ยอดคุณหมอสกุลเฉิน - ตอนที่276 สวนสมุนไพร
ตอนที่276 สวนสมุนไพร
เมื่อใดที่นักพรตซวนจื่อซือปรากฏตัว ดูเหมือนจะต้องนำบางสิ่งบางอย่างมาให้กับฉีเล่ยทุกครั้งไป
แต่ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้ นักพรตซวนจื่อซือจะคอยอยู่ข้างกายเขาเสมอ เขากลับไม่รู้สึกกังวลว่า การปรากฏตัวของนักพรตชราผู้นี้จะส่งกระทบต่อการชีวิตของเขาแต่อย่างใด
สำหรับฉีเล่ยแล้ว เขามีความประทับใจในตัวนักพรตชราผู้นี้มาก เขารู้สึกว่านักพรตชราผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ได้ก้าวข้ามโลกมนุษย์ไปแล้ว และเหตุผลที่นักพรตซวนจื่อซือคอยอยู่เคียงข้างกายเขานั้น ก็เป็นเพราะทั้งคู่ต่างมีวาสนาต่อกันเท่านั้นเอง
หลังจากทบทวนคำพูดของนักพรตชราอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเล่ยก็เอื้อมออกไปหยิบลูกแก้วสีม่วงนั้นขึ้นมาไว้ในมือ
เดิมทีฉีเล่ยไม่มั่นใจว่า ตนเองจะเป็นผู้ที่เหมาะสมได้รับพลังหยินและหยางที่แข็งแกร่งนี้หรือไม่ แต่หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของนักพรตชราแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อลูกแก้วลูกนี้อีกเลย คงจะเป็นความประสงค์ของใครบางคนที่มีเจตนาอยากให้เขาได้พบกับลูกแก้วนี้ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่า หลังจากได้รับพลังหยินและหยางที่แข็งแกร่งนี้เข้าไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง?
มีไม่กี่คนที่ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ภายในถ้ำบนยอดเขาหงหยาซาน และถ้ำแห่งนั้นก็อยู่ในป่าลึกเก่าแก่ที่ยากจะมีผู้คนพบเห็นได้ง่ายๆ จึงไม่มีชาวบ้านหรือคนต่างถิ่นเข้าไปที่นั่นบ่อยนัก กระทั่งเกิดการระเบิดขึ้นภายในถ้ำ ข่าวคราวก็ยังเงียบกริบ ไม่มีแพร่สะพรัดออกไปให้ผู้คนภายนอกได้ล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากสัมผัสกับลูกแก้วอยู่นาน นอกเหนือจากความเย็นแล้ว ฉีเล่ยก็ไม่ได้รู้สึกว่า ตนเองจะสามารถเชื่อมต่อกับลูกแก้วได้เหมือนที่นักพรตชราบอกไว้เลย แต่ถึงอย่างนั้น เขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก
……….
