของซิ่วเอ๋อ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ถึงกับจิตใจอ่อนยวบ
“อ่อ.. แล้วนี่ก็น้ำใจเล็กๆน้อยๆจากพวกเรา กรุณารับไว้เถอะนะคะพี่ชาย!”
ระหว่างที่พูดนั้น ซิ่วเอ๋อก็ได้ล้วงเอาธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอ ก่อนจะจับยัดเข้าไปในฝ่ามือของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายนั้น
“รับไว้เถอะน่า..”
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามของซิ่วเอ๋อ ประกอบกับน้ำเสียงออดอ้อนไพเราะของเธอ มีหรือที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้ ในที่สุดเขาก็พยักหน้าหงึกๆเป็นไก่จิกข้าว ปากก็ร้องตอบกลับไปว่า
“ครับๆ ในเมื่อเป็นเพื่อนของประธานฉีก็คงจะไม่เป็นไร แต่ต้องรีบส่งคุณตาท่านนี้กลับมาโรงแรมเร็วๆนะครับ!”
ซิ่วเอ่อพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายนั้น
และเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเวลานี้ ซือไถก็พอจะคาดเดาชะตากรรมของตนเองได้ วันนี้เขาคงจะหนีไม่พ้นหายนะไปได้แน่
หลังจากเดินออกจากโรงแรมกันไปแล้ว ทั้งหมดก็เดินตรงไปขึ้นรถที่จอดไว้ด้านนอกทันที และซือไถที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ก็จำต้องยอมขึ้นรถไปแต่โดยดี
“นี่พวกเธอจะพาฉันไปไหนกันแน่?” ซือไถเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ก็ไปในที่ที่คุณรู้จักดีที่สุดยังไงล่ะ!”
หลังจากพูดจบ ซิ่วเอ๋อก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีกเลย
แม้ว่าซือไถจะยังคงงุนงงสงสัยว่ามันเป็นสถานที่ไหนกันแน่ แต่เขาก็ได้แต่ปิดปากเงียบ และไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายต่อ
หลังจากขับรถไปราวสี่สิบถึงห้าสิบนาที รถก็ได้แล่นไปจอดอยู่หน้าสถานที่แห่งหนึ่ง และเพียงแค่มองปราดเดียว ซือไถก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือที่ไหน
และมันก็คือบ้านของเขานั่นเอง!
ไม่แปลกที่ซิ่วเอ๋อบอกว่าเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด เพราะหลังจากที่ยื้อยุดอยู่นาน ในที่สุดบ้านหลังนี้ก็ตกไปอยู่ในมือของชายหญิงเผ่าเหมี่ยวคู่นี้ไปเสียแล้ว
“พวกเธอสองคนพาฉันกลับมาที่นี่อีกทำไม?”
ซือไถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดบางอย่าง และเวลานี้เขาก็ได้กลิ่นแปลกๆ ที่เคยทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก และหมดเรี่ยวหมดแรงไป
“เดี๋ยวเข้าไปข้างในก็รู้เองนั่นล่ะ!”
หลังจากที่ซือไถก้าวลงจากรถไป กลิ่นประหลาดนั่นก็โชยเข้ามาในจมูกของเขาทันที
“ไม่ๆ ไม่นะ! ฉันทนไม่ไหวอีกแล้วจริงๆนะ ฉันจะกลับโรงแรม!”
ซือไถยกมือขึ้นปิดจมูกของตัวเองไว้ และเพียงแค่สูดดมเข้าไปแค่สองสามอึดใจ เขาก็แทบจะอาเจียนออกมา และแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในรถเหมือนเดิม
แต่แน่นอนว่า ซือไถถูกนำตัวมาถึงที่นี่แล้ว ย่อมไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ มีหรือที่เขาจะสามารถหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อีก
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? มาถึงแล้วคิดว่าอยากจะกลับ ก็จะสามารถทำได้ตามใจชอบงั้นเหรอ?”
อี้ชาร้องบอกเสียงห้วน และไม่อธิบายอะไรให้ซือไถฟังเลยแม้แต่น้อย แต่กลับลากร่างของเขาเข้าไปในบ้าน และลากขึ้นบันไปชั้นสองต่อทันที
บนชั้นสองของบ้านหลังนี้ยังคงเลี้ยงหนอนกู่ไว้ตามเดิม แม้ว่าฉีเล่ยจะพยายามใช้หญ้ามรณะยับยั้งพวกมันไว้บ้างแล้วก็ตาม แต่ทั้งสองคนก็สามารถเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ไว้ได้ทันเสียก่อน
กลิ่นประหลาดที่อบอวลอยู่ภายในบริเวณบ้านจนทำให้ซือไถรู้สึกอึดอัด ดวงตาทั้งคู่ของเขาพร่ามัวราวกับถูกรมควันจนแทบลืมไม่ขึ้น และในระหว่างนั้นก็ได้ยินซิ่วเอ๋อพูดขึ้นว่า
“ความจริงแล้วคุณเองก็ไม่ควรจะต้องมาทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ แต่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ประธานฉีนั่นบุกเข้ามาทำลายที่นี่ก่อน?”
