ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่275 โอสถหยินหยาง
ตอนที่275 โอสถหยินหยาง
เดิมทีฉีเล่ยคิดว่า ลูกแก้วนี้เป็นเพียงลูกแก้วธรรมดาๆเท่านั้น เขายังคิดว่ามันเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งบนร่างกายของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางนั่นด้วยซ้ำไป
แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนักพรตซวนจื่อซือ ฉีเล่ยจึงได้แต่ตกใจ และแทบไม่อยากจะเชื่อว่า ลูกแก้วธรรมดาๆนี้ จะกลับกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างที่มีความพิเศษเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ หรือคาดคิดได้
“ฉีเล่ย เธอไม่เคยนึกสงสัยบ้างเหรอว่า ในตอนที่ร่างของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางระเบิดนั้น ทำไมบริเวณรอบๆ ถึงได้มีเพียงแค่เธอกับลูกแก้วนี้เท่านั้น?”
นักพรตซวนจื่อซือเอ่ยถามฉีเล่ยยิ้มๆ
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของนักพรตชรา ฉีเล่ยก็เริ่มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น และดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างที่นักพรตซวนจื่อซือพูดจริงๆ
“พลังหยินและหยางเป็นพลังดั้งเดิมของโลกใบนี้ สองพลังในโลก หนึ่งคือหยิน สองคือหยาง สองสิ่งนี้รวมกันเป็นพื้นฐานก่อเกิดของสรรพสิ่งบนโลกใบนี้”
ระหว่างที่พูดนั้น นักพรตซวนจื่อซือก็ค่อยๆก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าลูกแก้วลูกนั้น ภายใต้แสงสว่างจากโคมไฟในห้อง แสงสว่างสีม่วงจากลูกแก้วนั้นก็ได้สาดส่องเข้าไปที่ใบหน้าของนักพรตชรา ทำให้เขาดูแปลกประหลาดไปจากเดิมเล็กน้อย
“แต่ใช่ว่า… ใครๆก็จะสามารถครอบครองพลังวิเศษแบบนี้ได้นะ แต่เมื่อใดที่ได้มันมาครอบครองแล้วล่ะก็ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะอยู่ในเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร หรืออยู่ในเส้นทางอื่นๆ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางที่คนผู้นั้นเลือกเป็นอย่างมาก”
ฉีเล่ยยังคงนิ่งเงียบฟังคำบอกเล่าของนักพรตชราด้วยความสนอกสนใจ!
“ไม่ต้องไปดูเรื่องอื่นหรอก เอาเพียงแค่ทักษะทางการแพทย์ของเธอเรื่องเดียวก็พอ เธอรู้บ้างไหมว่า ทำไมในประวัติศาสตร์ถึงได้มีฉายาหมอเทวดาเกิดขึ้น?”
จากนั้น นักพรตซวนจื่อซือก็ได้ยกมือขึ้นโบกอีกครั้ง แล้วแสงไฟภายในห้องก็ดังพรึบลงทันที จากน้้นหน้าจอขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉีเล่ย ตามมาด้วยภาพมากมายที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้น
“ไม่ว่าจะเป็นซุนซือเหมี่ยว เปี่ยนเชีวยะ ฮัวโต๋ และแพทย์ชื่อดังอย่างจางจ้งจิ่ง ทุกท่านล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เข้าใจพลังของหยิน และหยางได้อย่างลึกซึ้งถ่องแท้ทั้งสิ้น”
เมื่อได้ฟังคำพูดของนักพรตซวนจื่อซือ ฉีเล่ยก็เริ่มตระหนักว่า แพทย์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ล้วนแล้วแต่ให้ความสำคัญในเรื่องของพลังหยินและหยางนี่จริงๆ
“แต่ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้ครอบครองอะไรเลยล่ะครับท่านอาจารย์?”
ฉีเล่ยเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้
“ก่อนอื่น เธอต้องเข้าใจและยอมรับก่อนว่า พลังหยินและหยางนั้น เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ใครก็จะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งเช่นกัน เธอรู้ที่มาของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางหรือไม่ล่ะ?”
