ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่267 ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตอนที่267 ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ฉีเล่ยได้แต่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นตัวจริงของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางใกล้ๆ
หากเป็นอย่างที่ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางพูดจริง การที่กายเขาอยู่ในถ้ำแห่งนี้ แต่กลับสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ของโลกภายนอกได้นั้น ย่อมหมายความว่า อีกฝ่ายจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษเหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน และผู้ที่มีพลังวิเศษแบบนี้ยังจะต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาอีกอย่างนั้นเหรอ?
ยิ่งคิดฉีเล่ยก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“เข้ามาใกล้ๆเถิด ข้าย่อมรักษาคำพูดของตัวเอง และจะไม่ทำให้เจ้าต้องรู้สึกว่าถูกข้าเอารัดเอาเปรียบอย่างแน่นอน!”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางร้องบอกฉีเล่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
กระทั่งถึงตอนนี้ ฉีเล่ยยังคงไม่ไว้ใจในตัวของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางผู้นี้นัก แม้ว่าเขาจะเคยได้พบเห็นนักพรตซวนจื่อซือผู้ลึกลับมาบ้างแล้ว แต่กับผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางคนนี้ เขากลับไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป
“ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อหลายปีก่อนมีคนจงใจใส่ร้ายป้ายสีข้า และฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่ทันได้ระวังตัวลอบทำร้ายข้า ทำให้ข้าต้องมีสภาพเช่นนี้!”
ระหว่างที่บอกเล่าเรื่องราวให้กับฉีเล่ยฟังนั้น ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางก็ได้เปิดเสื้อที่สวมใส่ขึ้น เผยให้เห็นร่างที่เหลือเพียงกระดูกไร้เลือดเนื้อ
“เจ้าเห็นหรือไม่? ข้าเพียงแค่หวังว่า ขอให้เจ้าช่วยฟื้นฟูร่างกายของข้าให้กลับมาเป็นดังเดิมได้!”
สภาพอาการบาดเจ็บของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางนั้น ดูแล้วช่างน่าเวทนาอย่างที่สุด
ฉีเล่ยหันไปมองสีหน้าเศร้าหมองของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางในตอนนี้ และได้แต่คิดว่า ที่ผ่านมาเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดนี้มากแค่ไหนกัน เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉีเล่ยก็ไม่สามารถอดรนทนต่อไปได้ เขารีบก้าวเดินเข้าไปหาผู้บำเพ็ญพรตชราพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่คุณไปได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ได้ยังไง?”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางส่ายหน้าไปมา พร้อมกับหลับตาลงทั้งสองข้าง คล้ายกับว่ากำลังรื้อฟื้นความทรงจำช่วงเวลาในอดีตของตนเองอยู่
“อดีตล้วนผ่านไปแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันผ่านไปจะดีกว่า พ่อหนุ่ม เอาเป็นว่าข้ารับปากและขอสัญญาว่า ตราบใดที่เจ้าสามารถฟื้นคืนเลือดเนื้อให้กับข้าได้ ข้ายินดีทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
จากนั้นผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะยิ้มให้กับฉีเล่ยพร้อมกับกล่าวต่อว่า “เจ้าได้ชื่อว่าเป็นหมอเทวดา ข้าเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้อย่างแน่นอน!”
ปกติแล้ว ฉีเล่ยมักจะแอบยินดีพอใจทุกครั้งที่ได้ยินคนเรียกขานตัวเองว่าหมอเทวดาบ้าง แพทย์นักบุญบ้าง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ได้เอื้อให้เขารู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางเข้า ฉีเล่ยก็ได้แต่รู้สึกเห็นอกเห็นใจ จึงได้พยักหน้าให้กับเขาพร้อมกับพูดออกไปว่า
“เอาล่ะ ผมจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ คุณไม่จำเป็นต้องมาให้อะไรผมทั้งนั้น ขอแค่ว่า หลังจากรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รีบๆปล่อยผมออกไปจากที่นี่ก็แล้วกัน ส่วนเรื่องอื่นผมไม่สนใจ!”