ในวันนี้ สภาแพทย์แผนจีนได้มีแพทย์มาสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มมากขึ้นอีกสองสามคน สมาชิกส่วนใหญ่ขององค์กร ล้วนแล้วแต่เป็นแพทย์แผนจีนที่อยู่ตามโรงพยาบาลแถบชานเมืองของปักกิ่งทั้งสิ้น
ฉีเล่ยอนุญาตให้แพทย์แผนจีนที่มาสมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนั้น สามารถเลือกได้ว่าจะทำเป็นงานพาร์ทไทม์ หรือจะทำงานเต็มเวลาก็ได้ แต่เพราะสภาแพทย์แผนจีนยังเป็นองค์กรใหม่อยู่ และไม่รู้ว่าจะสามารถหาเงินจ้างคนไปได้ยืนยาวหรือไม่ แน่นอนว่า ย่อมไม่มีใครยอมละทิ้งงานที่มั่นคงของตัวเอง เพื่อมมาทุ่มให้กับสภาแพทย์แผนจีนอย่างเต็มตัวแน่
ที่ผ่านมานั้น แพทย์แผนจีนที่อยู่ตามโรงพยาบาลในแถบชานเมือง ต่างก็ไม่ลังเลใจที่จะมาสมัครก็เพราะความสนอกสนใจในตัวฉีเล่ย นอกเหนือจากนั้นแล้ว พวกเขาก็ยังจะได้มีโอกาสทำงานวิจัยค้นคว้า และพัฒนายาจีนควบคู่ไปด้วย โดยไม่จำเป็นต้องละทิ้งงานที่ตนเองทำอยู่
“สวัสดีครับทุกท่าน”
ภายในสำนักงานแพทย์แผนจีนที่เพิ่งจะทำการตกแต่งและรีโนเวทเสร็จนั้น ฉีเล่ยยืนอยู่บนเวที พร้อมกับจ้องมองไปทางผู้คนหลายสิบคนที่อยู่ด้านล่าง พร้อมกับเอ่ยทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“วันนี้ เป็นวันที่พวกเราชาวแพทย์แผนจีนต่างก็ได้มารวมตัวกัน จุดประสงค์ที่ผมก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนแห่งนี้ขึ้นมานั้น ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของแพทย์แผนจีน ในขณะเดียวกันก็ร่วมกันทำบางสิ่งบางอย่างอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนในชาติด้วย”
ฉีเล่ยหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า
“ภายในสภาแพทย์แผนจีนแห่งนี้ ผมจะสร้างศูนย์วิจัยค้นคว้าและพัฒนายาจีนขึ้นมาด้วย หากท่านใดคิดว่าตนเองมีความสามารถ และสนอกสนใจในเรื่องนี้ ก็สามารถสมัครเข้ามาทำงานในแผนกนี้ได้เลย ส่วนผมจะทำหน้าที่จัดหาสมุนไพรต่างๆให้ตามความจำเป็นอย่างพอเพียง เว้นเพียงแต่สมุนไพรที่หาได้ยากมากๆเท่านั้น”
หลังจากได้ฟังคำพูดของเฉีเล่ย เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นที่ด้านล่างเวทีทันที
“ทำไม? ทุกท่านไม่เชื่อที่ผมพูดงั้นเหรอครับ?”
ฉีเล่ยเอ่ยถามพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
“ประธานฉี พวกเราไม่ปฏิเสธและยังยอมรับว่า คุณเป็นแพทย์แผนจีนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศมาก แต่ในการวิจัยค้นคว้าและพัฒนายาจีนนั้น จำเป็นจะต้องมีการทดลองซ้ำๆหลายๆครั้ง แต่ละครั้งก็ต้องใช้สมุนไพรและวัตถุดิบจำนวนไม่ใช่น้อย คุณจะมีกำลังเงินมากพอที่จะจัดหาสมุนไพรมาให้พวกเราได้งั้นเหรอครับ? เรื่องพวกนี้คุณเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว”
แพทย์คนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีเป็นผู้ร้องตะโกนถามขึ้นมา
ฉีเล่ยจ้องมองสำรวจคนผู้นั้นอย่างละเอียด และพบว่าเขายังเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มอายุน้อย ด้วยอายุเพียงแค่นี้ แต่กลับสามารถมาเป็นแพทย์แผนจีนได้นั้น ฉีเล่ยจึงอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
“คุณวิเคราะห์ได้ถูกต้องมาก และเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่ผมตระหนักดีเช่นกัน เพราะฉะนั้น จึงมีอีกภารกิจหนึ่ง และนับเป็นภารกิจสำคัญสำหรับทุกๆท่าน”
การที่ฉีเล่ยจะก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนขึ้นมาด้วยความมั่นอกมั่นใจได้นั้น ย่อมหมายความว่า เขาได้จัดวางโครงสร้างที่สำคัญขององค์กรไว้ทั้งหมดแล้วนั่นเอง
“ทุกท่านครับ นอกจากสำนักงานสภาแพทย์แผนจีน และศูนย์วิจัยค้นคว้ายาแล้ว ผมยังได้จัดสรรพื้นที่ไว้สำหรับปลูกสมุนไพร และได้ให้ชื่อสวนแห่งนี้ว่าสวนสมุนไพร“
“สวนสมุนไพร?!”