ซิ่วเอ๋อยังคงพูดต่อ “ความจริงแล้ว วันนี้ควรจะต้องเป็นวันที่ผลไม้สุกงอม แต่เป็นเพราะไอ้ประธานฉีนั่นคนเดียว ทำให้งานของพวกเราต้องล่าช้าลง และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่า หนอนกู่พวกนี้จะสามารถเติบโตได้ตามที่พวกเราต้องการรึเปล่า?”
นับว่าอานุภาพของหญ้ามรณะค่อนข้างมีประโยชน์ไม่น้อยเลย
อย่างน้อยๆ มันก็ได้ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของหนอนกู่ได้บ้าง และยังได้แทรกซึมเข้าไปในร่างของหนอนกู่บางส่วนอีกด้วย
“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ ทำไมถึงต้องพาฉันมาที่นี่? ฉันกับฉีเล่ยไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักหน่อย!”
“โอ๊ะ! ไม่ได้เกี่ยวข้องกันงั้นเหรอ?”
ซิ่วเอ๋อจ้องมองซือไถครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “แล้วทำไมตอนนั้นคุณถึงได้วางแผนหลอกล่อฉีเล่ย ให้มาจัดการกับพวกเราได้ล่ะ?”
เดิมทีแล้ว ทั้งซิ่วเอ๋อและอี้ชาต่างก็ได้รับภารกิจให้มาจัดการกับซือไถเท่านั้น เพราะไม่เพียงเด็กคนนั้นเป็นชนเผ่าเหมี่ยว แต่ซือไถยังได้ขโมยหนอนกู่ของเด็กนั่นมาเพื่อใช้ในเรื่องส่วนตัวของตนเอง และนี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อาจให้อภัยได้
แต่หลังจากที่มาถึงเจียงหลิง และกำลังสั่งสอนให้บทเรียนกับซือไถอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าประธานฉีแห่งสภาแพทย์แผนจีน และเป็นที่ยอมรับของผู้คนจำนวนมากอย่างฉีเล่ย จะเดินทางมาเจียงหลิง และพบเห็นการกระทำของพวกเขาทั้งคู่เข้า
และเป็นเพราะเรื่องราวบาดหมางระหว่างชนเผ่าเหมี่ยวกับแพทย์แผนจีนในอดีต เป็นเรื่องที่ชนเผ่าเหมี่ยวได้บอกเล่าต่อๆกันมาให้กับลูกหลานของตนเองฟัง และไม่มีชนเผ่าเหมี่ยวคนใดที่ไม่รู้เรื่องราวในครั้งนั้น ทันทีที่ฉีเล่ยปรากฏตัวขึ้นในเจียงหลิง ซิ่วเอ๋อกับอี้ชาจึงได้วางแผนที่จะทำการใหญ่ทันที
อีกทั้งในเมืองเจียงหลิงแห่งนี้ ไม่มีแพทย์แผนจีนที่มีฝีมือล้ำเลิศอยู่ด้วย นอกเหนือจากการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของฉีเล่ยแล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีทางที่จะหยุดพวกเขาได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าพวกเขาจะได้ทำการฝังหนอนกู่เข้าไปในร่างของฉีเล่ยแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฉีเล่ยจะสามารถรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และท้ายที่สุดก็ได้ย้อนกลับมาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาสองคนอย่างมากมาย
“ประธานซือ ในเมื่อคุณเป็นคนที่ก่อปัญหาทั้งหมดนี้ขึ้น และตอนนี้ฉีเล่ยก็ได้หายตัวไป พวกเราจึงต้องกลับไปหาคุณยังไงล่ะ!”
ซิ่วเอ๋อเอ่ยบอกยิ้มๆ และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวของหญิงชาวเหมี่ยวผู้นี้ ซือไถก็รู้ได้ทันทีว่า เรื่องราวต่อจากนี้คงจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆอย่างแน่นอน
หลังจากนั้น ซิ่วเอ๋อก็หันไปพยักหน้าให้กับอี้ชา ชายเผ่าเหมี่ยวเข้าใจความหมายได้ในทันที เขาจัดการลากซือไถเข้าไปในห้อง และทำการฝังหนอนกู่ลงไปที่ลำคอของเขาทันที
“นี่.. นี่พวกเธอกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่กันแน่? ฉันขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามจะดีกว่า”
ซือไถได้แต่ร้องบอกไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังท้อแท้