เวลานี้ ยังมีเรื่องความหายนะในเจียงหลิงที่ฉีเล่ยแบกไว้บนบ่า เขาจึงไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องอื่นอีก หากเปรียบเทียบกับความเป็นความตายของผู้คนในเมืองเจียงหลิงแล้ว เรื่องอื่นๆนับว่าเป็นเรื่องน้อยนิดมาก
“ดีๆๆ นานเท่าไหร่แล้วที่ข้าไม่ได้พบเจอคนอย่างเจ้า เจ้าเห็นกองกระดูกด้านนอกนั่นหรือไม่? นั่นล้วนแล้วแต่เป็นซากศพของคนที่คิดจะเข้ามาขโมยอัญมณีพวกนั้น แล้วพวกเขาก็ถูกค่ายกลที่ข้าวางไว้ฆ่าตาย”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางหัวเราะเสียงดัง แล้วจึงพูดต่อว่า “นี่คือจุดจบของคนโลภ เดิมทีข้ายังคิดว่าเจ้าคงจะต้องตายเหมือนกับคนโลภมากพวกนั้นเสียอีก! แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เจ้าจะไม่ถูกกลิ่นเหม็นของอัญมณีและทองคำเหล่านั้นดึงดูด ช่างเป็นคนที่หาได้ยากจริงๆ สมแล้วที่ได้ฉายาแพทย์นักบุญ!”
หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางเข้า ฉีเล่ยได้แต่แอบคิดในใจว่า นับเป็นความโชคดีที่เขาไม่ได้สนใจของพวกนั้นมากนัก ไม่อย่างนั้น เขาคงจะต้องมีจุดจบไม่ต่างจากคนอื่นๆอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า ขอผมดูตรวจดูอาการหน่อย!”
ฉีเล่ยอยากจะรีบๆรักษาอาการป่วยให้กับผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางนี้ให้เสร็จโดยเร็ว และไม่ต้องการปล่อยเวลาให้ล่าช้าเสียไปแม้แต่วินาทีเดียว และที่สำคัญ เขาอยากจะรีบๆออกไปจากถ้ำประหลาดๆนี่เสียที
แม้ว่าความจริงแล้ว ฉีเล่ยจะรู้สึกสงสัยไม่น้อยว่า สถานที่แห่งนี้มันคืออะไร? และจู่ๆ ผู้บำเพ็ญพรตผู้นี้ ทำไมถึงได้มาอยู่ในถ้ำแห่งนี้ได้?
แต่แน่นอนว่า ฉีเล่ยไม่ได้เอ่ยถามเรื่องที่เขาสงสัยออกไปอย่างที่ใจต้องการ เพราะถึงอย่างไร การที่เขาจะได้ออกไปจากถ้ำแห่งนี้หรือไม่นั้น ก็ยังคงอยู่ในเงื้อมมือของผู้บำเพ็ญพรตเฒ่าผู้นี้
แต่เมื่อฉีเล่ยเข้าไปใกล้ร่างของผู้บำเพ็ญพรตชรามากขึ้น สายตาของเขาที่มองมาทางฉีเล่ยนั้น กลับยิ่งปรากฏร่องรอยของความตื่นเต้นโหยหาต่อการมาถึงของฉีเล่ยมากขึ้น
ฉีเล่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขานึกอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่แล้วก็ลังเล และได้แต่เดินเข้าไปใกล้ชายชรามากขึ้น
“ในที่สุดเจ้าก็มา!”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางกล่าวคำเดิมอีกครั้ง และเมื่อได้เห็นร่างที่ไร้เลือดเนื้อของเขาเข้า ฉีเล่ยก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ผมมีวิธีที่จะฟื้นฟูเลือดเนื้อกลับคืนให้คุณได้…”
ก่อนหน้าที่เขาบอกชายชราผู้นี้ไปว่า เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่ง นอกเหนือจากเรื่องการรักษาผู้ป่วยแล้ว เขาคงไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นนี้
ต่อให้เขาจะได้รับฉายาว่าหมอเทวดา แต่ลักษณะอาการเจ็บป่วยที่ผิดแผกจากปกติเช่นนี้ การรักษาย่อมต้องแตกต่างไปด้วยเช่นกัน
“เพียงแต่ว่า… จะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน ไม่ทราบว่าคุณยังเต็มใจที่จะรับการรักษาอีกมั๊ยครับ?”