ทุกคนต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมๆกัน
“ตอนนี้ ตัวผมเองมีเมล็ดพันธุ์สมุนไพรอยู่หลายพันชนิด หากท่านใดสนใจที่จะทำงานในสวมสมุนไพรแห่งนี้ ก็ขอให้สมัครมาได้ สำหรับผู้ที่สมัครเข้ามาทำงานในสวนสมุนไพรแห่งนี้นั้น งานหลักและงานเดียวที่จะต้องรับผิดชอบก็คือ การดูและทำนุบำรุงสมุนไพรเหล่านั้นให้ดี”
“ผมจะเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับสมุนไพรแต่ละชนิดไว้ให้ว่า แต่ละชนิดชอบสิ่งแวดล้อมแบบไหนบ้าง และมีข้อห้ามข้อกำหนดที่จำเป็นสำหรับสมุนไพรนั้นๆอย่างไรบ้าง เพียงแต่พวกคุณจะต้องท่องจำสิ่งที่ผมเขียนให้ขึ้นใจเท่านั้นเอง”
หลังจากได้ฟังคำพูดของฉีเล่ย ในเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างก็พากันจิตใจพุ่งพล่านกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที
นั่นเพราะที่ผ่านมานั้น การที่วงการแพทย์แผนจีนไม่สามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าได้ นอกจากขาดแคลนแพทย์ที่มีพรสวรรค์แล้ว ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งก็คือการขาดแคลนสมุนไพรจีนนั่นเอง
การที่ป่าไม้ค่อยๆถูกรุกรานและถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสมุนไพรป่าจำนวนมากมาย อีกทั้งผู้คนในยุคสมัยนี้ ก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงความยากลำบากในการเก็บสมุนไพรเหมือนอย่างในสมัยโบราณด้วย
ในเมื่อขาดแคลนวัตถุดิบ การจะพัฒนายาจีนจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง
แต่ตอนี้ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนเวทีกลับกำลังประกาศก้องว่า เขามีเมล็ดพันธุ์สมุนไพรอยู่มากกว่าหนึ่งพันชนิด ฟังดูแล้วมันเป็นเรื่องเพ้อฝันเสียมากกว่า
“ถ้าท่านใดอยากจะทำงานี้ ก็มาเซ็นสัญญากับทางองค์กรได้เลย ผมรับรองว่า ทางองค์กรจะให้เงินเดือนและผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับองค์กรอื่นๆทั่วไป และเมื่อสมุนไพรโตเต็มวัยแล้ว ก็ยังจะได้รับค่าตอบแทนตามประเภท และปริมาณของสมุนไพรนั้นๆอีกด้วย”
ฉีเล่ยกล่าวต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“แน่นอนว่า หากท่านใดสามารถวิจัยและพัฒนายาจีนตัวใหม่ขึ้นมาได้ เหมือนกับที่ผมได้แสดงให้ดูก่อนหน้านี้ ท่านนั้นก็จะได้รับเงินรางวัลจำนวนหนึ่งล้านหยวน ส่วนผลประโยชน์ที่ได้จากยานั้นๆ ก็จะแบ่งครึ่งระหว่างองค์กรกับผู้ที่คิดค้น”
ในเมื่อมีสิ่งล่อใจมากมายขนาดนี้ มีไม่หลายคนหรอกนะที่จะสามารถปฏิเสธได้!
การปกป้องผลประโยชน์ของแพทย์ในองค์กร เป็นสิ่งที่หลายคนต้องการเห็น และเป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์แผนจีนคนอื่นๆที่ยังไม่มาสมัครนั้น กำลังเฝ้ามองดูอยู่เช่นกัน
และทันทีที่ฉีเล่ยพูดจบ หมอหนุ่มที่สงสัยคลางแคลงใจในตัวฉีเล่ยก่อนหน้านี้ก็รีบยกมือขึ้น พร้อมกับร้องตะโกนบอกไปว่า
“ผมขอสมัครเป็นคนดูแลสวนสมุนไพรครับ”
ฉีเล่ยรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะการที่มีคนหนึ่งริเริ่มขึ้น การประชุมก็จะเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น และช่วยกระตุ้นอารมณ์ร่วมของผู้ร่วมประชุมคนอื่นๆได้
หลังจากที่ชายหนุ่มยกมือขึ้น คนอื่นๆที่สนอกสนใจก็พากันยกมือขึ้นบ้าง และได้บอกว่าตนเองต้องการที่จะทำงานในหน้าที่ใด
หลังจากที่ฉีเล่ยสั่งให้หลินชูวโม่ช่วยจดบันทึกความต้องการของแต่ละคนไว้แล้ว การประชุมครั้งแรกของสภาแพทย์แผนจีนก็เป็นอันสิ้นสุดลง
ฉีเล่ยรอจนกระทั่งแพทย์คนอื่นๆออกจากห้องไปแล้ว จึงได้เดินเข้าไปหาหมอหนุ่มที่สมัครเข้ามาเป็นคนดูแลสวนสมุนไพร พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร แล้วตอนนี้ทำงานอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
“ผมชื่อจงอี้ห่าวครับ ยังไม่ได้ทำงาน เป็นนักศึกษาแพทย์แผนจีนปีสี่ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง”
จงอี้ห่าวตอบฉีเล่ยกลับไปพร้อมกับยิ้มกว้าง ระหว่างนั้น หลินชูวโม่ก็ได้เดินเข้ามากระซิบข้างหูของฉีเล่ยว่า
“เขาเป็นคนแรกที่มาสมัครเป็นสมาชิกของสภาแพทย์แผนจีนเลยล่ะ!”
ทันทีที่ได้ยิน ฉีเล่ยก็ถึงกับหัวใจพองโต นี่แสดงให้เห็นว่า นักศึกษาหนุ่มปีสี่คนนี้มีความรัก และสนอกสนใจในศาสตร์นี้มากจริงๆ
“แสดงว่าที่มาสมัครนี่เพราะรักในศาสตร์นี้จริงๆสินะ?” ฉีเล่ยเอ่ยถามยิ้มๆ
“ใช่ครับ! ผมชื่นชอบศาสตร์การแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เพราะสิ่งนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศจีน แต่ครอบครัวของผมกลับไม่สนับสนุนให้เดินเส้นทางนี้สักเท่าไหร่ พูดตรงๆก็คือ พวกเขาเห็นว่ามันเป็นอาชีพที่ทำเงินไม่ได้นั่นล่ะครับ! พวกเขาคิดว่า ถ้าผมเลือกอาชีพนี้ อนาคตข้างหน้าก็จะไม่สดใสเท่าที่ควร”
จงอี้ห่าวตอบเล่าให้ฉีเล่ยฟังด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
“เรื่องนั้นผมเข้าใจดี!”
“แต่เพื่อความฝันของผม ผมก็ต้องอดทนอดกลั้น! ผมต้องแอบไปสอบเข้าเรียนสาขาแพทย์แผนจีนโดยไม่ให้ที่บ้านรู้ ส่วนคุณเป็นไอดอลในดวงใจผมเลยครับ พอรู้ว่าคุณหมอเทวดาเป็นประธานขององค์กรนี้ ผมก็รีบมาสมัครเป็นสมาชิกทันที”
ระหว่างที่พูดนั้น สีหน้าของจงอี้ห่าวก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“เอาอย่างนี้ดีไหม? ถ้ามีโอกาสฉันจะให้เธอติดตามฉันไปตามที่ต่างๆด้วย ในระหว่างนี้เธอก็ตั้งใจทำหน้าที่ดูแลสวนสมุนไพรให้ดี”
หลังจากที่ได้รู้ว่าเขายังเป็นเพียงแค่นักศึกษาหนุ่ม ฉีเล่ยจึงได้เปลี่ยนสรรพนามในการเรียกให้ฟังดูไม่เป็นทางการมากนัก จากนั้นจึงยิ้มให้กับจงอี้ห่าว พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เอาล่ะ ฉันขอฝากสวนสมุนไพรไว้ในมือของเธอนะ!”