จากนั้น บนหน้าจอขนาดใหญ่ของนักพรตซวนจื่อซือ ก็ได้ปรากฏภาพของผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางขึ้นในทันที
เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางถือกำเนิดในตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่ง แต่เมื่อเขาอายุได้สิบขวบนั้น ตระกูลของเขาก็ได้ตกต่ำลง กระทั่งในวัยสามสิบปี ตัวเขาเองก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว และได้กลายมาเป็นอันธพาลเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนนในที่สุด
ไม่มีใครรู้ว่า เขาได้เผชิญกับชะตากรรมเช่นไรมาบ้าง…
แต่ในค่ำคืนหนึ่ง จู่ๆก็มีแสงสว่างเจิดจ้าราวกับเวลากลางวันปรากฏขึ้นไปทั่วทั้งเมือง และในวันรุ่งขึ้น ก็ได้มีผู้สามารถครอบครองพลังหยินและหยาง ซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อนร่วม 500 ปี
นับแต่นั้นมา เขาก็เรียกขานตัวเองว่า ‘ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยาง’ และได้ใช้พลังวิเศษของตัวเองทำสิ่งต่างๆมากมาย จนผู้บำเพ็ญพรตคนอื่นๆ ต่างก็พากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นผู้เดียวที่มีโอกาสจะได้สัมผัสจุดสูงสุดแห่งเส้นทางบำเพ็ญเพียรนี้
แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางมีพลังวิเศษมากขึ้นเท่าไหร่ จิตใจของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งได้เห็นคนในตระกูลตกต่ำกว่าผู้คนในเมือง เขาก็ยิ่งใช้พลังวิเศษของตนเอง ทำให้ตัวเองดูไร้ค่ามาขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งใช้พลังวิเศษที่ได้มานั้นทำร้านผู้คนธรรมดาไปทั่ว
และยิ่งเขาทำเรื่องเลวร้ายมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ผู้คนโกรธแค้นมากขึ้นเท่านั้น แต่ในเมื่องทุกคนไม่สามารถควบคุมผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางให้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องได้ ผู้คนที่มีพลังอำนาจในเมืองจึงได้ร่วมมือกัน หลอกล่อเขาให้ไปถูกกักขังอยู่บนยอดเขาหงหยาซาน
“แต่เป็นเพราะการจะมีผู้ที่สามารถทำความเข้าใจพลังหยิน และหยางได้อย่างลึกซึ้งเช่นผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางนั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งนัก พวกเขาจึงไม่ต้องการสังหารผู้บำเพ็ญพรตหยินหยาง และได้แต่หวังว่า หลังจากที่ถูกกักขังอยู่บนยอดเขาหงหยาซาน และได้มีเวลาทบทวนตัวเอง ตราบใดที่เขาสำนึกผิด ก็จะได้รับการปล่อยตัว”
นักพรตซวนจื่อซือเล่ามาถึงตรงนี้ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ
“แต่ผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็ได้วางแผนป้องกันไว้อีกชั้น เผื่อว่าผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางนั้นจะสามารถหลบหนีออกไปได้ จึงได้ผนึกกำลังกันทิ้งรอยฝ่ามือนั้นไว้ที่พื้นภายในถ้ำ ซึ่งภายในรอยฝ่ามือนั้นก็คือเครื่องมือทำลายตัวเอง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางจะใช้วิธีหลอกล่อให้เธอเข้าไปในถ้ำนั้น แล้วสุดท้ายผลลัพธ์ก็ออกมาแบบที่เธอเห็นนั่นล่ะ!”
แต่ดูจากสีหน้าของนักพรตซวนจื่อซือในตอนนี้ ดูเหมือนเขาเองก็ออกจะพอใจกับผลลัพธ์ที่กิดขึ้น แต่ฉีเล่ยก็คร้านที่จะสนใจเรื่องเล็กๆน้อยเหล่านี้ แต่รีบเอ่ยถามออกไปทันที
“นี่หมายความว่า… ลูกแก้วลูกนี้ได้ช่วยชีวิตของผมไว้งั้นเหรอครับท่านอาจารย์?”
ฉีเล่ยหันไปจ้องมองลูกแก้วสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ผู้บำพรตหยินหยางนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งมาก แต่พลังภายใต้ฝ่ามือนี้กลับสามารถทำลายผู้บำเพ็ญพรตหยินหยางได้ แต่กลับไม่สามารถทำอันตรายฉีเล่ยได้ จึงเป็นเหตุให้ฉีเล่ยออกจะแปลกประหลาดใจ
“แล้วแต่เธอจะคิด?” นักพรตซวนจื่อซือตอบกลับยิ้มๆ
“เอาล่ะ ฟังให้ดีนะ! ตอนนี้เธอเองก็ได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้แล้ว หากเธอสามารถดูดซับเอาพลังหยิน และหยางที่อยู่ภายในลูกแก้วนี้ได้ เธอก็จะเป็นคนต่อไป…”
นักพรตซวนจื่อซือพูดค้างไว้เพียงเท่านั้น ในขณะที่ฉีเล่ยเองก็ได้แต่งุนงง และไม่รู้ว่าต้องตอบกลับไปอย่างไร?
ในประวัติศาสตร์นั้น จางจ้งจิ่งและแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ต่างก็ได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง และเป็นแพทย์ที่ได้ช่วยเหลือผู้คนมากมากมายในอดีต จนผู้คนพากันเรียกขานว่าหมอเทวดา ซึ่งที่่ผ่านมา ด้วยทักษะทางการแพทย์ฉีเล่ยเองนั้น แม้หลายคนจะเรียกขานเขาว่าหมอเทวดา ตัวเขาเองยังไม่กล้ายอมรับอย่างเต็มอก
แต่ตอนนี้.. โอกาสที่ยิ่งใหญ่ได้มาถึงเขาแล้ว!
เวลนี้ฉีเล่ยรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าเธอดูดซับพลังหยินและหยางนี้เข้าไป ย่อมเท่ากับได้วิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศอยู่ในตัว วิชาแพทย์หยินหยางนี้เป็นทักษะทางการแพทย์ที่ทรงพลังที่สุด ธรรมชาติของมนุษย์คือหยินและหยิง ร้อนเย็นล้วนเกิดจากพลังหยินและหยางทั้งสิ้น ความเจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์บนโลกใบนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากหยินและหยางไม่สมดุลทั้งสิ้น หากเธอได้ครอบครองวิชาแพทย์หยินหยางนี้ ย่อมสามารถใช้มันควบคุมสมดุลหยินและหยางในร่างของมนุษย์ทุกคนได้ เธอก็จะได้เป็นหมอเทวดาคนต่อไป…”
การรักษาโรค และอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของผู้คนนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี และที่เขาก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนขึ้นมานั้น จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการพัฒนายาจีนที่มีประสิทธิภาพขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อใช้ทดแทนบทบาทของแพทย์นั่นเอง
ส่วนอีกทางหนึ่ง ก็อาศัยทักษะทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งของหมอช่วย ในกรณีที่พบเจอผู้ป่วยหนัก หรือมีอากรที่รักษาให้หายได้ยาก
ฉะนั้นแล้ว ความต้องการของเขาจะเป็นจริงได้แน่ หากได้พลังหยินและหยางที่แข็งแกร่งเข้ามาช่วย!
“ผมจะทำสำเร็จรึเปล่า?”
ฉีเล่ยจ้องมองลูกแก้วสีม่วงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่มั่นใจนัก
“ผมจะสามารถดูดซับพลังหยินและหยางในลูกแก้วได้รึเปล่านะ?”
ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ล่วงรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่ง และความสำคัญของพลังหยินและหยางนั้น ฉีเล่ยยังรู้สึกสบายๆผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของนักพรตซือหยวนจื่อเท่านั้นล่ะ ความกดดันในตัวเขาถึงกับเพิ่มขึ้นในทันที
“ทำใจให้สบาย ให้รู้สึกปล่อยวางผ่อนคลาย ถ้าพลังหยินและหยางสามารถถูกครอบครอง และควบคุมได้ง่ายๆ คิดดูสิว่าในประวัติศาสตร์การแพทย์จีนที่ยาวนานนับพันปี จะมีผู้ได้ฉายาหมอเทวดาเพียงไม่กี่คนงั้นรึ?”
นักพรตหยวนจื่อซือเอ่ยบอกฉีเล่ยอีกครั้ง
“ครับท่านอาจารย์ ผมเข้าใจแล้ว!” ฉีเล่ยพยักหน้าตอบ
เวลานี้ ลูกแก้วยังคงเปล่งประกายแสงเจิดจรัสท่ามกลางความมืดภายในห้อง
“นี่เป็นพลังหยินและหยางในตำนานจริงๆน่ะเหรอ?” ฉีเล่ยได้แต่พึมพำออกมาเบาๆ
ส่วนนักพรตซวนจื่อซือนั้น หลังจากที่จ้องมองฉีเล่ยยิ้มๆ ร่างของเขาก็ค่อยจางหายไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ก่อนที่ร่างของเขาจะอันตรธานหายไปนั้น ก็ได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้หนึ่งประโยค
“เป็นหนึ่งเดียวกับลูกแก้วล้ำค่านั้นให้ได้ แล้วจะได้พบกับสิ่งล้ำค่าที่สุด!”
แต่ก่อนที่ฉีเล่ยจะทันได้พูดหรือถามอะไร ร่างของนักพรตซวนจื่อซือก็ได้อันตรธานหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงคำพูดประโยคสุดท้ายที่ยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของฉีเล่ย