สายตาของฉีเล่ยจับจ้องอยู่ที่ร่างของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางแน่นิ่ง ในสมองของเขาตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องอื่นใดอีกเลยนอกจากเรื่องนี้
“ยินดีสิ! ข้ายินดีมาก ขอเพียงแค่เจ้าช่วยเหลือข้าได้ ข้าย่อมต้องซาบซึ้งใจอย่างมาก!”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางเอ่ยตอบฉีเล่ยยิ้มๆ
ฉีเล่ยถอนหายใจย่างด้วยความโล่งอก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ทำการรักษาอะไรที่แปลกประหลาดแบบนี้ หลังจากนั้น ฉีเล่ยก็ได้หยิบเข็มเงินที่นำตัวตัวออกมา
“นั่น.. ทำไมถึงได้ยืนห่างจากข้ามากนักเล่า? มานี่เร็วเข้า มาใกล้ๆข้านี่ นานมากเหลือเกินที่ข้าไม่เคยได้พูดคุยกับผู้คน เจ้าเป็นคนแรกในรอบสิบปีที่ข้าได้พูดคุยด้วย มานี่เร็วเข้า เข้ามาใกล้ๆนี่ ข้าจะถ่ายทอดวิชาให้”
ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางกวักมือเรียกฉีเล่ยให้เข้าไปใกล้
ฉีเล่ยตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงได้พยักหน้า และค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาชายชรามากขึ้น
…….
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง บนยอดเขาหงหยาซานด้านนอกถ้ำ ได้เป็นเวลาใกล้จะรุ่งสางแล้ว นับตั้งแต่ที่ฉีเล่ยเข้าไปในถ้ำแห่งนั้น ก็นับรวมเป็นเวลาร่วมหลายชั่วโมง ตอนนี้ท้องฟ้าภายนอกก็ได้เริ่มกลายเป็นสีขาวท้องปลาบ้างแล้ว
เป่ยฉวนเทียนที่ได้เดินลงจากยอดเขาไปก่อนหน้า ความจริงแล้วเขาเองก็ได้ตั้งใจว่า หลังจากลงไปถึงไหล่เขาแล้ว ชายชราก็ตั้งใจว่าจะเอาเต็นท์ไปกางทิ้งไว้ให้ฉีเล่ยตามเดิม แต่เมื่อลงมาถึง เขากลับเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น
ผ่านไปเพียงแค่คืนเดียว ต้นไม้ในบริเวณรอบๆจำนวนมากกลับล้มระเนระนาด กระทั่งพื้นดินบางส่วนก็ยุบลงกลายเป็นแอ่ง สภาพที่เห็นในเวลานี้ดูแล้วช่างน่าสะพรึงกลัวมากจริงๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เป่ยฉวนเทียนสำรวจดูบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดอยู่นาน เขานึกถึงหนูหยางม่วงยักษ์ที่พบอยู่บนยอดเขาก่อนหน้านี้ และเพียงแค่นั้น เป่ยฉวนเทียนก็วิ่งไปมาในบริเวณนั้นราวกับคนคลุ้มคลั่ง
เป่ยฉวนเทียนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าสภาพที่เห็นอยู่ในตอนนี้จะเกิดจากพายุ หรือว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะหลังจากคลื่นรุนแรงนี้พัดผ่านไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้คือ สมุนไพรหายากมากมายหลายชนิด กลับปรากฏขึ้นในบริเวณรอบๆ และสามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดาย
“โอกาสดีมาถึงแล้ว!”
เป่ยฉวนเทียนร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขาเดินสำรวจสมุนไพรตามพื้นด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่ง
…….
ในที่สุด วันสุดท้ายก็ใกล้จะมาถึงแล้ว
หนอนกู่ที่เพาะเลี้ยงไว้ก็ใกล้จะเติบโตเต็มวัยพร้อมใช้งาน ส่วนซือไถก็เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งซิ่วเอ๋อและอี้ชาก็ได้สั่งให้คนอยู่เฝ้าคุ้มกันบ้านหลังนั้นกันอย่างแน่นหนา เพราะเกรงว่าฉีเล่ยจะบุกเข้ามาทำลายหนอนกู่ของตนเองเหมือนครั้งที่แล้ว
“น่าแปลก นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว จนป่านนี้ยังไม่เห็นไอ้ประธานฉีนั่นโผล่หัวออกมาอีกเลย ซือไถหายไปจากโรงแรมแบบนี้ มีเหรอที่คนอย่างฉีเล่ยจะนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ได้ มันออกจะดูแปลกประหลาดไปนะ?”
อี้ชาพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกสงสัยประหลาดใจ
“บางทีหลังจากที่ได้เห็นหนอนกู่จำนวนมากในครั้งนั้น ฉีเล่ยมันอาจจะเริ่มหวาดกลัวพวกเราก็ได้ เห็นทีตำแหน่งประธานสภาแพทย์แผนจีน คงไม่ได้มีดีอะไรนัก ก็แค่คำร่ำลือ!”
ซิ่วเอ๋อเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน